- 11 ส.ค. 2560
ช็อก...สะเทือนความรู้สึก !!! "น้องโฉ" เหยื่อรุ่นน้องเลือดร้อนเสียชีวิตแล้ว "ทนายเกิดผล"ลั่น งานนี้แจ้งข้อหาเพิ่ม!
สืบเนื่องจากกรณีที่มีผู้ร้องเรียนไปยังเพจเฟซบุ๊ก แหม่มโพธิ์ดำ ในคดีคนร้ายบุกยิง นายณัฐวุฒิ สิงห์สร หรือ โฉ อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 ในห้องน้ำ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม โดยเพื่อนเล่าว่าโฉถูกยิงที่ท้ายทอยจนทะลุเบ้าตา ได้รับบาดเจ็บสาหัส สำหรับผู้ก่อเหตุนั้นทราบชื่อ นายอภิชาติ เสริมสิน อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยเดียวกัน โดยอ้างว่าไม่พอใจที่ถูกมองหน้า จึงใช้ปืนปากกายิง
จากคำบอกเล่าของเพื่อนผู้เสียหายบอกว่าพ่อแม่ของโฉ เป็นแค่ตาสีตาสา ไม่มีได้มีเงิน ไม่ได้มีเส้นสาย ไม่มีช่องทางในการดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ท่านทั้งสองกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงอยากได้ทนายมาช่วยสู้คดีนี้ ต่อมาได้ทราบว่าทางครอบครัวได้ติดต่อกับทนายเกิดผล เพื่อช่วยเหลือในคดี ซึ่งทนายเกิดผลก็รับปากจะช่วยเหลือครอบครัวน้องโฉแล้ว
และเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2560 ทนายเกิดผล แก้วเกิด ได้โพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊กว่า
ผมกำลังเดินทางไปโรงพยาบาลจังหวัดนครปฐม เพื่อไปพบ คุณพ่อและคุณแม่ของน้องโฉ
แต่ตอนเช้าตรู่วันนี้ ผมโทรศัพท์ไปหาพ่อน้องโฉ ทราบว่า แกมาโรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่เช้ามืด เพื่อมายื่นคำร้องขอย้ายลูกชายมารับการรักษาที่ศิริราช ...
... ผมเข้าใจนะว่า เป็นความหวังของพ่อแม่ แต่ทางโรงพยาบาลเขาก็คงมีขั้นตอนปฎิบัติ ทั้งสองโรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม ผมพูดคุยกับพ่อของน้องโฉแล้ว ว่า ให้มาพบกันที่โรงพยาบาลจังหวัดนครปฐมก่อน พาเพื่อนและพยานที่อยู่ในเหตุการณ์มาด้วย
... เห็นแล้วสงสารจริงๆครับ ยิ่งถ้าได้พูดกับคุณพ่อแล้ว ยิ่งน่าสงสาร ตอนนี้แกก็เบลอไปหมด ในทางคดี ทั้งแพ่งและอาญา ผมจะช่วยอย่างเต็มที่ แต่วันนี้ ผมจะไปพบคุณพ่อและคุณแม่ของน้องโฉก่อน และอาจเข้าไปพบพนักงานสอบสวน เพื่อทราบแนวทางคดีต่อไป
ต่อมาวันที่ 9 สิงหาคม 2560 ทนายเกิดผลได้แจ้งข่าวความคืบหน้าว่าพ่อของน้องโฉตัดสินใจยุติการรักษาและให้หมอหยุดให้ยาแก่น้องโฉแล้ว
ในวันที่ 10 สิงหาคม 2560 ทนายเกิดผลก็ได้แจ้งข่าวการเข้าพูดคุยเจรจากับทางมหาวิทยาลัยและครอบครัวผู้ก่อเหตุ โดยมีรายละเอียดดังนี้
วันนี้ ผมเดินทางไปสถานีตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม เพื่อ พูดคุยกับ มารดา ของน้องเทนนิส และตัวแทนมหาวิทยาลัยราชภัฎนครปฐม เกี่ยวกับ กรณีที่ น้องโจโฉ ถูกรุ่นน้องในสถาบันใช้อาวุธปืนยิง ในมหาวิทยาลัยฯ ว่า ทางมหาวิทยาลัย มีแนวทางช่วยเหลือครอบครัวน้องโจโฉ อย่างไรบ้าง
ในเบื้องต้น ได้รับการชี้แจงจากตัวแทนของมหาวิทยาลัยว่า ทางมหาวิทยาลัยได้ ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายเบื้องต้นให้กับพ่อแม่ของน้องโจโฉ ภายหลังเกิดเหตุมาแล้ว 10,000 บาท
ส่วนเงินเกี่ยวกับความรับผิดในทางแพ่ง ทางมหาวิทยาลัยยังไม่สามารถสรุปได้ เพราะมีระเบียบข้อบังคับ ตามกฎหมาย และสุดท้าย อาจต้องรอผลทางคดี ว่า ศาลจะพิพากษาว่ามหาวิทยาลัยต้องร่วมรับผิดในทางแพ่งหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องในอนาคต
แต่ ณ ปัจจุบัน ทางคณาจารย์ และ เพื่อนๆ ของน้องโจโฉ ก็ได้ร่วมกันรวบรวมเงิน ตั้งเป็นกองทุน โดยเปิดบัญชีเงินฝาก ขึ้นมาบัญชีหนึ่ง ชื่อบัญชี
#กองทุนช่วยเหลือ นายณัฐวุฒิ สิงห์สน โดย นายมนูญ จันทร์สมบูรณ์ และ น.ส.รัตนากร นามวงษ์
เป็นบัญชีระรมทึนช่วยเหลือครอบครัวน้องโจโฉ ซึ่ง อาจารย์ มนูญ จันทร์สมบูร์ และ อาจารย์รัตนากร นามวงษ์ เป็นผู้มีอำนาจในการเบิกเงิน ตามบัญชี เพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว
รายการล่าสุดตอนเที่ยง ทราบว่า มียอดเงินในบัญชี ประมาณ 40,xxx บาท ครับ
ส่วนทางแม่น้องเทนนิส ผมได้แจ้งให้ทราบไป 2 เรื่อง
1.ความรับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมในทางแพ่ง ซึ่งในฐานะที่เป็นแม่ และลูกซึ่งเป็นผู้เยาว์ไปละเมิดผู้อื่น จะต้องรับผิดชอบในความเสียหายส่วนนี้ที่เกิดขึ้น
ในเบื้องต้น ยังไม่มีการพูดคุยเรื่องจำนวนเงิน หรือ ตัวเลข เพราะต้องรอผลสรุปทางแพทย์ก่อนว่า อาการน้องโจโฉ จะเป็นอย่างไร จะรักษาได้ หรือจะกลายเป็นเจ้าชายนิทรา หรือ ว่า อาจเสียชีวิต ซึ่งต้องคุยกันภายหลัง
ซึ่ง แม่ของน้องเทนนิสรับทราบ และรับปากว่าจะพยายามหาเงินมาชดใช้เรื่องที่ลูกกระทำผิด และในเบื้องต้น จะนำเงินมาไว้ให้พ่อแม่น้องโจโฉ ไว้เป็นค่าใช้จ่ายประจำวัน อีก 20,000 บาท ภายในวันเสาร์นี้
เรื่องที่ 2 ผมได้เตือนแม่น้องเทนนิสไปว่า ผมทราบว่า คุณแม่เป็นตำรวจ ยศพันตำรวจโท รับราชการอยู่ที่กองบังคับการตำรวจภูธร ภาค 7 ซึ่งอยู่จังหวัดนครปฐม ขออย่าได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ หรือ เส้นสาย มาแทรกแซง พนักงานสอบสวน เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปด้วยความยุ่งยาก และไม่เป็นธรรม และถ้าผมทราบ ผมจะไม่ยอม และจะร้องเรียนไปทุกหน่วยงาน รวมทั้งอาจฟ้องร้องคุณแม่ด้วย
ซึ่งคุณแม่น้องเทนนิส รับปากว่า จะให้เป็นไปตามกระบวนการต่อไปโดยจะไม่แทรกแซงในทางคดี
ส่วนในเรื่องกระบวนการสอบสวน ของพนักงานสอบสวน ก็เป็นไปในทิศทางที่ดี ตอนนี้ พนักงานสอบสวน รอผลกานตรวจพิสูจน์ของกลาง จากทางกองพิสูจน์หลักฐาน ทั้งคราบเขม่าดินปืน ที่เก็บจากมือของมือปืน , ลายนิ้วมือจากด้ามปืน ,คราบเลือดที่ติดอยู่กับเสื้อผ้าและร้องเท้าของมือปืน ว่า ตรงกับ DNA ของน้องโจโฉ หรือไม่ และถ้าสุดท้ายหากน้องเสียชีวิต ก็ต้องให้แพทย์ผ่ากระโหลกศรีษะ เพื่อนำหัวกระสุนปืนที่ฝังอยู่ในกระโหลก มาเปรียบเทียบกับลำกล้อง ปืนของกลางที่ยึดได้ครับ
และในวันเดียวกันทนายเกิดผลก็ได้รับข่าวสุดเศร้าจากคุณพ่อว่าน้องโฉเสียชีวิตแล้ว ส่วนแนวทางปฏิบัติต่อไปคือแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับทางผู้ก่อเหตุนั่นเอง
อ้างอิง เกิดผล แก้วเกิด