ด่วนที่สุด!! โดนทิ้งให้นอนคุกเดียวดาย?? ศาลสั่งตัดสินจำคุก "บุญทรง" 42ปี คดีทุจริตระบายข้าวจีทูจี!! (รายละเอียด)

นอกจากคดีจำนำข้าวของ อดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แล้ว ยังมีอีกคดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำตัดสินในวันที่ 25 ส.ค. 60 คือคดีทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ซึ่งมีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และพวกเป็นจำเลย ล่าสุดอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล

โดยนายบุญทรง เปิดเผยก่อนเข้าฟังคำตัดสินของศาลฎีกาฯ ว่า ไม่กังวลเพราะที่ผ่านมาได้ต่อสู้เต็มที่ เพราะได้แสดงหลักฐานอย่างเต็มที่แล้ว วันนี้ได้มีการเตรียมหลักทรัพย์และหลักฐานในการยื่นประกันตัว และยื่นอุทธรณ์ในคดี หากศาลพิพากษาว่าตนมีความผิด แต่ขณะนี้ยังไม่ได้คิดเรื่องการยื่นอุทธรณ์

โดยข้อกล่าวหาของ นายบุญทรง ตามคำฟ้อง ที่ ป.ป.ช. ร่วมกับอัยการสูงสุด ยื่นฟ้องนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงพาณิชย์ และพวก รวม 28 คน ด้วยข้อกล่าวหา ทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจี ซึ่งศาลฏีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รับฟ้องลงคดี หมายเลขดำ อม.25/2558 ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ-ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เข้าข่ายกระทำผิด มาตรา 157 และฐานใช้อำนาจทุจริต สร้างความเสียหาย เข้าข่ายกระทำผิด มาตรา 151 ตามประมวลกฎหมายอาญา

 

ส่วนในทางเรียกค่าเสียหาย ตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ดำเนินการเรียกค่าเสียหาย จากการลงนามจีทูจีข้าว 4 สัญญา ปริมาณ 6.2 ล้านตัน มูลค่าความเสียหาย 20,000 ล้านบาท โดยส่งหนังสือมอบอำนาจการยึด อายัดทรัพย์พร้อมข้อมูลการสืบทรัพย์ ให้กรมบังคับคดีดำเนินการต่อ นายบุญทรงต้องชดใช้ค่าเสียหาย 1,700 ล้านบาท นายภูมิ 2,300 ล้านบาท ที่เหลือคนละ 4,000 ล้านบาท

ด่วนที่สุด!! โดนทิ้งให้นอนคุกเดียวดาย?? ศาลสั่งตัดสินจำคุก "บุญทรง"   42ปี  คดีทุจริตระบายข้าวจีทูจี!! (รายละเอียด)

ด่วนที่สุด!! โดนทิ้งให้นอนคุกเดียวดาย?? ศาลสั่งตัดสินจำคุก "บุญทรง"   42ปี  คดีทุจริตระบายข้าวจีทูจี!! (รายละเอียด)

ด่วนที่สุด!! โดนทิ้งให้นอนคุกเดียวดาย?? ศาลสั่งตัดสินจำคุก "บุญทรง"   42ปี  คดีทุจริตระบายข้าวจีทูจี!! (รายละเอียด)

ด่วนที่สุด!! โดนทิ้งให้นอนคุกเดียวดาย?? ศาลสั่งตัดสินจำคุก "บุญทรง"   42ปี  คดีทุจริตระบายข้าวจีทูจี!! (รายละเอียด)

 


ล่าสุดได้มีคำสั่งตัดสินของศาลออกมาโดยระบุว่า ได้ตัดสินนายบุญทรง เติภิยาภิรมณ์ 42ปี ส่วนทางด้านเสี่ยเปี๋ยงอีก 48 ปี ส่วน นายภูมิ สาระผล อีก36ปี พร้อมพวกอีก 28คน ปมทุจริต โครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) พร้อมรวมค่าชดใช้ค่าเสียหาย 16,000 ล้านบาท ไม่รอลงอาญา

รวมทั้งลงโทษจำคุกข้าราชการและบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และเอกชนอีก 2 รายร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 16,912 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา 7.5% นับตั้งแต่วันที่รับมอบข้าวตามสัญญาแต่ละฉบับ ส่วนจำเลยอื่นให้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายตามส่วนเช่นเดียวกัน


ด้านประวัติของ นาย บุญทรง เตริยาภิรมย์ เกิดเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2503 ที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่[1] เป็นบุตรของนายทรวง กับนางสุมาลี เตริยาภิรมย์ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยเคนทักกีสเตต เมื่อปี พ.ศ. 2525 และประกาศนียบัตรจากวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร

ด้านชีวิตส่วนตัว สมรสกับนางปอยใจระพี เตริยาภิรมย์ (ชื่อเดิม ปอยใจ สันติพนารักษ์) มีบุตร 3 คน คือ สฤษฎิ์วงษ์ เตริยาภิรมย์ เดชนัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ และกฤษฎิ์ชนัต เตริยาภิรมย์

โดย บุญทรง เตริยาภิรมย์ เป็นนักธุรกิจด้านอุตสาหกรรม เคยเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ ในระหว่างปี พ.ศ. 2540 ถึง พ.ศ. 2543 ต่อมาได้เข้ามาทำงานการเมืองโดยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงใหม่ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2544 สังกัดพรรคไทยรักไทย โดยชนะนางบุศรา โพธิสุข จากพรรคประชาธิปัตย์ และร้อยเอกหญิง ดร.เดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ จากพรรคความหวังใหม่ ต่อมาได้ย้ายมาสังกัดพรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย โดยที่นายบุญทรง เป็นสมาชิกกลุ่มวังบัวบานที่มีความสนิทสนมกับนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย

ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงใหม่ สมัยที่ 4 และได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ต่อมาในเดือนมกราคม พ.ศ. 2555 ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ต่อมาในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2556 เขาถูกปรับออกจากตำแหน่ง

สำหรับบุญทรง เตริยาภิรมย์ ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยมีนโยบายสำคัญคือ การจำนำข้าว จากการสำรวจความพึงพอใจของประชาชน โดยสำนักเอแบคโพล เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2555 เขาเป็นรัฐมนตรีที่ประชาชนไม่รู้จัก เป็นลำดับที่ 7

ต่อมาในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2556 เขาถูกปรับออกจากตำแหน่ง