หน้าแตกแล้วยังจะสะเออะ !!! "อ.จักษ์" จัดเต็มไม่ไหวหน้า "ลิ่วล้อยิ่งลักษณ์" ไล่ออกไปให้หมด...อ่านแล้วมีสะดุ้ง

สืบเนื่องจากวันที่ 25 ส.ค. 2560 วันชี้ชะตาตัดสินคดีจำนำข้าวของนางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยมีประชาชนเดินทางมาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อย่างหนาตา และยังมีบรรดาแกนนำนปช.อีกหลายคนเดินทางมาร่วมให้กำลังใจกับนางสาวยิ่งลักษณ์ด้วย 

แต่ทว่าท้ายที่สุดแล้วนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่เดินทางมารับฟังการคำพิพากษา อ้างว่าน้ำในหูไม่เท่ากัน ล่าสุดศาลออกหมายจับแล้ว พร้อมยึดหลักทรัพย์ประกันตัว 30 ล้านบาท และนัดอ่านคำพิพากษาอีกครั้ง 27 กันยายน 2560 ในเวลา 09:00 น. หากนางสาวยิ่งลักษณ์ไม่เดินทางมา ศาลอาจจะมีการพิจารณาพิพากษาลับหลังจำเลยได้

หน้าแตกแล้วยังจะสะเออะ  !!! "อ.จักษ์" จัดเต็มไม่ไหวหน้า "ลิ่วล้อยิ่งลักษณ์" ไล่ออกไปให้หมด...อ่านแล้วมีสะดุ้ง

ซึ่งนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเปิดเผยภายหลังจากรับทราบว่านางสาว ยิ่งลักษณ์ ถูกศาลออกหมายจับเนื่องจากไม่เดินทางมาศาลเพื่อรับฟังคำพิพากษาวันนี้ว่า ตัวเองก็เพิ่งได้รับทราบว่านางสาวยิ่งลักษณ์ ป่วยเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากันเมื่อเวลาประมาณ 8.00 น. ของเช้าวันที่ 25 สิงหาคม 2560 โดยเป็นการติดต่อผ่านตัวแทนของนางสาว ยิ่งลักษณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ไม่ทราบมาก่อนว่า นางสาว ยิ่งลักษณ์ มีอาการป่วยเพราะช่วง 2-3 วัน ที่ผ่านมา จะติดต่อนางสาว ยิ่งลักษณ์ ผ่านทางตัวแทนเท่านั้น ทั้งนี้ สาเหตุที่ไม่ได้มีการนำใบรับรองแพทย์มายืนยันต่อศาลนั้น เนื่องจากเป็นเหตุฉุกเฉินและเพิ่งได้รับทราบ

อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถยืนยันได้ว่านางสาวยิ่งลักษณ์อยู่ที่ไหน ในประเทศหรือต่างประเทศ ส่วนการที่ศาลออกหมายจับแล้วหากนางสาว ยิ่งลักษณ์ เดินทางมาพบศาลก่อนวันที่ 27 กันยายน นี้ ซึ่งเป็นวันที่ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีจำนำข้าวจะทำให้ศาลเพิกถอนหมายจับหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล

ทว่ากลับมีบรรดาลิ่วล้อหรือผู้ที่สนับสนุนนางสาวยิ่งลักษณ์ดาหน้ากันออกมาปกป้องและยกย่องการกระทำของนางสาวยิ่งลักษณ์ อย่างเช่น นางธิดา ถาวรเศรษฐ ได้ออกมากล่าวผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ รายการ"เหลียวหลังแลไปข้างหน้า" ถึงกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์  ไม่เดินทางเข้ารับฟังคำพิพากษาคดีโครงการรับจำนำข้าว ลายคนตั้งคำถามหลายอย่างต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ รวมถึงตนด้วย บางคนบอกไม่ควรสู้แต่แรก เพราะกระบวนการยุติธรรมไม่ถูกต้อง แต่นส.ยิ่งลักษณ์ อยากจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด นาทีสุดท้ายที่ไม่มา ซึ่งอาจจะรู้ผลแล้ว เห็นว่าไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม คุณยิ่งลักษณ์ ตัดสินใจไม่มานั้น ถูกหรือผิด

หน้าแตกแล้วยังจะสะเออะ  !!! "อ.จักษ์" จัดเต็มไม่ไหวหน้า "ลิ่วล้อยิ่งลักษณ์" ไล่ออกไปให้หมด...อ่านแล้วมีสะดุ้ง

ในทัศนะตนนอกจากเห็นใจ เข้าใจ ยังคิดว่าเป็นทางเลือกที่ดี อาจจะไม่ถูกใจคนจำนวนหนึ่ง คนบางส่วนอาจเรียกร้อง อาจถึงที่สุดมากกว่านี้ก็ได้ ในทัศนะยังคิดว่าทำดีที่สุดแล้ว ในแง่ทัศนะมองกันได้ แต่สิ่งที่คุณยิ่งลักษณ์ทำ แม้ใช้คำว่าหนี แต่ในสงครามการต่อสู้ การหนีก็เป็นกลยุทธ์ใน 36 กลยุทธ์โบราณหนีเป็นกลยุทธ์ข้อสุดท้าย ถามว่าหนีแล้วต่อสู้หรือไม่ หนีไม่ได้หมายความว่าไม่สู้ ไม่ได้หมายว่ายอมจำนน ที่บอกจะต้องยอมตายในสนามประชาธิปไตยไม่จำเป็นต้องตาย ยังสู้ได้

หน้าแตกแล้วยังจะสะเออะ  !!! "อ.จักษ์" จัดเต็มไม่ไหวหน้า "ลิ่วล้อยิ่งลักษณ์" ไล่ออกไปให้หมด...อ่านแล้วมีสะดุ้ง

หน้าแตกแล้วยังจะสะเออะ  !!! "อ.จักษ์" จัดเต็มไม่ไหวหน้า "ลิ่วล้อยิ่งลักษณ์" ไล่ออกไปให้หมด...อ่านแล้วมีสะดุ้ง

ทางทฤษฎี ต้องเข้าใจตามหลักการ เธออยู่ในฐานะชนชั้นนำของสังคม พูดง่ายๆเธอก็เป็น Elite (ชนชั้นนำหรือผู้มากลากดี) คนหนึ่ง หลายคนบอกทำไมยังมีชนชั้น ก็ยังมี แม้แต่จีนยังมีชนชั้น ทางเศรษฐกิจ การเมือง มีอยู่ตามความเป็นจริง แต่ตามระบอบประชาธิปไตย หลักการต้องไม่มีชนชั้น หนึ่งเสียงเท่ากันทุกคน การลงโทษต้องไม่มีชนชั้น แม้กฎหมายเราจะเขียนกฎหมายไม่มีชนชั้น แต่การดำรงอยู่ของชนชั้นยังมี คนที่มีความคิดเห็นต่อคุณยิ่งลักษณ์ กับอาจารย์ธิดา ก็ไม่ได้เห็นเหมือนกันทั้งหมด การทำหน้าที่ของ คุณยิ่งลักษณ์ ที่มาเล่นการเมืองถือว่าเสียสละ คนที่ไม่ใช่นักต่อสู้ อยู่สบายแล้ว เรื่องอะไรจะเข้ามา

จากกรณีที่เกิดขึ้นดร.จักษ์ ก็ได้ออกมาฟาดกลอนแรงถึงบรรดาลิ่วล้อของนางสาวยิ่งลักษณ์ที่ออกมาปกป้องและยกย่องการกระทำ โดยระบุดังนี้

#เธอผู้เสียสละ

ทำผิด หนีคดี
คือนารี ขี่ม้าขาว
ลิ่วล้อ นั่งรอยาว
นารีสาว หนีเข้ารู

หน้าแตก จนแหกเหวอะ
ยังสะเออะ มากอบกู้
ว่าเฉียบขาด ฉลาดรู้
ดีกว่าอยู่ ดูมันคิด

"ผิดก็หนี ดีก็กลับ"
นี่หรือครับ สุจริต
ออกมาเลีย เชียร์สุดฤทธิ์
ไม่ตะขิด ตะขวงใจ

หนีด่วน แต่เชียร์ดะ
เสียสละ แม่พระใหญ่
หนีเพื่อ ประเทศไทย
มันคิดได้ อย่างไงวะ?

เอางี้ จะดีไหม
พวกแกไป ด้วยเลยน่ะ
ออกไป ให้หมดนะ
ขอเถอะว่ะ เพื่อแผ่นดิน

จักษ์ พันธ์ชูเพชร
๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๐

 

อ้างอิง ดร.จักษ์ พันธ์ชูเพชร