- 01 ก.ย. 2560
กรุงเทพมหานครได้รับหนังสือแจ้งสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาจากอธิบดีกรมชลประทานว่า.....
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานครได้รับหนังสือแจ้งสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาจากอธิบดีกรมชลประทานว่าปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในปัจจุบันอัตราการระบายน้ำอยู่ที่ 1,498 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ลบ.ม./วินาที) ระดับน้ำหน้าเขื่อนอยู่ที่ระดับ +16.11 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง (ม.รทก.) และจากสถานการณ์น้ำที่สถานี C2 อ.เมือง จังหวัดนครสวรรค์ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นนั้น หากไม่มีฝนตกหนักเพิ่มบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดพิจิตร และจังหวัดอุทัยธานี คาดว่าระดับน้ำหน้าเขื่อนเจ้าพระยาจะไม่สูงขึ้นเกินกว่าระดับที่สามารถที่รับได้ ระดับที่สามารถรับได้ คือ +17.00 ม.รทก. เมตร จากระดับทะเลปานกลาง และปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาจะไม่เกิน 1,500 ลบ.ม./วินาที ตามแผนการระบายน้ำของกรมชลประทาน อย่างไรก็ดีในช่วงระหว่างวันที่ 4-8 ก.ย. 60 จะเป็นช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูง มีผลทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงตั้งแต่จังหวัดอ่างทอง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดปทุมธานี เพิ่มสูงขึ้น 10-15 ซม. และหลังจากวันที่ 8 ก.ย. 60 ก็จะปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติ
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า จากการคาดการณ์ดังกล่าว กทม. จึงมีความห่วงใยประชาชนที่มีบ้านเรือนอาศัยอยู่นอกแนวคันป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อย และคลองมหาสวัสดิ์ ซึ่งอาจจะได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนจากเอ่อล้นตลิ่ง หากมีฝนตกหนักในพื้นที่ภาคกลาง อาจส่งผลให้ปริมาณน้ำไหลผ่านแม่น้ำเจ้าพระยามากขึ้นประกอบกับมีน้ำทะเลหนุนในช่วงเวลาดังกล่าว โดยจากการสำรวจมีจำนวน 496 ครัวเรือน ในพื้นที่ 10 เขต ได้แก่ เขตบางซื่อ ดุสิต พระนคร สัมพันธวงศ์ บางคอแหลม ยานนาวา คลองเตย บางกอกน้อย คลองสาน และเขตราษฎร์บูรณะ จึงขอให้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และเตรียมขนย้ายสิ่งของให้อยู่ในที่สูง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนหากเกิดปัญหาระดับน้ำขึ้นสูง นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้สำนักงานเขตที่มีพื้นที่อยู่ตามแนวริมน้ำเจ้าพระยา สำรวจพื้นที่บ้านเรือนของประชาชน จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนในกรณีฉุกเฉินต่างๆ จัดเตรียมไม้สำรองไว้หากต้องมีการเสริมทางเดินเข้าสู่ชุมชน พร้อมทั้งจัดเตรียมยา เครื่องเวชภัณฑ์ และเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที
สำหรับการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา เนื่องจากจะภาวะน้ำทะเลหนุนสูงในพื้นที่กทม.ได้ก่อสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อย และคลองมหาสวัสดิ์ ต่อเนื่องครบแล้วในระดับ +2.8 ถึง +3.5 ม.รทก. ขณะเดียวกันทางสำนักการระบายน้ำยังได้วางกระสอบทรายไปแล้วประมาณ 1 แสนใบในจุดที่เป็นช่องว่าง เช่น บริเวณท่าเรือ อู่เรือ เพื่อป้องกันน้ำที่ทะลักเข้าเมื่อเกิดคลื่น โดยเสริมขึ้นมาที่ระดับ +2.30 ม.รทก. นอกจากนี้ยังเตรียมกระสอบทรายไว้อีกกว่าแสนใบเพื่อให้เสริมแนวในจุดที่อาจเกิดการรั่วซึมด้วย ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมาแม่น้ำเจ้าพระยา วัดระดับที่ปากคลองตลาด น้ำขึ้นสูงสุดเมื่อวันที่ 24 ส.ค. 60 ที่ระดับ +1.95 ม.รทก. ส่วนในเดือน ก.ย. นี้ น้ำทะเลจะหนุนสูงในช่วงวันที่ 3-8 ก.ย และ 17-26 ก.ย 60
ขณะที่ทางด้าน นายสมิทธ ธรรมสโรช ประธานมูลนิธิเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เปิดเผยว่าสถานการณ์ฝนจะไม่น้อยลง ขอให้ประชาชนติดตามการประกาศคำเตือนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้กำลังมีพายุก่อตัวในทะเลจีนใต้ ดูทิศทางเคลื่อนตัวเข้าประเทศเวียดนาม และประเทศลาว ซึ่งประเทศไทยจะได้รับผลกระทบในอีก 2-3 วันข้างหน้า โดยเฉพาะพื้นที่ท่วมอยู่แล้วได้รับผลกระทบมากขึ้น เช่นพื้นที่ลุ่มต่ำภาคกลาง ที่มีน้ำหลากจากทางเหนือลงมาด้วย ประกอบกับน้ำทะเลหนุนสูง ช่วงวันที่ 4-8 ก.ย. รวมถึงกรุงเทพฯและปริมณฑล อาจมีน้ำท่วมบางพื้นที่
ประธานมูลนิธิภัยพิบัติฯ กล่าวว่าจะเกิดสภาพอากาศแปรปรวนไปทั่วมีแนวโน้มที่จะเกิดน้ำท่วมทั่วโลก เพราะปริมาณฝนตกมากขึ้นผิดปกติ ทั้งนี้สมาคมอุทกวิทยาไทย จะจัดประชุมระดมผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ และทุกหน่วยงานด้านน้ำ มาร่วมหารือรายละเอียดทางวิทยาศาสตร์ ที่หอประชุมชูชาติ กำภู กรมชลประทาน ที่จัดขึ้นเร็วๆนี้ เพื่อตอบโจทย์ถึงปริมาณฝนที่ตกมากขึ้น วิเคราะห์ถึงสาเหตุเกิดจากอะไร เพื่อมาใช้ในการคาดการณ์สภาพอากาศให้แม่นยำยิ่งขึ้น เช่น ตกอย่างไร ที่ไหน เพื่อให้ข้อมูล ถูกต้อง รวดเร็วต่อประชาชน ในการแจ้งเตือนภัย ซึ่งถ้าแจ้งเตือนแล้วไม่เชื่อก็ต้องเดือดร้อนกัน
ด้านนายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่าพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สั่งการให้กรมชลประทานติดตามสถานการณ์น้ำ ในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมอย่างใกล้ชิด หากเกิดปัญหาให้รีบดำเนินการแก้ไขโดยเร่งด่วน โดยการติดตามสภาพอากาศของศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ(SWOC) ได้รับรายงานจากกรมอุตุนิยมวิทยาว่า ในช่วงนี้จนถึงวัน 3 ก.ย. ร่องมรสุมเคลื่อนขึ้นไปพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยจะมีลดลง ส่วนในช่วงวันที่ 4 - 5 ก.ย. 60 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ดังนั้น การระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จึงยังคงอยู่ในอัตราไม่เกิน 1,500 ลบ.ม./วินาที ตามแผนการระบายน้ำที่ได้วางไว้ ซึ่งจะไม่ทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ระดับน้ำอาจมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อยจากปริมาณน้ำท่าที่ไหลลงสู่แม่น้ำ ทางด้านท้ายเขื่อนซึ่งจะมีปริมาณน้ำไม่มากนัก
รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่าทั้งนี้ในช่วงวันที่ 4 – 8 ก.ย. จะเป็นช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูง มีผลทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ในช่วงจังหวัดอ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี เพิ่มสูงขึ้นประมาณ 10 - 15 เซนติเมตร หลังจากวันที่ 8 กันยายน 2560 ก็จะปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติ โดยกรมชลประทาน ได้มีหนังสือแจ้งเตือนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร รวมไปถึงอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำเอ่อล้นตลิ่ง ให้ติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ได้พยากรณ์อากาศ ระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม 2560 – วันที่ 6 กันยายน 2560 เอาไว้ดังต่อไปนี้ ...
ในช่วงวันที่ 31 ส.ค. – 3 ก.ย. ประเทศไทยจะมีฝนลดลง สำหรับทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 4 - 6 ก.ย. ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล สำหรับทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
อนึ่ง หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณประเทศฟิลิปปินส์ ได้เคลื่อนตัวลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบน และทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุดีเปรสชั่นแล้ว คาดว่า จะมีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และพายุนี้มีแนวโน้มจะเคลื่อนตัวไปบริเวณเกาะฮ่องกงและประเทศจีน ในช่วงวันที่ 2-3 ก.ย. นี้ ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปยังบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางด้วย
ข้อควรระวัง
ในช่วงวันที่ 4 - 6 ก.ย. ขอให้ประชาชนบริเวณบริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ฝนที่ตกสะสม น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย
ในช่วงวันที่ 1– 3 ก.ย. ร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีกำลังอ่อนลง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง ส่วนในช่วงวันที่ 4 - 6 ก.ย. มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 1 - 4 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่
ส่วนในช่วงวันที่ 5 - 6 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 1 - 4 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่
ส่วนในช่วงวันที่ 5 - 6 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 31 ส.ค. - 3 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่
ส่วนในช่วงวันที่ 4 – 6 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 31 ส.ค. – 3 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 -30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1- 2 เมตร
ส่วนในช่วงวันที่ 4 – 6 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 -35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส
ภาคใต้ฝั่งตะวันออก
ในช่วงวันที่ 31 ส.ค. – 3 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 -30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1- 2 เมตร
ส่วนในช่วงวันที่ 4 – 6 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 -35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส
ภาคใต้ฝั่งตะวันตก
ในช่วงวันที่ 31 ส.ค. – 2 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15 -35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
ส่วนในช่วงวันที่ 3 – 6 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20 -35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ในช่วงวันที่ 31 ส.ค. - 3 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่
ส่วนในช่วงวันที่ 4 – 6 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 25-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.