เสี่ยบุญชัย พบดีเอสไอ ให้ข้อมูลคฤหาสน์หรู กลางป่าสงวน สาวเส้นทางการเงินเชื่อมโยงเสี่ย ธ. หรือไม่

จากกรณีเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบบ้านพักขนาดใหญ่ 2 หลัง บนสันเขาที่เป็นเทือกเขาสูงในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าควนโต๊ะหลา และป่าแหลมซำ ต.คลองเคียน อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา นำโดย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พร้อมด้วย พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร และ พ.ต.ท.ประวุธ วงส์สีนิล รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.มนตรี บุณยโยธิน ผู้บัญชาการสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม เจ้าหน้าที่ป่าไม้ กรมป่าไม้ ทหารกองทัพภาคที่ 4 ตำรวจภูธรจังหวัดพังงา และกองกำลังชุดพยัคฆไพร สนธิกำลังเกือบ 150 คน  ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวตั้งอยู่บนยอดเขาครอบคลุมพื้นที่ 2 ตำบล คือ หมู่ 5 บ้านติเต๊ะ ต.คลองเคียน และ หมู่ 9 บ้านบากัน ต.หล่อยูง อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ชื่อ บ้านดาวล้อม มูลค่าไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาท ที่เชื่อว่าเป็นของนักธุรกิจใหญ่ในจังหวัดภูเก็ต แต่ขายต่อให้กับเจ้าสัวบุญชัย จากการสืบสวนทราบว่าบ้านหลังดังกล่าว อาจใช้เป็นที่หลบซ่อนตัวของพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และยังตั้งอยู่ไม่ห่างไกลจากสถานปฏิบัติธรรมมุกตะวัน สาขาของวัดธรรมกายใน จ.พังงา โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง จึงสามารถบุกเข้าไปถึงบ้านหลังดังกล่าวได้ เนื่องจากมีการล็อกกุญแจประตูเหล็กทางเข้าอย่างแน่นหนา

ในการตรวจค้นครั้งนั้น เจ้าหน้าที่นำหมายศาลจังหวัดพังงา ซึ่งมีข้อมูลว่าเป็นบ้านของนักธุรกิจใหญ่ในจังหวัดภูเก็ต และได้ขายต่อให้เจ้าสัวหมื่นล้านคนดังที่เป็นลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย อย่างไรก็ตามจากการตรวจค้นยังไม่พบร่องรอยของพระธัมมชโย รวมถึงลูกศิษย์คนสนิท เจ้าของบ้านหลังดังกล่าวภายในบ้านพัก ซึ่งการนำกำลังเข้าตรวจค้นในครั้งนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบเอกสารสิทธิในคดีบุกรุกป่า

สำหรับคฤหาสน์หลังดังกล่าว มีเอกสารสิทธิ นส.3ก.เลขที่ 1281 เนื้อที่ 39 ไร่ ซึ่งออกโดยการเดินสำรวจในปี พ.ศ.2520 เศรษฐีชาวจังหวัดภูเก็ตคนหนึ่งเป็นผู้ครอบครองทั้งนี้ ตามสภาพพื้นที่เดิมเป็นป่าตามมติ ครม.ปี 2504 และต่อมาประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติควนโต๊ะหลา-แหลมซำ เมื่อวันที่ 6 ก.ย.2527 เจ้าของที่ดินเดิม อ้างที่ดินแห่งนี้ทำประโยชน์มาตั้งแต่ปี 2487 ก่อนประกาศใช้กฎหมายที่ดิน 2497 เข้าเงื่อนไขออก นส.3 ก ได้ กรณีทำประโยชน์ต่อเนื่องกัน 10 ปี แต่ตามกฎกระทรวง ข้อ 5 ห้ามออกเอกสารสิทธิ์ในที่ภูเขา แม้จะทำประโยชน์มาก่อนทั้งนี้ดีเอสไอตรวจสอบ ความลาดชันเกิน 35% ซึ่งตามประมวลกฎหมายที่ดินกำหนดห้ามออกเอกสารสิทธิในที่เขา ที่ภูเขา ที่สงวนหวงห้าม

เสี่ยบุญชัย พบดีเอสไอ ให้ข้อมูลคฤหาสน์หรู กลางป่าสงวน สาวเส้นทางการเงินเชื่อมโยงเสี่ย ธ. หรือไม่

คืบหน้าล่าสุดวันนี้ 4 ก.ย. ล่าสุด นายบุญชัย เบญจรงคกุล หรือเจ้าสัวบุญชัย ได้เดินทางเข้าพบพ.ต.ท.มนตรี บุณยโยธิน ผอ.กองคดีทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ปากคำกรณีเกี่ยวข้องกับการครอบครองบ้านพักตากอากาศบนยอดเขาป่าสงวนแห่งชาติควนโต๊ะหลาและป่าแหลมซำ ต.คลองเคียน อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา โดยเข้าให้ปากคำในฐานะพยานต้องให้การด้วยตนเอง จึงไม่สามารถให้ทนายเข้าร่วมรับฟังการให้ปากคำได้ แม้ว่าปัจจุบันนายบุญชัย ได้โอนกรรมสิทธิ์ให้อดีตภรรยาเป็นผู้ถือครองที่ดินจำนวน 3 ไร่ พร้อมสิ่งปลูกสร้างก็ตาม

พ.ต.ท.ประวุธ รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า สำหรับการบุกรุกปลูกบ้านพักบนยอดเขาป่าสงวนควนโต๊ะหลาและป่าแหลมซำมีจำนวน 2 หลัง คือ บ้านของนายรัตน์ โอสถานุเคราะห์ และนายบุญชัย เบญจรงคกุล ซึ่งก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนเรียกนายรัตน์เข้าให้ปากคำแล้ว  หลังจากสอบปากคำพยานทั้ง 2 รายเสร็จสิ้นแล้วจะต้องตรวจสอบอายุความในคดีอาญาว่า คดียังอยู่ในอายุความหรือไม่ แต่ในส่วนของผู้นำที่ดินบนภูเขามาออกโฉนดขายยังพบว่า มีการนำที่ดินอีกนับพันไร่ไปขาย จึงต้องใช้มาตรการทางแพ่งของกฎหมายฟอกเงินเพื่อยึดทรัพย์และส่งเรื่องให้กรมที่ดินเพิกถอนโฉนด  

สำหรับพยานหลักฐานที่ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษนั้น เนื่องจากมีข้อห้ามตามกฎหมายที่ดิน ระบุชัดเจนว่า ห้ามออกเอกสารสิทธิในที่เขา หรือภูเขา และในเขตที่สงวนหวงห้ามของรัฐ อีกทั้งในช่วงเวลานั้นมีหลักฐานหลายอย่าง เช่น เรื่องการทำประโยชน์ ที่อ้างว่าทำสวนผลไม้มาแล้วกว่า 30 ปี ทั้งที่เป็นป่าล้วนๆ ซึ่งช่องทางตามกฎหมายก็ไม่มีทางที่จะออกเอกสารสิทธิได้

สำหรับการให้ปากคำในวันนี้ พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ต้องการทราบว่า เจ้าสัวบุญชัย ซื้อที่ดินต่อมาจากใคร ในปีใด และราคาเท่าไหร่ เนื่องจากดีเอสไอ ต้องการสาวให้เห็นเส้นทางเงินว่าจะโยงไปถึงเสี่ย "ธ" นักธุรกิจภูเก็ต หรือไม่เนื่องจากมีชื่อเป็นเจ้าของโฉนดคนแรก
ส่วนเจ้าสัวบุญชัย ดีเอสไอ จะดูที่เจตนาว่า นายบุญชัย มีเจตนาบุกรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติหรือไม่ หรือเป็นเพียงผู้รับซื้อ อย่างไรก็ตาม บ้านดาวล้อมจะต้องมีการรื้อถอนเพราะสร้างบนที่ดินป่าสงวนฯ และออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ

โดยเสี่ย ธ นั้นเป็นนักธุรกิจเป็นที่รู้จักในสังคมภูเก็ต หนึ่งในกลุ่มธุรกิจของเมืองใหม่กรุ๊ป ที่ต้นตระกูลทำธุรกิจเหมืองแร่เหมือนๆ กับตระกูลเศรษฐีอื่นๆ ในภูเก็ต ที่บ้านเมืองใหม่ อ.ถลาง และได้กว้านซื้อที่ดินต่างๆมาจากชาวบ้านทั้งในพื้นที่ภูเก็ตและพังงามานานแล้ว บางแปลงมีเอกสาร ส.ค.1 หลังจากนั้นก็มาดำเนินการยื่นขอออก นส.3 ก. แล้วขายต่อ ที่ดินแต่ละแปลงซื้อมานานแล้ว มีแปลงใหญ่ๆ ที่ขายให้กับนักลงทุนจากกรุงเทพฯ ทำสนามกอล์ฟก็มี รวมทั้งสร้างโรงแรม และขณะนี้ยังมีที่ดินที่อยู่ในมือของเสี่ย ธ อีกหลายแปลงทั้งในภูเก็ตและพังงา

จากการตรวจสอบพบว่า เสี่ย ธ  เป็นเจ้าของ บริษัท เมืองใหม่พร็อพเพอร์ตี้ จำกัดผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในจ.ภูเก็ต มีบริษัทที่เปิดดำเนินการ 9 บริษัท เลิกดำเนินการแล้ว 4 บริษัท รวม 13 บริษัท อาทิ บริษัท แอล.เอช. เมืองใหม่ จำกัดบริษัท ธวัช โฮลดิ้ง จำกัดเป็นต้น

บริษัท เมืองใหม่พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 4 ม.ค. 2537 ทุนปัจจุบัน 417.5 ล้านบาท ที่ตั้งเลขที่ 9/17 หมู่ที่ 6 ถนนเทพกษัตรี ตำบลรัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต นายธวัช ตันติพิริยะกิจ และ บริษัท ธวัช โฮลดิ้ง จำกัด ร่วมถือหุ้นใหญ่

บริษัท แอล.เอช. เมืองใหม่ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 15 สิงหาคม 2538 ทุนปัจจุบัน 900 ล้านบาท ที่ตั้งเลขที่ 9/9 หมู่ที่ 6 ถนนเทพกษัตรี ตำบลรัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)ถือหุ้นใหญ่ 49,499,995 หุ้น หรือ 55% บริษัท เมืองใหม่พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด40,499,996 หุ้น หรือ 45% มีบริษัทลูก 2 แห่งคือ บริษัท ภูเก็ต ฟิวเจอร์แพลน จำกัดและ บริษัท ดับเบิ้ลทรี จำกัด

ซึ่งบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด มีหัวขบวน อย่าง เจ้าสัวอนันต์ อัศวโภคิน หรือ “เฮียตึ๋ง” ประธาน และกรรมการผู้จัดการบริษัทแอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ได้ถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกหมายเรียกในข้อหาสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน กรณีพัวพันคดีซื้อที่ 46 ไร่ ติดวัดหลายคนทราบดีว่า เจ้าสัวอนันต์ ศรัทธาในพลังบุญของวัดพระธรรมกายอย่างมาก ปรากฏตัวในงานสำคัญของวัดหลายต่อหลายครั้ง มีชื่อเสียงเลื่องลือกันในวงศ์ผู้ทำบุญว่า บริจาคเงินแต่ละครั้งให้กับวัดพระธรรมกายหลายสิบล้านบาท ทั้งยังเป็นศิษย์เอกที่พระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดฯให้การเมตตาเอ็นดูนัก กิจกรรมสำคัญหรืองานก่อสร้างต่างๆในวัดถูกเนรมิตได้ก็มาจากฝีมือของเจ้าสัวอนันต์