‘พงศ์พร’ เปิดหน้าชน ‘ออมสิน’ เหลืออด ‘กล้าแลก’ รู้ ‘แผล’ อีกฝั่ง?

 การทำหนังสือแย้งการโอนจากผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) มาเป็นผู้ตรวจราชการประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ที่พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมเสน่ห์ ทำถึงนายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลพศ. ถือ เป็นประเด็นที่น่าจับตา

เพราะมันเป็นการแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจบางอย่างนอกเหนือเสียจาก “ข้อผิดพลาด” เรื่องขั้นตอนที่พ.ต.ท.พงศ์พร พยายามชี้ให้เห็น ไม่ว่าจะเป็น ประเด็นมติคณะรัฐมนตรีที่มีผลให้พ้นจากตำแหน่งนับตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่ปัจจุบันยังไม่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ลงมา พ.ต.ท.พงศ์พร จึงควรอยู่ในตำแหน่งต่อไปก่อน แต่กลับมีการขอและการให้ยืมตัวไปช่วยราชการ

นอกจากนี้ การที่มีการแต่งตั้งนายกนก แสนประเสริฐ รองผอ.พศ. รักษาราชการแทนผอ.พศ. ทั้งที่ยังไม่มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พ.ต.ท.พงศ์พร ไปเป็นผู้ตรวจราชการประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จึงไม่ต่างอะไรกับการตั้งทับซ้อนคนเก่าที่ยังอยู่

 

 พ.ต.ท.พงศ์พร ยังทิ้งท้ายในเอกสารว่า การให้ไปช่วยราชการสปน. ได้ต่อเมื่อผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดมีคำสั่งให้ไปเท่านั้น แต่ปัจจุบันผู้บังคับบัญชาของพ.ต.ท.พงศ์พร คือ “ออมสิน” ยังไม่ได้มีเอกสารทำไป แต่ปลัดสปน. กลับทำหนังสือแบ่งงานให้พ.ต.ท.พงศ์พรแล้วส่อให้เห็นถึงกระบวนการที่ไม่ปกติ รีบเร่ง ในการโยกย้ายครั้งนี้ เพื่อเขี่ย “พ.ต.ท.พงศ์พร” ให้เร็วที่สุดอย่างไรอย่างนั้น!?!

แน่นอนความหวังในชัยชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ของพ.ต.ท.พงศ์พร อาจยากสักหน่อย เพราะคนที่เกี่ยวข้อง และ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความแห่งชาติ (คสช.) เชื่อและฟังมาตลอดอย่าง “เนติบริกร” นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี คอนเฟิร์มว่า โยกย้ายได้ไม่มีปัญหา พ.ต.ท.พงศ์พรเองก็น่าจะรู้ แต่การเลือกเปิดหน้าใส่ครั้งนี้ โดยพุ่งเป้าไปที่ “ออมสิน” น่าจะเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นว่า ไม่กลัว 

การไม่กลัวเป็นเรื่องปกติที่สามารถมีได้ระหว่างข้าราชการกับรัฐมนตรี แต่ครั้งนี้พ.ต.ท.พงศ์พร น่าจะต้องการให้เห็นว่า กระบวนการโยกย้ายเขาครั้งนี้ไม่ถูกต้อง มีการวางแผนกันมาเป็นระบบ ตามที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ว่า “ออมสิน” และ “สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ” รมว.ยุติธรรม ได้หารือวงเล็กกันเรื่องเปลี่ยนตัวผอ.พศ.

 

        ทำไมพ.ต.ท.พงศ์พร ถึงไม่กลัว “ออมสิน” นั่นประเมินได้ว่า พ.ต.ท.พงศ์พร เองน่าจะมีข้อมูลหรือรู้แผลของอีกฝั่งพอสมควร จึงออกมาส่งสัญญาณถึง เพราะโดยวิถีข้าราชการปกติย่อมรู้ตัวว่า การต่อสู้แบบนี้ไม่มีทางชนะ เพราะสู้อำนาจนักการเมืองไม่ได้แต่การที่ยอมเปลืองตัวออกมาตอบโต้  ย่อมแสดงให้เห็นว่า “เหลืออด” และพร้อมจะ “แลก”งานนี้เลยต้องรอดูว่า “บิ๊กตู่” จะเอาอย่างไร จะให้ความเป็นธรรมกับข้าราชการที่ตัวเองเคยเรียกใช้ หรือฟังรัฐมนตรีอย่างเดียว!?!