“วันรื้อล้างระบอบทักษิณ” ....ทวนอดีตรัฐประหาร 19 กันยา ฟังมูลเหตุยึดอำนาจ  ตามรอยบิ๊กบัง “ลับ ลวง พราง” ปฏิวัติถอนรากแม้ว

“วันรื้อล้างระบอบทักษิณ” ....ทวนอดีตรัฐประหาร 19 กันยา ฟังมูลเหตุยึดอำนาจ ตามรอยบิ๊กบัง “ลับ ลวง พราง” ปฏิวัติถอนรากแม้ว

11 ปีแล้วที่เหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ผ่านพ้นมา ย้อนอดีตไปตอนนั้นไม่มีใครคาดคิดว่าอดีตผู้นำประเทศที่มาจากการเลือกตั้งซึ่งทรงอำนาจที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยอย่าง “นายกฯนายใหญ่” ที่ชื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯคนที่ 23 ซึ่งขณะนั้นดำรงค์ตำแหน่งเป็นนายกฯสมัยสอง หลังนำพรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้ง 6 กุมภาพันธ์ 2548 อย่างถล่มทลายด้วยเก้าอี้ส.ส. 377 ที่นั่งและเป็นรัฐบาลพรรคเดียวแบบที่ไม่มีพรรคการเมืองใดและผู้นำรัฐบาลคนใดทำได้มาก่อน แต่พ.ต.ท.ทักษิณก็ต้องมาพังพาบด้วยการกระทำของตัวเองและพวกพ้อง 

 โดยเฉพาะการหลงใช้อำนาจแบบไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมแทรกแซงองค์กรอิสระครอบงำกระบวนการยุติธรรมยึดครองสื่อ   ปล่อยให้มีการทุจริตคอรัปชั่นส์อย่างกว้างขวางหลายวงการ รวมถึงกระทำการจาบจ้างสถาบันพระมหากษัตริย์หลายครั้งหลายกรณีทั้งการพูดจาบจ้างปากไวและการกระทำไม่บังควรหลายเหตุการณ์ อาทิ  การอ้างว่ารัฐบาลไม่มีงบประมาณแต่สุดท้ายครม.ก็จัดซื้อเครื่องบินแอร์บัส พ่นชื่อ “ไทยคู่ฟ้า” เอาไว้ใช้งานเองเสมือนเครื่อง “แอร์ฟอซวัน” ของประธานาธิบดีอเมริกา   การใช้อุโบสถวัดพระแก้วในการทำบุญประเทศแถมแต่งกายไม่สุภาพ ทั้งๆที่รู้ว่าวัดพระแก้วเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์เป็นวัดที่สถาบันใช้ประกอบพิธีการต่างๆโดยไม่มีการขอพระบรมราชานุญาต    การออกมาพูดเรื่องบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายทหารที่นายกฯเซ็นต์ไปแล้วว่าใครจะกล้าเปลี่ยน    และโดยเฉพาะการพูดจาตอบโต้เรื่องการไม่จงรักภักดีในทำนองว่าถ้านายกฯไม่จงรักภักดี ผีที่ไหนจะจงรักภักดี   แต่ที่พีคสุดคือการพูดประโยคที่ว่า “ ถ้าในหลวงมากระซิบข้างหู...ว่าออกเถอะ จะกราบพระบาทบังคมลาทันที” ฯลฯ ทั้งหลายทั้งมวลเป็นแค่ส่วนหนึ่งเป็นแค่น้ำจิ้มที่เป็นสาเหตุให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภายใต้การนำของพล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล และคณะออกมาขับไล่  ก่อนจะถึงฟางเส้นสุดท้ายที่กลุ่มพันธมิตรฯประกาศชุมนุมใหญ่ “สงครามครั้งสุดท้าย”  ในการขับไล่พ.ต.ท.ทักษิณออกนอกประเทศ  ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า

 

    โดยขยับจากเดิมที่จะชุมนุมวันศุกร์ที่ 22 กันยายนมาเป็นวันพุธที่ 20 กันยายนแทนเพราะสืบทราบมาว่าพ.ต.ท.ทักษิณเริ่มได้กลิ่นไม่ดีและเลื่อนกำหนดกลับเมืองไทยเร็วขึ้น    โดยจะถึงเมืองไทยกลางดึกของวันพฤหัสบดีที่ 21 กันยายน ขณะที่กลุ่มคนรักทักษิณก็เตรียมออกมาชุมนุมสนับสนุนนายกฯนายใหญ่และประกาศพร้อมแตกหักกับกลุ่มพันธมิตรฯในวันที่ 19  กันยายนเช่นกัน งานนี้เลยทำให้พล.อ.สนธิตัดสินใจรัฐประหารในวันที่ 19 กันยายนทันทีทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ตั้งใจชิงสุกก่อนห่ามจะปฏิวัติตัดหน้าการชุมนุมในวันที่ 20 กันยายน 

 

 

 

 

เช้าวันอังคารที่ 19 กันยายนพ.ต.ท.ทักษิณสั่งทางไกลจากสหรัฐอเมริกาที่ตัวเองอยู่ระหว่างประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ โดยสั่งให้พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รักษาการนายกฯ เรียกผบ.เหล่าทัพทุกคนเข้าร่วมประชุม ครม. หลังข่าวลือเรื่องรัฐประหารเริ่มแพร่สะพัดมากขึ้น    หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวเรื่องรัฐประหารเกิดขึ้นมานาน2-3 สัปดาห์ และมีนักข่าวพยายามไปไล่ถามพล.อ.สนธิทุกวันทั้งเช้าเย็น แต่เจ้าตัวก็บ่ายเบี่ยง “ลับ ลวง พราง” 

มาตลอดว่าไม่มีอะไรแค่ข่าวลือทหารทุกคนยังอยู่ในกรมกองและไม่คิดปฏิวัติแน่นอน แต่ก็มีเรื่องผิดสังเกตให้แปลกใจอยู่ที่วันนั้นพล.อ.สนธิไม่มาประชุมครม.โดยอ้างว่าติดภารกิจต่างจังหวัด ขณะที่นักข่าวสายทหารก็เช็คกันวุ่นแต่ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าพล.อ.สนธิอยู่ไหน  ขณะที่ผบ.เหล่าทัพที่เหลือทั้ง “ครูอุ๊” พล.ร.อ.สถิรพันธุ์   เกยานนท์ ผบ.ทร. และ “บิ๊กต๋อย”พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก ผบ.ทอ. ก็ปฏิเสธการข่าวร่วมประชุมครม.อ้างติดภารกิจเช่นกัน  แทบทั้งวันของวันที่ 19 กันยายนมีข่าวลือเรื่องรัฐประหารดังตลอดทั้งวัน  นักการเมืองเช็คข่าวกันวุ่น รัฐมนตรีต่อสายนายทหารที่รู้จัก สายข่าวที่น่าเชื่อถือกันพัลวัน ไม่มีการยืนยันจากแหล่งใดว่าพล.อ.สนธิจะปฏิวัติ รัฐมนตรีและนักการเมืองส่วนใหญ่ตายใจใช้ชีวิตตามปกติ  กระแสข่าวรัฐประหารจึงกลายเป็นข่าวลือข่าวลอยลมที่เข้ามาในวงพูดคุยของคอการเมืองและขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์อีกวันเหมือนที่ผ่านมา  แต่ 19 กันยายนเป็นวันที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง   ราวสองทุ่มเศษกำลังทหารเริ่มเคลื่อนตัวออกจากที่ตั้งตามกรมกองต่างๆ ทั่วพระนคร  เพื่อเข้ายึดทำเนียบรัฐบาล กระทรวง และหน่วยงานสำคัญๆ ตามแผน “วัน ว. เวลา น.”ที่พล.อ.สนธิคิดการใหญ่ไว้ 7 เดือนรวมทั้งนัดหมายกับบรรดาแม่ทัพนายกองที่คุมกำลังไว้หมดแล้ว  

พ.ต.ท.ทักษิณเหมือนรู้ชะตากรรมสุดท้ายของตนเองในตำแหน่งนายกฯ   เขาพยายามทุกวิถีทางในการใช้อำนาจที่มีอยู่ในมือเพื่อรักษาสถานะของรัฐบาลและอำนาจของตัวเองให้ยืดยาวออกไป   ด้วยการฮึดสู้ครั้งสำคัญ  โดยพยายามให้ช่อง 11 ที่เป็นสถานีโทรทัศน์ในมือของรัฐบาลออกประกาศพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน   แต่ฟ้าไม่เป็นใจช่อง 11 โดนทหารยึดไว้ก่อนเพราะอยู่ใกล้และไปง่าย

ขณะที่พ.ต.ท.ทักษิณก็ยังไม่ละความพยายามในการดิ้นเฮือกสุดท้ายด้วยการโทรไปสั่งนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ผู้บริหารช่อง 9 โมเดิร์นไนน์ในขณะนั้นให้ออกอากาศรายการสดชี้เป็นชี้ตายอนาคต 

 

 

 

 

 

โดยพ.ต.ท.ทักษิณแถลงการณ์สดด้วยตัวเองพร้อมประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินจากปลายทางที่สหรัฐฯ  รอบนี้โชคดีช่อง 9 ออกอากาศแถลงการณ์พ.ต.ท.ทักษิณได้ทัน  เขาอ่านแถลงการณ์สุดท้ายแบบตะกุกตะกักท่าทางร้อนรน ใจความสำคัญคือ การแจ้งเหตุมีคณะนายทหารก่อการยึดอำนาจ แต่รัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์ทุอย่างได้แล้ว และในการนี้มีคำสั่งให้พล.อ.สนธิย้ายมาช่วยราชการที่สำนักนายกฯ และให้ไปรายงานตัวกับพล.ต.อ.ชิดชัยที่ดูแลความมั่นคงรวมทั้งตั้งพล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผบ.ทหารสูงสุดที่เป็นนายทหารฝ่ายตัวเองขึ้นเป็นผู้บัญชาการเข้าควบคุมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน  แต่ยังไม่ทันที่พ.ต.ท.ทักษิณจะอ่านแถลงการณ์จบ สวรรค์ก็ล่มลงโดยฉับพลันหลังทหารเข้าไปยึดห้องส่งช่อง 9  ตัดสัญาณและควบคุมการออกอากาศได้สำเร็จ  จังหวะเดียวกันนั้นโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย หรือ “ทรท.”  ก็ตัดภาพมาที่พล.อ.สนธิพร้อมผบ.เหล่าทัพนั่งเรียงแผงอำนาจกันครบ ทั้ง “ครูอุ๊” พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร.

“บิ๊กต๋อย” พล.อ.อ.ชลิต พุกพาสุข ผบ.ทอ. รวมถึงพล.อ.เรืองโรจน์และพล.ต.อ.โกวิทที่เป็นนายทหารนายตำรวจฝากฝั่งพ.ต.ท.ทักษิณก็นั่งหน้าเครียดเป็นแผงเคียงข้างพล.อ.สนธิ  จากนั้นพล.อ.สนธิในฐานะหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ “คปค.” ก็อ่านแถลงการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ปิดฉากอำนาจพ.ต.ท.ทักษิณอย่างเป็นทางการและถือว่าเป็นวันกัดกระดุมเม็ดแรกในการรื้อล้างระบอบทักษิณและตระกูลชินวัตรที่ ณ ปัจจุบันภารกิจรื้อล้างที่ว่าก็ยังดำเนินต่อไป

 

แต่เปลี่ยนหัวขบวนมาเป็น “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ “คสช.” แทน
//////////////////