แสบถึงแก่นใจ !!! "ดร.จักษ์" จัดกลอนเดือด จำได้ไม่ลืมปฏิวัติครั้งนั้น สัญชาติไพร่ ทำลายชาติ...แต่ละคำ แรงสะท้านทรวง !

วันที่ 21 กันยายน 2560 ดร.จักษ์ พันธ์ชูเพชร ได้โพสต์บทกลอนที่ชื่อว่า จำได้ โดยมีเนื้อหาที่เกี่ยวกับการปฏิวัติที่เคยเกิดขึ้นในอดีต และยังจดจำได้ไม่เคยลืมว่าเหตุเกิดจากอะไร และใครที่เป็นผู้ทำลายชาติ เหยียบย่ำบ้านเมือง

แสบถึงแก่นใจ !!! "ดร.จักษ์" จัดกลอนเดือด จำได้ไม่ลืมปฏิวัติครั้งนั้น สัญชาติไพร่ ทำลายชาติ...แต่ละคำ แรงสะท้านทรวง !

แสบถึงแก่นใจ !!! "ดร.จักษ์" จัดกลอนเดือด จำได้ไม่ลืมปฏิวัติครั้งนั้น สัญชาติไพร่ ทำลายชาติ...แต่ละคำ แรงสะท้านทรวง !

#จำได้

จำได้ ใครปฏิวัติ
จำได้ชัด ปฏิวัติใคร
ดี-ระยำ เราจำได้
ว่าทำไม ปฏิวัติ

เห็นอยู่ เรารู้คิด
ใครถูก-ผิด จิตวิบัติ
มองเป็น เห็นได้ชัด
ข้างไหนสัตว์ ข้างไหนคน

ใครโกง แล้วใครแก้
ใครกันแน่ ที่ปลิ้นปล้น
ใครกอบ โกงเพื่อตน
ใครฉ้อฉน คนนั้นใคร

ใครระยำ ทำลายชาติ
ใครบังอาจ สันชาติไพร่
ใครกระทำ ย่ำยีไทย
เราจำได้ ว่าใครทำ

ปฏิวัติ ชัดด้วยเหตุ 
เพราะประเทศ ถูกเหยียบย่ำ
เรื่องทั้งหมด เราจดจำ 
เบื่อพวก"ต่ำ" ระยำเตือน

จักษ์ พันธ์ชูเพชร
๒๑ กันยายน ๒๕๖๐

ซึ่งหากพูดถึงการปฏิวัติในอดีตที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ต่างก็โยงกันไปว่าคงเป็นการยึดอำนาจจากระบอบของทักษิณ ชินวัตร ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2549 ที่ครบรอบ11ปีไปเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2560 ที่ผ่านมา 
แสบถึงแก่นใจ !!! "ดร.จักษ์" จัดกลอนเดือด จำได้ไม่ลืมปฏิวัติครั้งนั้น สัญชาติไพร่ ทำลายชาติ...แต่ละคำ แรงสะท้านทรวง !

แสบถึงแก่นใจ !!! "ดร.จักษ์" จัดกลอนเดือด จำได้ไม่ลืมปฏิวัติครั้งนั้น สัญชาติไพร่ ทำลายชาติ...แต่ละคำ แรงสะท้านทรวง !

แสบถึงแก่นใจ !!! "ดร.จักษ์" จัดกลอนเดือด จำได้ไม่ลืมปฏิวัติครั้งนั้น สัญชาติไพร่ ทำลายชาติ...แต่ละคำ แรงสะท้านทรวง !

โดยการรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549 เกิดในคืนวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 โดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งมีพลเอก สนธิ บุญยรัตกลินเป็นหัวหน้าคณะ โค่นรักษาการนายกรัฐมนตรี พันตำรวจโท ดร. ทักษิณ ชินวัตร (ยศในขณะนั้น) นับเป็นรัฐประหารในรอบ 15 ปี รัฐประหารครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งเป็นการทั่วไปในเดือนต่อมา หลังจากการเลือกตั้งทั่วไปที่มีกำหนดจัดในเดือนเมษายนถูกสั่งให้เป็นโมฆะ นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่ดำเนินมานับแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2548 คณะรัฐประหารยกเลิกการเลือกตั้งซึ่งกำหนดจัดในเดือนตุลาคม ยกเลิกรัฐธรรมนูญ สั่งยุบรัฐสภา สั่งห้ามการประท้วงและกิจกรรมทางการเมือง ยับยั้งและตรวจพิจารณาสื่อ ประกาศใช้กฎอัยการศึก และจับกุมสมาชิกคณะรัฐมนตรีหลายคน

พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน แถลงสาเหตุเมื่อวันที่ 21 กันยายน และให้คำมั่นว่าจะฟื้นฟูรัฐบาลระบอบประชาธิปไตยภายในหนึ่งปี อย่างไรก็ตาม คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขประกาศว่า หลังจากการเลือกตั้งและการตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยแล้ว คณะปฏิรูปการปกครองจะเปลี่ยนไปอยู่ในรูปแบบของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งยังไม่มีการอธิบายบทบาทที่มีต่อการเมืองไทยในอนาคต

หลังรัฐประหาร คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้จัดตั้งรัฐบาลชั่วคราว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้แต่งตั้งพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์เป็นนายกรัฐมนตรีในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2549 ต่อมาวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2550 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศเลิกใช้กฎอัยการศึกใน 41 จังหวัด แต่ยังคงไว้ 35 จังหวัด

รัฐประหารดังกล่าวไม่มีการเสียเลือดเนื้อและไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ ปฏิกิริยาตอบรับจากนานาชาติมีตั้งแต่การวิพากษ์วิจารณ์ในหลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย การแสดงความความเป็นกลาง เช่น สาธารณรัฐประชาชนจีน ไปจนการแสดงความผิดหวังอย่างสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือว่าประเทศไทยเป็นพันธมิตรนอกนาโต และว่า รัฐประหาร "ไม่มีเหตุผลยอมรับได้"

ลำดับเหตุการณ์ในวันนั้น พลตรี ประพาศ ศกุนตนาค อ่านแถลงการณ์คณะปฏิรูปการปกครองฯทหารบกมีส่วนสำคัญในการก่อรัฐประหารครั้งนี้ มีริบบิ้นสีเหลืองผูกกระบอกปืน และมีผ้าพันคอสีเหลือง

เช้าวันที่ 19 กันยายน มีคำสั่งจากพันตำรวจโท ดร. ทักษิณ ชินวัตร เรียกผู้นำทุกเหล่าทัพเข้าประชุมร่วมกับคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ไม่มีผู้นำเหล่าทัพคนใดเข้าร่วม ยกเว้น พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำให้ช่วงบ่ายมีกระแสข่าวลือรัฐประหารแพร่สะพัดไปทั่วทำเนียบรัฐบาลและตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีข่าวลือว่ารัฐมนตรีและนักการเมืองร่วมรัฐบาลหลายคนหลบหนีออกนอกประเทศแล้ว ช่วงพลบค่ำมีข่าวว่ากำลังทหารหน่วยรบพิเศษจากจังหวัดลพบุรี เคลื่อนกำลังเข้ากรุงเทพมหานคร

เวลา 18.00 น. สมชาย มีเสน ผู้จัดรายการวิทยุ เอฟ.เอ็ม. 92.25 เมกกะเฮิร์ซ นัดผู้ฟังรายการจำนวนหนึ่งเข้าพบพลเอกสนธิ ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) เพื่อขอให้ทหารให้ความคุ้มครองกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่จะชุมนุมขับไล่พันตำรวจโททักษิณในวันรุ่งขึ้น ประมาณ 21.00 น. กำลังทหารจากพลร่มป่าหวาย หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ เข้ามาประจำการที่กองบัญชาการกองทัพบก

เวลา 22.00 น. ขบวนรถถังเคลื่อนเข้าคุมเชิงที่สะพานมัฆวานรังสรรค์และถนนราชดำเนิน ไม่กี่นาทีต่อมา ทหารจำนวนมากออกมาตรึงกำลังตามถนนต่าง ๆ ตั้งแต่แยกเกียกกาย ผ่านมาถึงถนนราชสีมา บริเวณสวนรื่นฤดี สี่แยกราชตฤณมัยสมาคม (สนามม้านางเลิ้ง) โดยมีทหารแต่งกายลายพรางเต็มยศเป็นผู้ควบคุมกำลัง

เวลา 22.54 น. โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยออกอากาศทางสถานีทุกช่อง ขึ้นคำประกาศของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พร้อมขออภัยในความไม่สะดวก และเปิดเพลง "ความฝันอันสูงสุด" ประกอบ ด้านสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นและบีบีซีเผยแพร่ข่าวรถถังและกำลังทหารควบคุมสถานการณ์ภายในกรุงเทพมหานคร หลังจากนั้น พลตรี ประพาศ ศกุนตนาค อดีตโฆษก ททบ.5 อ่านแถลงการณ์คณะปฏิรูปการปกครองฯ ที่แสดงไว้ในหน้าจอก่อนหน้านี้ซ้ำสองครั้ง

เกือบเที่ยงคืน ผู้บัญชาทหารทุกเหล่าทัพเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต