เจ้าหน้าที่ คุม 6 ผู้ต้องสงสัยสอบขยายผลโยงบึ้มทหารปัตตานี โดย 1 ในผู้ต้องสงสัย มีประวัติเกี่ยวข้องเหตุลอบวางระเบิดปี 2558

จากกรณีเมื่อวันที่ 22 ก.ย. ที่ผ่านมา เหตุคนร้ายลอบวางระเบิด ที่ตำบลตะบิ้ง อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานเสียชีวิต 4 นาย บาดเจ็บ 5 นาย ชาวบ้านถูกลูกหลงบาดเจ็บ 1 คน

วันที่ 25 ก.ย  เวลา 18.37 น.เจ้าหน้าที่ทหารได้คุม 6 ผู้ต้องสงสัยสอบขยายผลเชื่อมโยงเหตุวางระเบิดทหารพรานปัตตานีเสียชีวิต 4 นาย  โดยเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี กระจายกำลังปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 4 จุดในตำบลตะบิ้ง อำเภอสายบุรี หลังพบเบาะแสความเคลื่อนไหวของนายยาการียา บาโง ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีความมั่นคง 8 หมาย และผู้ต้องสงสัยเป็นแกนนำในการก่อเหตุลอบวางระเบิดทหารพราน ซึ่งปฏิบัติการในวันนี้เจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ และลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องสงสัยจำนวน 17 คน รวมทั้งยึดวัตถุพยานทั้งอุปกรณ์การช่าง จอบขุดดิน และเอกสารหลักฐานต่างๆไปตรวจสอบเพื่อหาความเชื่อมโยงกับการก่อเหตุ

พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ระบุว่า กลุ่มคนร้ายน่าจะมาจากนอกพื้นที่ แต่มีแนวร่วมในพื้นที่ให้การสนับสนุนด้านวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบระเบิด รวมทั้งขุดดินเพื่อวางระเบิดจากการเปิดปฏิบัติการตรวจค้นพื้นที่ตลอด 3 วัน สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเข้าสู่กระบวนการซักถามได้แล้ว 6 คน หนึ่งในนั้นมีประวัติที่เกี่ยวข้องกับเหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่อำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี เมื่อปี 2558 และให้ข้อมูลเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเป็นอย่างมากทำให้แนวทางการสืบสวนสอบสวนมีความชัดเจนมากขึ้น และพบว่ากลุ่มคนร้ายมีความเชื่อมโยงกับเหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่อำเภอสายบุรีไม้แก่น กะพ้อ และอำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี ล่าสุดมีรายงานชุดสืบสวนสอบสวนกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเสนอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาชุดแรกอย่างน้อย 3 คน

โดยที่เหตุการณ์ในพื้นที่ จังหวัดนราธิวาสวันนี้ เมื่อเวลา 10.30 น. พ.อ.อิศรา จันทะกระยอม ผบ.ฉก.ทพ.45 ร่วมกับ ปลัดป้องกัน อ.ระแงะ ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ บ.ซีโป ม.3 ต.เฉลิม อ.ระแงะ โดยตรวจพบการขุดเจาะหลุมระเบิด บริเวณ ถนนชนบทเข้าหมู่บ้าน ม.3 บ.ซีโป ต.เฉลิม อ.ระแงะ จำนวน 1 หลุม กว้าง 69-80 ซม. ลึกประมาณ 250 ซม. จากการตรวจสอบ และการลาดตระเวนพื้นที่ โดยรอบรัศมี 300 ม. ไม่พบสิ่งผิดปกติ พร้อมได้ชี้แจงสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนในพื้นที่ทราบ

 

 

ขอบคุณภาพ รวมพล คนคอข่าว,Kingpai Leulom