แก๊งคนบาป !?!? “ปปป.” แฉเพิ่ม ทุจริตเงินทอน ...ดูเลยรายชื่อ มารศาสนาแท้ๆ!

ปปป. ส่งสำนวนเพิ่ม 2 วัดสุดท้าย "คดีเงินทอนวัด" ปปช.รับเดินหน้าไต่สวน

แก๊งคนบาป !?!?  “ปปป.” แฉเพิ่ม ทุจริตเงินทอน ...ดูเลยรายชื่อ มารศาสนาแท้ๆ!

ความคืบหน้าคดีทุจริตเงินอุดหนุนวัดเฟส 2 ล่าสุดวันนี้ กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบนำสำนวนที่เหลืออีก 2 วัด ส่งมอบให้ ปปช.ดำเนินการไต่สวนต่อไป

แฟ้มสำนวนการสอบสวนคดีทุจริตเงินอุดหนุนวัดจำนวน 3 แฟ้ม 2 สำนวน คือวัดบำเพ็ญเหนือ เขตมีนบุรี และ วัดราชสิทธารามวรวิหาร เขตบางกอกใหญ่ เป็นเอกสารหลักฐานที่ พ.ต.อ.วรายุทธ สุขวัฒน์ธนกุล รองผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. พร้อมคณะพนักงานสอบสวนนำส่งให้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช. ดำเนินการไต่สวนและส่งฟ้องผู้กระทำผิด 

ซึ่งการสอบสวนรอบนี้มีวัดที่ได้รับความเสียหายจากการทุจริตของเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติถึง 23 วัด ผู้ต้องหาทั้งหมด 19 ราย แบ่งเป็น ข้าราชการสำนักพุทธฯ 13 ราย เข้ามารับทราบข้อหาแล้ว 6 ราย นายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ
นายฉัตรชัย ชูเชื้อ 
นายพยงค์ สีเหลือง 
นายณรงค์เดช ชัยเนตร
นายพัฒนา สุอำมาตย์มนตรี 
และนางณัฐฐาวดี ตันตยาวิสารสุทธิ

ส่วนการออกหนังสือเชิญพระผู้ใหญ่ 4 รูป มารับทราบข้อกล่าวหานั้น มีเพียงพระครูวิสุทธิวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชสิทธาราม ที่มารับทราบข้อกล่าวหา อีก 3 รูปเป็นหน้าที่ ปปช. ดำเนินการออกหมายเรียกตามขั้นตอน และประชาชน 2 ราย 

โดยความคืบหน้าการไต่สวนของทาง ปปช.  นายสุทธิ บุญมี ผอ.สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ เปิดเผยว่า ปปช.ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาไต่สวนสำนวน ซึ่งเป็นชุดเดิมที่ไต่สวนคดีเงินทอนวัดในรอบแรก ทำให้งานมีความคืบหน้าไปมาก ยืนยันสามารถส่งฟ้องได้แน่นอน


แก๊งคนบาป !?!?  “ปปป.” แฉเพิ่ม ทุจริตเงินทอน ...ดูเลยรายชื่อ มารศาสนาแท้ๆ!

แก๊งคนบาป !?!?  “ปปป.” แฉเพิ่ม ทุจริตเงินทอน ...ดูเลยรายชื่อ มารศาสนาแท้ๆ!

 

สำหรับการตรวจสอบทุจริตเงินทอนวัด พ.ต.อ.วรายุทธ เปิดเผยว่า เกือบร้อยละ 90 ที่พระสงฆ์ในวัดไม่มีส่วนรู้เห็นกับการทุจริต แต่ถูกเจ้าหน้าที่ พศ. หลอกและใช้เป็นเครื่องมือ ซึ่งประมาณสัปดาห์หน้า จะเข้าหารือกับ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.พศ ในการเดินหน้าสอบทุจริตเงินทอนวัดรอบที่ 3 ซึ่งมีข้อมูลว่า วัดได้รับความเสียหายหลายสิบวัด มูลค่าหลายร้อยล้านบาท โดยเป็นการตั้งใจทุจริตงบประมาณในส่วนนี้โดยตรง