คำถามที่ “ประยุทธ์” ต้องตอบ  “หมวดเจี๊ยบ”.....ออกโรงจัดหนักปูดตู่ไปพบทรัมป์ปิดดีลซื้ออาวุธ เล็งสอยแบล็คฮอร์ค 4 ลำ

คำถามที่ “ประยุทธ์” ต้องตอบ “หมวดเจี๊ยบ”.....ออกโรงจัดหนักปูดตู่ไปพบทรัมป์ปิดดีลซื้ออาวุธ เล็งสอยแบล็คฮอร์ค 4 ลำ

คำถามที่ “ประยุทธ์” ต้องตอบ  “หมวดเจี๊ยบ”.....ออกโรงจัดหนักปูดตู่ไปพบทรัมป์ปิดดีลซื้ออาวุธ เล็งสอยแบล็คฮอร์ค 4 ลำ  อ้างสื่อนอกวิเคราะห์สหรัฐฯเล็งบีบคอไทยเป็นแกนนำอาเซียนต้านเกาหลีเหนือ  ท้านายกฯพูดๆชัดๆไปคราวนี้หวังพีอาร์หรือประโยชน์ชาติ  อัดใช้งบหลายสิบล้านขนคณะใหญ่ไปเยือน ทั้งๆที่ผู้นำอเมริกาเตรียมเยือนรอบบ้านพ.ย.นี้อยู่แล้วทำไมไม่รอพบ 

เหิรฟ้าไปอเมริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ที่นำคณะชุดใหญ่บินไปอเมริกาเพื่อพบปะหารือกับนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตามคำเชิญอย่างเป็นทางการ โดยจะมีพบปะหารือทวิพาคีกันในวันที่ 2 ตุลาคมนี้  แต่ล่าสุดดูเหมือนการไปคราวนี้จะไปราบรืนเสียแล้วหลัง  “หมวดเจี๊ยบ” สุณิสา เลิศภควัต ทีมโฆษกคนขยันของพรรคเพื่อไทยออกมาเฟซบุ้คส่วนตัวปูด “วาระลับ” ในการเดินทางไปคราวนี้ของพลงอ.ประยุทธ์ ว่าเป็นการเดินทางไปปิดดีลซื้ออาวุธ โดยเฉพาะเฮลิคอปเตอร์แบบ เเบล็กฮอร์ค 4 ลำที่เคยตกลงไว้ตั้งแต่ตอนทำรัฐประหาร  รวมถึงการให้ข้อมูล อ้างสื่อนอกวิเคราะห์ว่าสหรัฐฯเล็งบีบไทยเป็นแกนนำในภูมิภาคนี้บอยคอตเกาหลีเหนือคู่อริ

นอกจากนี้หมวดเจี๊ยบยังตั้งคำถามถึงพล.อ.ประยุทธ์  ว่าการไปอเมริกาคราวนี้เป็นการพีอาร์สร้างภาพทางการเมืองโดยเอาผลประโยชน์ของชาติเข้าแลก  หนำซ้ำยังตั้งข้อสังเกตว่านายทรัมป์มีแผนเยือนภูมิภาคนี้ในเดือนพ.ย. ระหว่าง 3-14 อยู่แล้ว  แต่ทำไมไม่มีชื่อเยือนไทย  ทำไมนายกฯต้องลงทุนเจียดเงินหลายสิบล้านดั้นด้นบินไปหานายทรัมป์เอง   
 

 

 

โดยเนื้อหาทั้งหมดระบุว่า   “ จริงหรือไม่ ที่สื่อนอกประโคมข่าวรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เตรียมไปเจรจาซื้ออาวุธเพิ่มและปิดดีลส่งมอบ แบล็คฮอว์ก 4 ลำ ที่เคยดีลค้างไว้ก่อนยึดอำนาจปี 2557 และจริงไหมที่สหรัฐเตรียมบีบให้ไทยเป็นแกนนำกดดันคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ ขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงข้อเท็จจริงว่าคนไทยจะได้ประโยชน์จริงหรือไม่จากการเดินทางเยือนสหรัฐครั้งนี้ หวังว่านี่จะไม่ใช่แผนพีอาร์เพื่อสร้างภาพทางการเมืองของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ โดยเอาผลประโยชน์ของชาติเข้าแลดนะคะ.

ขณะนี้สื่อต่างประเทศอ้างข้อมูลจากทำเนียบขาวของสหรัฐเปิดเผยว่าในการพบหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐในสัปดาห์หน้านี้ รัฐบาล พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังจะไปเจรจาขอซื้ออาวุธล็อตใหม่จากสหรัฐ นอกจากนี้ยังจะไปปิดดีลการส่งมอบเฮลิคอปเตอร์ รุ่น แบล็คฮอว์ก 4 ลำ ที่กองทัพไทยเคยเจรจาซื้อจากสหรัฐค้างไว้ ตั้งแต่สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ยังปิดดีลไม่สำเร็จ เพราะเกิดการยึดอำนาจโดย คสช. ขึ้นเสียก่อนเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 ทำให้ดีลซื้อเฮลิคอปเตอร์ครั้งนั้นต้องหยุดชะงักเพราะยังไม่ได้ส่งมอบ เพราะเหตุนี้หรือเปล่า จึงต้องมีการตามไปปิดดีลกันอีกรอบ และไม่ทราบว่าดีลซื้อขายอาวุธครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเอาผลประโยชน์ของชาติไปแลกด้วยหรือไม่ เพราะสื่อต่างประเทศระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมกดดันให้ประเทศไทย เป็นหัวหอกในภูมิภาคเพื่อคว่ำบาตรรัฐบาลเกาหลีเหนือซึ่งกำลังมีความขัดแย้งตึงเครียดกับสหรัฐอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากประเทศไทยเป็นที่ตั้งของสถานทูตเกาหลีเหนือ 

โดยสื่อต่างประเทศยังแฉอีกด้วยว่า เมื่อ ครั้งที่ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ คือ นาย เร็กซ์ ทิลเลอสัน พบหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ ในไทยเมื่อเดือนที่แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ อาจปิดบังความจริงเรื่องความสัมพันธ์ทางการค้ากับเกาหลีเหนือ

ซึ่งไทยอ้างว่า การค้าระหว่างไทยกับเกาหลีเหนือในปีนี้ลดลงไปแล้วถึง 94 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสวนทางกับข้อมูลของรอยเตอร์ ที่ระบุว่าการลงทุนของเกาหลีเหนือในไทยยังมีมูลค่าสูงเท่าเดิม และไม่พบว่าธนาคารของไทยจะปิดบัญชีของนักธุรกิจเกาหลีเหนือแต่อย่างใด 

ไม่ทราบว่าข้อมูลเหล่านี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ถ้าเป็นความจริง ก็เป็นเรื่องที่น่าตกใจและ พล.อ.ประยุทธ์ ควรต้องชี้แจงต่อสังคม ว่า การเยือนสหรัฐครั้งนี้ ไทยจะได้ประโยชน์จริงหรือไม่ และจะได้ประโยชน์อย่างไร เพราะไม่เห็นว่าสหรัฐจะใส่ใจกับประเด็นหารือ เกี่ยวกับการพัฒนาการค้าและการลงทุนกับสหรัฐ ที่เป็นรูปธรรมอย่างที่ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ พยายามประโคมข่าวแต่อย่างใด เห็นสหรัฐเน้นแต่เรื่องการเจรจาซื้ออาวุธและประเด็นเกี่ยวกับสงคราม และความขัดแย้งกับเกาหลีเหนือเท่านั้น 

นอกจากนี้ ก็น่าสงสัยด้วยว่า ถ้ารัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับการยอมรับจากชาติมหาอำนาจจริง เหตุใด ในแผนการเดินทางเยือนภูมิภาคเอเซียเป็นครั้งแรกของ ประธานาธิบดี ทรัมป์ ระหว่างวันที่ 3-14 พ.ย 60 นั้น ทำไมจึงไม่มีรายชื่อประเทศไทยอยู่ใน 5 ประเทศที่ประธานาธิบดีสหรัฐจะไปเยือน ทั้งๆ ที่ นาย ทรัมป์ มีกำหนดจะไปเยือน เวียดนามและฟิลิปปินส์ด้วย

ซึ่งก็ไม่ได้อยู่ไกลจากประเทศไทย มันแปลกหรือไม่ ที่ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ อุตส่าห์บากหน้าเดินทางดั้นด้นไปหาประธานาธิบดี ทรัมป์ถึงสหรัฐ โดยเอาภาษีคนไทยไปจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินและค่ากินอยู่หลายสิบล้าน แต่พอ นาย ทรัมป์ เดินทางมาใกล้ ๆ เมืองไทยแค่ปลายจมูกนิดเดียว กลับเลือกที่จะเดินทางข้ามประเทศไทยไปโดยไม่คิดจะแวะมาเลยแม้แต่น้อย 

เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่า รัฐบาลทหารของ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังถูกสหรัฐบีบฝ่ายเดียว เพราะสหรัฐตระหนักดีว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่อยู่ในฐานะจะต่อรองอะไรได้มากนัก เพราะมีที่มาไม่ชอบธรรมจึงเป็นฝ่ายต้องง้อประชาคมโลก และต้องยอมทำทุกวิถีทางเพื่อให้พอมีที่ยืนในเวทีประชุมกับต่างประเทศบ้างหรือแค่ได้สัมผัสมือกับผู้นำต่างชาติที่มีชื่อเสียงบ้างก็พอใจแล้ว เพื่อหวังสร้างภาพให้คนไทยเห็นว่าตัวเองไม่ได้ถูกต่างชาติรังเกียจ
 

 

คำถามที่ “ประยุทธ์” ต้องตอบ  “หมวดเจี๊ยบ”.....ออกโรงจัดหนักปูดตู่ไปพบทรัมป์ปิดดีลซื้ออาวุธ เล็งสอยแบล็คฮอร์ค 4 ลำ

อย่างไรก็ตาม ตนขอเตือนสติ พล.อ.ประยุทธ์ ว่ากรณีความขัดแย้งสหรัฐและเกาหลีเหนือนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและสุ่มเสี่ยงเป็นอย่างมาก โดยทุกๆ การตัดสินใจของ พล.อ. ประยุทธ์ จะมีผลผูกพันธ์กับชะตากรรมของคนไทยทั้งชาติ

โดยเฉพาะในเรื่องความมั่นคงและความปลอดภัย ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่จะเอาไปยื่นหมูยื่นแมวกับมหาอำนาจ เพื่อผลประโยชน์ด้านการค้าอาวุธหรือเพื่อสร้างภาพทางการเมืองเพื่อแลกกับการได้เข้าไปยืนสัมผัสมือประธานาธิบดีสหรัฐถ่ายภาพในทำเนียบขาวเพื่อสร้างภาพว่าไม่ได้ถูกตั้งข้อรังเกียจจากประขาคมโลก แต่ความจริงแล้ว หลังฉากการเจรจา ไม่ทราบว่ามีการเอาผลประโยชน์ของชาติเรื่องใดไปต่อรองแลกมาหรือไม่ แถมยังเอาภาษีของคนไทยจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินและค่าเบี้ยเลี้ยงคณะทำงานของผู้ที่อ้างตัวเป็นผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย เป็นเงินหลายสิบล้านบาท ทั้งๆ ที่ รัฐบาลไทยถังแตกถึงขนาดที่ไม่มีเงินจะจ่ายเบี้ยยังชีพคนชราเดือนละ 500-600 บาท ถึงขั้นจะเอายันต์เจ้าคุณธงชัยไปจ่ายเป็นค่าสวัสดิการผู้สูงอายุ แทนค่าเบี้ยคนชรา ทั้งยังจ้องจะเก็บภาษีจากชาวไร่ชาวนาที่ใช้น้ำเพื่อทำการเกษตรอีก

แต่รัฐบาลกลับมีความคิดจะใช้งบประมาณแผ่นดินไปซื้ออาวุธอีกเป็นพันเป็นหมื่นล้านบาทได้ เหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาวถึงความเดือดร้อนของประชาชน และเหมือนไม่สนใจว่าอะไรคือความจำเป็นเร่งด่วนของประเทศในเวลานี้.— กับ เราจะมุ่งไปข้างหน้า ยังมั่นใจ”

งานนี้ต้องตามดูว่าพล.อ.ประยุทธ์ คสช. รัฐบาล และทีมงานด้านความมั่นคงจะออกมาตอบคำถามร้อนๆ ในประเด็นร้อนๆ  ของทีมงานโฆษกหัวร้อนพรรคเพื่อไทยที่ชื่อหมวดเจี๊ยบว่าอย่างไร

/////////////////////