รักษาทางเลือก!“วิรังรอง ทัพพะรังสี”แชร์ประสบการณ์รักษาพี่สาวมะเร็งระยะสุดท้าย

รักษาทางเลือก!“วิรังรอง ทัพพะรังสี”แชร์ประสบการณ์รักษาพี่สาวมะเร็งระยะสุดท้าย

นางวิรังรอง ทัพพะรังสี ประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศ (มปปท.) โพสต์ในเฟซบุ๊คส่วนตัว โดยเล่าประสบการณ์จริงของการดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งซึ่งเป็นพี่สาว

โดยวิธีการรักษาแบบทางเลือก ที่ลดความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน จากการรักษาตามวิธีการแบบเดิมๆเช่นให้คีโมและฉายแสง  “Immunotherapy for Cancer....ผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยหลายรายถามดิฉันว่า การรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งด้วยยาอิมมูนนั้นได้ผลหรือไม่ วันนี้ดิฉันย้อนไปคิดถึงเรื่องราวสำคัญที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเมื่อพี่สาวที่รักได้จากไปเดือนนี้ในปีที่แล้ว จึงเขียนบทความนี้ขึ้นโดยยกพี่สาวเป็นตัวอย่าง หวังว่าอาจจะเป็นประโยชน์บ้างต่อผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยที่กำลังตัดสินใจใช้การบำบัดรักษาด้วยยาอิมมูน

 

 

ดิฉันมิใช่แพทย์ การเขียนนี้อาจใช้คำพูดที่ไม่ถูกต้องตามหลักการแพทย์ แต่จะพยายามเขียนจากความเข้าใจค่ะ  อะไรคือการรักษาด้วยยาอิมมูน??? การบำบัดรักษาโรคมะเร็งด้วยยาอิมมูน เป็นวิธีการรักษาเพื่อเพิ่มหรือกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้แก่ผู้ป่วย ภูมิคุ้มกันนี้จะไปควบคุมหรือกำจัดเซลล์มะเร็งโดยไม่ทำลายเซลล์อื่นๆ ที่ดีในร่างกาย ซึ่งนับเป็นการรักษาแบบใหม่แทนการฉีดคีโมและฉายแสงซึ่งนอกจากจะยับยั้งหรือทำลายการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งแล้วในขณะเดียวกัน ยังทำลายเซลล์ที่ดีของร่างกายไปด้วย

เราจึงมักพบว่า ผู้ป่วยที่ได้รับการฉีดคีโม มีอาการข้างเคียงเช่น ลิ้นไม่รู้รสอาหาร ภายในปากอักเสบรับประทานอาหารไม่ได้ เหนื่อย อ่อนเพลีย ท้องเสีย ผื่นตามผิวหนัง คลื่นใส้

ถามว่าแล้วผลข้างเคียงของการใช้อิมมูนเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันนี้มีอะไรบ้าง คำตอบคือ จากการศึกษาผลการทดลองก็อาจไม่ต่างนักกับผลข้างเคียงจากการให้เคมีหรือฉายแสง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีผลข้างเคียงเลยก็ได้ แต่ที่สำคัญคือ การใช้อิมมูนบำบัด เป็นการกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ไปต่อสู้กับเซลล์มะเร็งโดยไม่ทำลายเซลล์ที่ดีในร่างกาย จึงเชื่อกันว่าจะทำให้ระบบภายในร่างกายของผู้ป่วยไม่อ่อนแอลงเหมือนการให้คีโมหรือฉายแสง ส่วนผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นสามารถรักษาได้เป็นกรณีๆ ไป เช่นเป็นผื่นก็ทายา เป็นต้น

 

พี่ไก่ บุษกร Buskorn Dabbaransi พี่สาวของดิฉันทราบว่าป่วยด้วยโรคมะเร็งปอดตั้งแต่เดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ อาการคือ น้ำหนักลดจาก ๔๗ กิโลกรัม เหลือเพียง ๓๒ กิโลกรัม ปวดท้องและปวดซี่โครงมากจนนอนหงายยืดตัวไม่ได้ ต้องนอนตะแคงตัวงอมีหมอนรอบกายเพื่อใช้อิงและกดไว้กับตัวแน่นๆ ได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัดตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีเดียวกัน เพราะผู้ป่วยมะเร็งทุกคนต้องใช้เวลาในการตรวจลักษณะและชนิดของเซลล์มะเร็งซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ยาคีโมที่จะใช้เนื่องจากมะเร็งมีหลายชนิดจำเป็นต้องใช้ยาคีโมที่เหมาะสมกับการรักษามะเร็งแต่ละชนิดด้วย

ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน คือประมาณห้าเดือนหลังจากได้รับเคมีหลายครั้ง พี่สาวมีอาการดีขึ้นมาก เซลล์มะเร็งมีขนาดเล็กลง ทำให้ครอบครัวเรามีกำลังใจ พี่สาวสามารถไปที่ต่างๆ ได้อย่างมีความสุข อาการปวดท้องปวดซี่โครงปวดหลังลดน้อยลงมากจนไม่ต้องใช้แผ่นความร้อนประคบเลย

แต่หลังจากกลางเดือนพฤศจิกายน คุณหมอบอกว่าผลการทำซีทีแสกนพบว่า เซลล์มะเร็งมีขนาดโตขึ้นและจากการตรวจผลเลือดพบว่าค่ามะเร็งสูงขึ้นด้วย และตัดสินใจว่าพี่สาวจะรับคีโมต่อไป
แม้จะได้รับคีโมต่อ แต่พี่สาวเริ่มมีอาการปวดท้องปวดซี่โครงมากขึ้น ต้องใช้ยามอร์ฟีนระงับปวดแบบแปะที่ผิวหนังติดต่อกันตลอดเวลาและเพิ่มปริมาณยาขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังต้องใช้ยามอร์ฟีนเม็ดช่วยให้นอนหลับและระงับปวดเพิ่มควบคู่ไปกับมอร์ฟีนแผ่นแปะ

พฤษภาคม ๒๕๕๙ พี่สาวมีอาการเหนื่อยง่าย คุณหมอมะเร็งส่งให้คุณหมอปอดตรวจ พบว่ามีลมรั่วออกจากปอด จึงแอดมิดเข้าโรงพยาบาลนอนดมอ๊อกซิเจนเพื่อช่วยหายใจและให้ลมในปอดหมดไป

๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๙ พี่สาวเข้ารับรับคีโมบำบัดตามกำหนด และพบว่าลมในปอดมีจำนวนมากขึ้นจนคุณหมอขอให้แอดมิดทันที จึงเข้ารับการรักษาปอดโดยการดมอ๊อกซิเจนจำนวนมากตลอดเวลา เพื่อหลีกเลี่ยงการผ่าตัดตลอดเวลาที่อยู่ในโรงพยาบาล อาการปวดท้อง ปวดหลังมีมากขึ้นตามลำดับ คุณหมอไม่สามารถให้คีโมพี่สาวได้อีกเนื่องจากร่างกายอ่อนแอมาก รับประทานอาหารแทบไม่ได้ต้องฟีดอาหารทางสายยาง

สรุปว่าหมดหนทางที่จะรักษาโรคมะเร็งแล้ว ดิฉันเข้าใจว่าพี่สาวปวดมากคงเป็นเพราะเซลล์มะเร็งขยายตัวมากขึ้นทำให้ร่างกายเจ็บปวดทรมานได้ขนาดนั้น และเมื่อไม่ได้รับการักษา อาการก็คงทรุดลงเรื่อยๆ ความเจ็บปวดก็คงทวีมากขึ้นด้วย และก็เป็นจริงเพราะพี่สาวใช้แผ่นแปะมอร์ฟีนระงับปวดจนถึงขั้นสูงสุดที่ไม่สามารถเพิ่มได้อีกต่อไปแล้ว จึงต้องเพิ่มยามอร์ฟีนเม็ดและยาฉีดเป็นระยะๆ ถี่ยิ่งขึ้น

รักษาทางเลือก!“วิรังรอง ทัพพะรังสี”แชร์ประสบการณ์รักษาพี่สาวมะเร็งระยะสุดท้าย

ในที่สุดพี่สาวคุยกับคุณหมอและตัดสินใจว่าจะรักษาด้วยการใช้อิมมูนบำบัด ซึ่งน่าจะเป็นทางเลือกสุดท้ายที่จะรักษาพี่สาวได้ คุณหมอจึงแนะนำให้ไปที่มาเก๊าโดยทำจดหมายติดต่อให้

๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ ดิฉันเดินทางไปที่โรงพยาบาลในมาเก๊า นำประวัติการรักษาพี่สาวไปเพื่อคอนซัลท์คุณหมอและซื้อยาอิมมูนให้พี่สาวเนื่องจากขณะนั้นยานี้ยังไม่มีขายในเมืองไทย โดยซื้อยามา ๒ โดส ใช้ฉีดได้ ๒ ครั้งห่างกันครั้งละ ๓ อาทิตย์ การนำยามาก็ต้องใส่กระเป๋าแช่น้ำแข็งแห้งเย็นไว้ตลอดเวลา ดิฉันกอดไว้แน่นตลอดทางไม่ยอมวาง เกรงว่าจะหลงลืม เพราะยานี้คือความหวังว่าจะช่วยพี่สาวได้

๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๙ พี่สาวได้รับการฉีดอิมมูนเข็มแรก ดิฉันภาวนาขอให้ยาได้ผลดี และก็เป็นจริงอย่างที่เห็นได้ชัดเกือบจะทันที เพราะหลังจากที่พี่สาวได้รับอิมมูนเพียงสองวัน อาการปวดท้องปวดกระดูกปวดหลังลดลงมาก สังเกตได้ว่า พี่สาวขอยาเม็ดแก้ปวดและยาระงับปวดห่างขึ้นเรื่อยๆ ส่วนยาแปะก็ค่อยๆ ลดปริมาณลงจนในที่สุดพี่สาวไม่ต้องใช้ยาระงับปวดแบบแผ่นแปะอีกเลย
๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ พี่สาวเข้ารับการผ่าตัดปอด เนื่องจากปอดทะลุ

๑๔ กันยายน ๒๕๕๙ พี่สาวได้รับการฉีดอิมมูนเข็มที่สองผลปรากฏว่า พี่สาวเหมือนกับว่าลืมอาการที่เคยปวดทรมานมานับปีจนหมดสิ้น คือไม่มีอาการปวดเลย ยาระงับปวดทุกชนิดยกเลิกได้หมด การรักษาในโรงพยาบาลในขณะนั้นจึงเป็นการรักษาโรคปอด ไม่ใช่โรคมะเร็ง

๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ ดิฉันเดินทางไปเพื่อพบคุณหมอและซื้อยาที่มาเก๊าเพื่อใช้ฉีดอย่างต่อเนื่อง

๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ คุณหมอบอกว่าพี่สาวติดเชื้อในกระแสเลือด (วันที่ ๒ ตุลาคมก่อนที่ดิฉันจะดินทางไปมาเก๊า พี่สาวยังไม่ติดเชื้อ) ยาอิมมูนที่ซื้อมาแล้ว คุณหมอก็ให้ฉีดเลยในวันนั้น ด้วยหวังว่าจะช่วยให้พี่สาวมีภูมิต้านทานดีขึ้นได้บ้าง และต้องคอยผลตรวจเลือด ระหว่างนี้จึงต้องให้ยาฆ่าเชื้อครอบจักรวาลไปก่อน คือยาแอสไพริน พี่สาวมีประวัติแพ้ยาแอสไพรินแต่คุณหมอบอกว่าจำเป็นต้องใช้ไปก่อนจนกว่าจะทราบว่าติดเชื้อชนิดใด จึงจะสามารถให้ยาเฉพาะตรงกับเชื้อที่ติด

๖ ตุลาคม ๒๕๕๙ คุณหมอบอกว่า พี่สาวไตวายและไม่สามารถฟอกไตได้ เนื่องจากร่างกายอ่อนแอเกินไปที่จะฟอกไต แต่พี่สาวยังสามารถนอนขยับเท้าเล่นให้น้องดูเหมือนกำลังออกกำลังกาย

๐๒.๒๗ น. ของเช้าวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ พี่สาวจากไปโดยสงบ ระหว่างที่ดิฉันสวดบทโพชฌังคปริตรอย่างช้าๆ ช้ามากๆ เหมือนที่เคยสวดให้พี่สาวฟังตลอดในห้องไอซียูซึ่งดิฉันเคยบอกพี่สาวว่าเป็นบทสวดเพื่อให้หายป่วย พี่สาวจะได้มีกำลังใจ

แต่ครั้งนี้ ดิฉันบอกพี่สาวว่า เหนื่อยมามากแล้วพักเสียนะ ไม่ต้องห่วงพ่อแม่ ฟังบทสวดโพชฌังคปริตรนี้แล้ว พี่ไก่จะได้หายป่วย ไม่ต้องเจ็บตัวด้วยเครื่องมือแพทย์อย่างที่ผ่านมา เพราะพี่ไก่จะได้ไปอยู่บนสวรรค์ด้วยบุญที่พี่ไก่ทำมาเยอะแยะตลอดชีวิตนี้.... ให้พี่ไก่ตั้งใจฟังนะจ๊ะ...พี่ไก่จะได้หายป่วย หายป่วยไปอยู่บนสวรรค์ด้วยอานิสงส์บทสวดโพชฌังคปริตรนี้

 

จะเชื่อหรือไม่ว่า ความรู้สึกที่ส่งผ่านกันในขณะนั้น สามารถรับรู้ได้ถึงกระแสแห่งความสงบระงับภายใต้ใบหน้าของพี่สาวได้อย่างชัดเจน แม้พี่สาวจะตั้งใจต่อสู้กับโรคร้ายอย่างมีความหวังและอดทนมายาวนาน แต่บัดนั้นดิฉันรู้สึกว่าพี่สาวพร้อมที่จะจากไปด้วยใจที่ปล่อยวางในภพนี้ได้

เมื่อคุณพยาบาลที่เฝ้าดูมอนิเตอร์จากด้านนอกห้องเข้ามาบอกว่า...พี่สาวได้จากไปแล้ว และเอาเครื่องช่วยหายใจออกจากปากพี่สาว จึงได้เห็นว่าพี่สาวนอนยิ้ม ขนตายาวเป็นแพที่ทาบใบหน้าหลับสนิทดูเหมือนตาปิดลงเบาๆ ไม่มีคิ้วขมวด ริมฝีปากบานออกไปเหมือนกับลังแย้มยิ้ม เป็นใบหน้าที่ดิฉันเห็นแล้วสาธุ หวังว่าพี่สาวได้ไปสู่สุคติภูมิแล้ว (พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ว่า เมื่อจุติคือตายไป ก็จะไปปฏิสนธิทันทีไม่มีระหว่างคั่น อยู่ที่ว่าจะไปเกิดเป็นอะไร ในภพภูมิไหน)หากมีใครถามว่า การรักษาโรคมะเร็งด้วยการฉีดอิมมูนเพื่อเพิ่มภูมิต้านทานได้ผลไหม ดิฉันก็ยังตอบตรงๆไม่ได้

แต่จากประสบการณ์ที่ได้เล่ามานี้ ดิฉันคิดว่า สำหรับกรณีพี่ไก่ พี่สาวของดิฉัน ไม่ว่าจะรักษามะเร็งได้หรือไม่ได้ก็ตาม ก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะได้เห็นผลว่าหลังจากได้รับอิมมูน อาการปวดทรมานที่มากเหลือเกินของพี่สาวได้หายไปอย่างปลิดทิ้ง เรียกได้ว่า นับตั้งแต่พี่สาวฉีดอิมมูนเข็มแรกเป็นต้นมา จนพี่สาวจากไป พี่สาวดูเหมือนจะลืมว่าเคยมีอาการปวดมากจากโรคมะเร็ง คุณหมอจึงเน้นไปที่การรักษาปอดเป็นประการสำคัญ

ดิฉันคิดว่า เมื่อไม่ทางอื่นที่จะรักษา และไม่ว่ายาใดๆ ก็ระงับปวดให้พี่สาวไม่ได้อีกต่อไปแล้ว แม้เพียงแค่วันเดียวหรือชั่วโมงเดียวอะไรก็ได้ที่จะช่วยเยียวยาให้พี่สาวจะไม่ต้องเจ็บปวดก็ถือว่าคุ้มค่า ยาอิมมูนนี้จึงมีส่วนอย่างยิ่งที่ได้ช่วยให้พี่สาวดิฉันจากไปได้อย่างสงบและไม่ทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดจากโรคมะเร็งเลยก็ว่าได้

สังขารคือร่างกายและจิตใจ เมื่อเกิดขึ้นมาแล้วต้องดับไปเป็นธรรมดา แต่หากจิตดวงสุดท้ายก่อนที่จะดับจากภพนี้ไป ต้องต่อสู้ยื้อยุดรับรู้อยู่กับความทุกข์ทรมานเจ็บปวดทางกาย จิตดวงสุดท้ายก็มิอาจเป็นกุศลได้ ส่งผลคือมิอาจไปสู่สุคติได้... ดิฉันจึงรู้สึกว่าได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่พี่สาวที่รักในทุกทางแล้วและไม่ต้องเสียใจภายหลัง เพราะยาที่ดีที่สุดในโลกในขณะนั้นที่จะหาได้ก็ได้หาให้แก่พี่สาวแล้ว แม้จะไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ตาม

ขณะนี้ยาอิมมูนบำบัดมีขายแล้วในเมืองไทย สามารถปรึกษาคุณหมอเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ป่วย สำหรับพี่สาวของดิฉัน เริ่มใช้ยาในขณะที่เป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย และร่างกายผ่านการให้คีโมมาหลายรอบ สำรับผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งระยะแรกอาจรักษาด้วยอิมมูนบำบัดแล้วได้ผลที่ดีกว่าก็เป็นได้

สุดท้ายนี้ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย และขอให้ทุกท่านมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ไม่เป็นโรคร้าย ท่านที่เจ็บป่วยขอให้พบคุณหมอที่ดี ได้รับการรักษาและได้ยาที่ดี ที่สำคัญคือถ้ายังสูบบุหรี่อยู่ ก็ขอเลิกเพราะบุหรี่ทำลายปอดของคุณและผู้ที่ได้รับควันบุหรี่จากคุณด้วย ปอดเป็นอวัยวะสำคัญที่ช่วยในการหายใจ ถ้าปอดไม่ดีเสียแล้ว สำหรับคนที่อยากอายุยืนคงยาก...

หากท่านใดอ่านแล้วมีคำถามในเรื่องที่เขียนนี้ กรุณาส่งข้อความถึงดิฉันได้ในกล่องข้อความ (inbox) หากตอบได้ก็ยินดีค่ะ
อานิสงส์ในการเขียนเรื่องนี้เพื่อประโยชน์ต่อผู้ป่วยอื่นๆ และครอบครัว ขอมอบให้พี่ไก่ในภพภูมิที่อยู่ปัจจุบันจงได้รับทราบและอนุโมทนา ขอให้พี่ไก่ไปสู่แต่สุคติภูมิและได้พบพระพุทธศาสนาในทุกภพทุกชาติจนเข้าถึงพระนิพพานด้วยเทอญ”

 

 

Cr.FB:วิรังรอง ทัพพะรังสี