กวาดล้างครั้งใหญ่ !?! 84 ปีมีหนึ่งครั้ง "โหรฟองสนาน" ทักแรง "ผู้ที่ตกเป็นเป้ามฤตยู" รู้ตัวไว้...แนะทางบรรเทาไม่งั้นจะถูกทิ้งอย่างเจ็บปวด !!

ความเชื่อและดวงชะตาเป็นส่วนประกอบหนึ่งของการขับเคลื่อนทุกสิ่งไม่เว้นแม้แต่ในวงการศาสนาหรือวงการพระสงฆ์ โดยในช่วงนี้เห็นได้ว่ามีข่าวคราวการเปลี่ยนแปลงและความเคลื่อนไหวของวงการพระสงฆ์ของไทยมาให้เห็นอยู่แทบทุกวัน มีการเปลี่ยนแปลงสู่ทางที่ดี และขุดรากถอนโคนสิ่งดำมืดที่แฝงเร้นโดยใช้ศาสนา ความเชื่อ และพระสงฆ์ปกปิดบังหน้า เรียกได้ว่าเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่เลยก็ว่าได้

เกี่ยวกับเรื่องนี้โหรชื่อดัง ฟองสนาน จามรจันทร์ ได้ออกมาวิเคราะห์ถึงการเปลี่ยนแปลงและเชื่อมโยงเข้ากับการทำนายดวงชะตาวงการศาสนาไทย โดยระบุรายละเอียดดังต่อไปนี้

แม่หมอสมัครเล่นตอนที่194 โดยฟองสนาน จามรจันทร์

พุทธจักรแห่งการปฏิบัติดีปฎิบัติชอบ

ภาพที่ 2 ดวงเมือง

กวาดล้างครั้งใหญ่ !?!  84 ปีมีหนึ่งครั้ง "โหรฟองสนาน" ทักแรง "ผู้ที่ตกเป็นเป้ามฤตยู" รู้ตัวไว้...แนะทางบรรเทาไม่งั้นจะถูกทิ้งอย่างเจ็บปวด !!

มฤตยูจร(0)ทับลัคนาระหว่าง6มีนาคม 2559-กลางกรกฎาคม2565
พฤหัสบดีจร(5)เดินอยู่ราศีตุลย์เล็งใส่ลัคนาเมือง(ระหว่าง6กันยายน2560-5ตุลาคม2561)

ภาพที่1ปกหนังสือรับมือมฤตยูผู้อาเพศ

กวาดล้างครั้งใหญ่ !?!  84 ปีมีหนึ่งครั้ง "โหรฟองสนาน" ทักแรง "ผู้ที่ตกเป็นเป้ามฤตยู" รู้ตัวไว้...แนะทางบรรเทาไม่งั้นจะถูกทิ้งอย่างเจ็บปวด !!

ในหนังสือรับมือมฤตยูผู้อาเพศ สำนักพิมพ์กรีนปัญญาญาณ พิมพ์และจำหน่ายครั้งแรกเมื่อ 1 เมษายน 2559 ผู้เขียนได้ย้อนเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงใหญ่ในกรุงรัตนโกสินทร์อันเกิดจากมฤตยูจรที่เป็นเจ้าของอาเพศ-การเปลี่ยนแปลงใหญ่ระดับควรเหนือกว่าการปฏิรูปถ้าจะให้ถูกโฉลกควรจะปฏิวัติขึ้นไป-ล้อคถล่ม-เกินคาดคิดที่ทับลัคนาดวงเมืองครั้งแรกและครั้งที่สองพร้อมทำนายผลถึงการมาทับลัคนาเมืองรอบนี้ซึ่งเป็นรอบที่สามแบบ84ปีมีหนึ่งครั้งไว้

โดยเฉพาะมฤตยูจรที่ทับลัคนาเมืองรอบแรกระหว่าง24มิถุนายน2392-25มิถุนายน2399นั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในบ้านเมือง จับความไปที่การขึ้นครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่สี่ของกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ทรงเปลี่ยนประเทศให้ทันสมัยไว้รับมือการล่าอาณานิคม

อีกทั้งทรงนำความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงมาสู่พระพุทธศาสนาในประเทศไทย ตั้งแต่ก่อนการมาถึงของมฤตยูจรและก่อนขึ้นครองราชย์คือได้ทรงตั้งธรรมยุตินิกาย และเป็นสาเหตุทำให้พระสงฆ์เถรวาทอื่นซึ่งเป็นพระสงฆ์ส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่คณะธรรมยุต ได้ประชุมและมีมติให้เรียกพระสงฆ์ส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่คณะธรรมยุต ว่า "มหานิกาย"คู่กันมาตั้งแต่บัดนั้น

ต่อมาเมื่อมฤตยูจรมาทับลัคนาเมืองรอบแรกอยู่ยาวนานเจ็ดปี ระหว่างนั้นก็มีเรื่องเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆในวงการศาสนาเช่นเมื่อ 22 กันยายน 2394 รัชกาลที่สี่ทรงออกประกาศห้ามผู้ชายไทยอายุระหว่าง24-70ปีบวชเณรหรือเถร ให้บวชเป็นพระภิกษุเท่านั้น(ข้อมูลจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี)ฯลฯ

ส่วนรอบนี้ตั้งแต่มฤตยูจรมาทับลัคนาดวงเมืองรอบที่สามที่เริ่มประมาณมีนาคม 2559เป็นต้นมาเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่โตมโหฬารระดับเหนือกว่าปฏิรูปเกี่ยวกับวงการพระพุทธศาสนามาเป็นระยะๆคือ

1.การพลิกผลันของสถานะที่เคยโดดเด่นทรงอิทธพลในวงการมายาวนานของวัด-สงฆ์-ผู้สนับสนุนของวัดพระธรรมกาย

2. พระคุณเจ้าป. อ. ปยุตฺโตเจ้าอาวาสวัดญาณเวศกวัน ตำบลบางกระทึก อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐมพระสงฆ์นักวิชาการนักคิดนักเขียนผลงานทางพระพุทธศาสนารุ่นใหม่คนไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลการศึกษาเพื่อสันติภาพ จากยูเนสโก (UNESCO Prize for Peace Education) พระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ สมถะได้เลื่อนสมณศักดิ์ เป็นสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ชนิดเป็นสมเด็จพระราชาคณะสองแผ่นดินเลยทีเดียว

3.แก้ไขกฎหมายให้การสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชเป็นพระราชอำนาจ

4.ได้พระสงฆ์ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่20ของกรุงรัตนโกสนิทร์คือ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช(อัมพร อมฺพโร ประสัตถพงศ์)

5.ได้ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ กลับมาเป็นผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธ ศาสนา ท่ามกลางเสียงสาธุของประชาชนที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในวงการดงขมิ้น

6. คณะสงฆ์ออกคำสั่งเข้มงวดวินัยพระภิกษุสามเณรโดย พระเถระชั้นผู้ใหญ่ ทั้งฝ่ายธรรมยุติและมหานิกายได้มีคำสั่งออกมาเพื่อให้พระภิกษุ-สามเณร ได้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัดคือ

สมเด็จพระวันรัต เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุติ และสมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก มีคำสั่งเรื่อง ให้พระสังฆาธิการตรวจสอบพฤติกรรมและลงโทษพระภิกษุในปกครอง 4 ประเด็น คือ

ข้อแรก ให้พระสังฆาธิการดำเนินการตามกฎ ข้อบังคับและระเบียบ ดำเนินการกับพระภิกษุสามเณรที่ละเมิดกฎหมายบ้ายเมืองและพระราชบัญญัติคณะสงฆ์

ข้อที่ 2 ให้พระสังฆาธิการกวดขันควบคุมพระภิกษุสามเณร ที่วิพากษ์วิจารณ์ หรือแสดงตนกระทบต่อความมั่นคงของสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และความสงบสุขของประชาชน

ข้อที่ 3 ให้พระสังฆาธิการกวดขันควบคุมพระภิกษุสามเณร ที่มีความประพฤติเสียหาย ไม่เหมาะสม ทั้งร่างกาย วาจา การใช้สื่อสังคมออนไลน์ ใช้อุปกรณ์สื่อสารผิดกาลเทศะและไปในสถานที่ไม่สมควรแก่บรรพชิต

ข้อที่ 4 ให้พระสังฆาธิการกวดขันควบคุมพระภิกษุสามเณร ที่ไม่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยและไม่รักษาเชิดชูพระธรรมวินัย

ขณะที่พระพรหมดิลก เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ฝ่ายมหานิกาย มีหนังสือถึงเจ้าคณะเขตทุกเขตในกรุงเทพมหานคร ให้สอดส่องดูแลการโฆษณา การจัดสร้างพระบูชา วัตถุมงคล และเทวรูปต่างๆ หลังจากมีการแสวงหาผลประโยชน์และอ้างอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์

ผลที่เกิดขึ้นต่อมาคือทุกวัดต้องเก็บวัตถุมงคล เทวรูปที่ไม่ใช่หลักของพระพุทธศาสนา หรือกิจกรรมที่ไม่ใช่กิจของสงฆ์ ออกจากโบสถ์บางวัดถึงขนาดขนวัตถุที่บอกว่าเป็นมงคลออกจากวัดไปเป็นคันรถ

ส่วนทำไมขณะนี้การเปลี่ยนแปลงใหญ่เรื่องพระสงฆ์จึงปะทุขึ้นอีก คำตอบทางดวงดาวคือเป็นเพราะพฤหัสบดีจร(5)ซึ่งเป็นตัวแทนศาสนา นักบวช ศีลธรรม ความเชื่อเดินอยู่ในราศีตุลย์เล็งกับมฤตยูจรเจ้าของการเปลี่ยนแปลงและภัยอาเพศตั้งแต่ 6กันยายน 2560แล้วและจะอยู่ที่นี่ไปถึงประมาณตุลาคม 2561

คำเตือนที่ยังขอย้ำเหมือนเดิมคือมฤตยูเป็นเจ้าของอาเพศที่ครูโหรแฉล้ม เลี่ยมเพ็ชรรัตน์ ผู้ล่วงลับสอนไว้ว่าเอาไว้ทำนายเรื่องใหญ่ๆ ถ้าเป็นชีวิตคนก็แบบชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน ฉะนั้นใคร-เรื่องใด-ประเด็นใดรวมทั้งบุคคล-คณะบุคคลในวงการศาสนาที่โดดเด่นและสำคัญที่เคยชินกับการทำอะไรก็ทำอยู่อย่างนั้น และไม่อยู่ในทำนองคลองธรรมหากรู้ตัวว่าเป็นเป้าก็อย่าเพลินกับความเคยชินเดิมๆ ขอให้ชิงเปลี่ยนก่อน เพราะหากไม่เปลี่ยนในที่สุดจะถูกบังคับให้เปลี่ยน แบบไม่เต็มใจหรือไม่ก็ถูกทิ้งไว้ข้างหลังอย่างเจ็บปวด เพราะมฤตยูไม่ชอบสิ่งไม่ทันสมัย แต่จะกวาดเพื่อสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมาแทน โดยเกณฑ์นี้จะเป็นไปถึงกลางกรกฎาคม 2565ก่อนที่มฤตยูจรจะเดินเข้าราศีพฤษภต่อไป

ฟองสนาน จามรจันทร์
6 ตุลาคม 2560

กวาดล้างครั้งใหญ่ !?!  84 ปีมีหนึ่งครั้ง "โหรฟองสนาน" ทักแรง "ผู้ที่ตกเป็นเป้ามฤตยู" รู้ตัวไว้...แนะทางบรรเทาไม่งั้นจะถูกทิ้งอย่างเจ็บปวด !!

 

ขอบคุณ Fongsanan Chamornchan