ประทับใจเกินบรรยาย!!!ในหลวงร.9 กับเรื่องเล่าที่โครงการช่างหัวมัน  อ่านไป ยิ้มไปกับพระอริยบถง่ายๆของพระองค์

ประทับใจเกินบรรยาย!!!ในหลวงร.9 กับเรื่องเล่าที่โครงการช่างหัวมัน อ่านไป ยิ้มไปกับพระอริยบถง่ายๆของพระองค์

มุมง่ายๆ น่ารักของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมักมีให้เห็น และชินตาสำหรับประชาชนที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้า โดยเฉพาะกับบรรดาข้าราชบริพารที่รับใช้ใกล้ชิดพระองค์ท่าน แต่น้อยคนนักที่จะได้รับรู้เรื่องราวต่างๆที่เป็นเรื่องเล่าในมุมง่ายๆสบายๆและน่าประทับใจของพระองค์ท่านสักเรื่องหนึ่ง และเกี่ยวกับเรื่องนี้นาย ชนินทร์ ทิพย์โภชนา ข้าราชบริพารที่เคยทำงานใกล้ชิดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวร.9 และมีตำแหน่งเป็น อดีตผู้จัดการโครงการช่างหัวมัน ที่อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรีเล่าให้ฟังว่า 

 

 

 

 เวลาที่พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินไปยังโครงการช่างหัวมัน พระองค์มักเสด็จประทับที่ศาลาหลังคาทรงจั่วเก้าเหลี่ยม ที่มักเรียกกันติดปากว่า ศาลาเก้าเหลี่ยม เวลาพระองค์ท่านเสด็จไปประทับที่นั่น มีอยู่ครั้งหนึ่งฝนตก น้ำฝนก็หยดไหล รั่วลงมาจากหลังคา มาที่พระองค์ท่านประทับนั่ง ทุกคนพอเห็นแบบนี้ ต่างกุลีกุจอขยับพระเก้าอี้

เพื่อไม่ให้น้ำหยดลงมาโดนพระองค์ท่าน แต่พระองค์กลับรับสั่งว่า ไม่เป็นไร เมื่อน้ำหยดลงมาก็ให้เอาร่มมากาง ว่าแล้วไม่ได้ตรัสเปล่า พระองค์ได้นำเอาร่มไปกางผูกติดเอาไว้กับพระเก้าอี้ เหมือนกับการกางร่มอยู่อีกชั้นหนึ่งภายใต้หลังคา หรือตัวอาคารที่เป็นศาลาอีกทีหนึ่ง และเมื่อภาพนี้ปรากฎแก่สายตาของผู้ใกล้ชิดที่เฝ้ารับเสด็จอยู่ในวันนั้น ต่างก็พากันมีสีหน้าเปื้อนยิ้มไปตามๆกัน กับพระอริยาบถง่ายๆของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

รวมไปถึงที่ประทับที่ใครจะเชื่อว่านี่หรือคือพระราชวังที่ประทับส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์ไทย ช่างง่าย ธรรมดา และ ติดดินอย่างเหลือเชื่อ และยิ่งไปกว่านั้น ที่สำคัญก็คือ พระราชวังแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ที่ทรงซื้อพื้นที่ทั้งหมดมาจากชาวบ้าน

 

 

โดยพื้นที่ดังกล่าวจัดเป็นพื้นที่ค่อนข้างแห้งแล้ง มองแล้วคือไม่น่าจะทำการเกษตรได้ แต่พระองค์ท่านก็รับสั่งว่าให้นำเอาพืชเศรษฐกิจที่มีในจ.เพชรบุรีมาปลูก และให้ทำให้ได้กำไรเพื่อให้เป็นตัวอย่างกับเกษตรกรว่า พื้นที่ที่คิดว่าทำการเกษตรไม่ได้ ก็สามารถทำได้ถ้าเรามีความมานะพยายาม ซึ่งเราทุกคนคงได้เห็นสิ่งที่พระองค์ท่านได้สร้างขึ้นมาแล้วในวันนี้ว่าเป็นอย่างไรและนี่แหละคือพระมหากษัตริย์ของคนไทยที่เป็นที่สุดแห่งที่สุดอย่างแท้จริง