อุตริมนุสสธรรม !?! เปิดมุม "หลวงปู่พุทธะอิสระ" ไขปม "ครูบาน้อย ญาณวิไชย" จำพรรษาในถ้ำ 3 ปี...ของจริงหรือลวงโลก! (รายละเอียด)

จากกรณีบนโลกออนไลน์ได้มีการเผยแพร่ข่าวและภาพความเลื่อมใสของบรรดาชาวบ้านและลูกศิษย์ที่แห่กันไปร่วมต้อนรับพระมหาณัฐวุฒิ ญาณวิชชโย หรือ “ครูบาน้อย” ออกจากการบำเพ็ญพระกรรมฐานในถ้ำเป็นเวลา 3 ปี 3 เดือน 3 วัน โดยฉันแค่น้ำและผลไม้ จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลาย

เริ่มจากเมื่อเพจเฟซบุ๊ก คณะศิษย์ครูบาน้อย ญาณวิไชย ถ้ำเชตวัน จ.น่าน โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาเข้าร่วมพิธีน้อมรับครูบาออกจากการบำเพ็ญพระกรรมฐาน ระบุว่า

ขอความกรุณาแชร์ บอกบุญต่อๆไปด้วยนะครับ (1 แชร์ ต่อ 1บุญ)
ขอบคุณครับ
กำหนดการ
ครูบาน้อย ญาณวิไชย อธิฐานออกจากการบำเพ็ญพระกรรมฐาน(ออกถ้ำ) ด้วยครูบาน้อย ญาณวิไชย ได้อธิฐาน
เข้าบำเพ็ญพระกรรมฐานภายในถ้ำเชตวัน ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2557-วันที่ 15 ตุลาคม 2560 เป็นระยะเวลา 3 ปี 3 เดือน 3 วัน และในวันอาทิตย์ที่ 15 ตุลาคม 2560 เวลา 13.30 น. นี้ เป็นวันที่ครูบาครบกำหนดออกจากการบำเพ็ญพระกรรมฐาน ทางคณะศรัทธา ศิษย์ยานุศิษย์ จะได้จัดงานน้อมรับครูบา ออกจากการบำเพ็ญพระกรรมฐาน (ออกถ้ำ)

จึงขอเรียนเชิญพุทธศาสนิกชนท่านผู้มีจิตศรัทธา เข้าร่วมพิธีตามกำหนดการในวัน อาทิตย์ที่ 15 ตุลาคม 2560 เวลา 13.33 น. ณ. พุทธสถานถ้ำเชตวัน ต. สันทะ อ.นาน้อย จ. น่าน

ต่อมาทางรายการทุบโต๊ะข่าว ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์  พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ ถึงเรื่องนี้ โดยคำสัมภาษณ์บางส่วนของพระมหาไพรวัลย์ได้กล่าวว่า การบำเพ็ญของครูบาน้อยนั้นไม่ตรงตามหลักคำสอนในทางพุทธศาสนา เนื่องจากการบำเพ็ญในลักษณะนี้ไม่มี จะมีแต่ในพวกนักบวชนอกศาสนาเท่านั้น

 

และยังกล่าวอีกว่า การปฏิบัติเช่นนี้ เป็นการปฏิบัติของนักบวชฤาษี เนื่องจากตามหลักของพุทธศาสนานั้น พระวินัยระบุไว้ชัดเจนว่า พระภิกษุต้องปลงผม รวมถึงหนวดเครา 

คลิกอ่าน : ดึงสติด่วนๆ..โยม!!! "พระมหาไพรวัลย์" เปิดพฤติการณ์ "ครูบาน้อย" หลังจำพรรษาในถ้ำนานกว่า 3 ปี ไม่ใช่หลักพุทธ!!! (มีคลิป)

 

จากกรณีข้างต้นทางสำนักข่าวทีนิวส์จึงได้สอบถามไปยังหลวงปู่พุทธะอิสระเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นว่าการกระทำของครูบาน้อย ผิดหลักพุทธศาสนาตามที่พระมหาไพรวัลย์กล่าวไว้หรือไม่ ซึ่งหลวงปู่พุทธะอิสระก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่า

ส่วนตัวแล้วก็เคยพบเห็นเรื่องแบบนี้มาเยอะแต่ก็ยังไม่เคยเห็นใครที่ทำได้จริงๆ บางท่านอวดอ้างว่านั่งสมาธิตลอดเวลาโดยไม่ฉันอะไรแต่แท้จริงแล้วแอบอมเนยก้อนหรือช็อกโกแลตไว้ใต้ลิ้น ซึ่งของเหล่านี้ก็ให้พลังงานพอสมควร ถึงแม้ไม่ทานอะไรก็พออยู่ได้

แต่สำหรับกรณีของ ครูบาน้อย ญาณวิไชย ต้องดูที่เจตนาของเขาว่ามีการอวดอ้างว่านั่งบำเพ็ญกรรมฐานตลอดเวลา 3 ปี โดยไม่ขยับ 3 ปีอยู่เพียงลำพังไม่พบผู้คนหรือไม่ อย่างนี้ก็เป็นไปได้ว่าอาจมีเจตนาอวดอ้างให้เกิดความเลื่อมใส แต่ถ้าทำได้จริงก็ถือว่าเก่ง ซึ่งในกรณีนี้ครูบาน้อยได้เปิดเผยว่าฉันน้ำ และผลไม้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะนั่งเฉยไม่ขยับไปไหน และก็ต้องมีลูกศิษย์คอยส่งน้ำส่งเสบียงให้จึงไม่เสียหายเพราะไม่ได้อวดอ้างเกินจริงในประเด็นนี้ หากไม่มีเจตนาหลอกลวงก็เอาผิดไม่ได้

หลวงปู่พุทธะอิสระยังเน้นย้ำอีกว่าหากให้ตัดสินว่าถูกหรือผิดหลักพุทธศาสนาอย่างไรก็คงต้องดูกันที่เจตนาของเขาว่า"อวด" หรือ "อุตริมนุสสธรรม" แบ่งได้เป็น 2แบบ
- อวดในธรรมที่มีจริงในตน คือ บอกกล่าวในสิ่งที่ทำได้จริง เช่นนี้ก็คงไม่ผิด
- อวดในธรรมที่ไม่มีจริงในตน คือ บอกกล่าวเกินสิ่งที่ทำได้จริง เจตนาหลอกลวงให้คนหลงเชื่อ แบบนี้ ปาราชิก

ที่สำคัญอีกอย่างคือบรรดาลูกศิษย์ ในกรณีนี้พิธีน้อมรับครูบาน้อยถูกเผยแพร่กันในนามของลูกศิษย์เป็นผู้จัดขึ้น เหมือนลูกศิษย์เองนั่นแหละที่เป็นผู้อยากโปรโมทครูบาอาจารย์ของตนเอง สร้างกระแสให้เว่อร์ และมีอาจารย์หลายต่อหลายท่านที่เสียเพราะลูกศิษย์มาแล้ว และถ้าเป็นอาจารย์ที่ดีจริงเมื่อเห็นดังนี้ก็ต้องสั่งสอนและห้ามปรามลูกศิษย์ของตน เช่นนี้นับว่ามีเจตนาดี แต่หากเป็นที่ตัวของอาจารย์ให้ลูกศิษย์โปรโมทตนและสนับสนุน นิ่งเฉยไม่ห้ามปรามก็คงมีเจตนาอุตริหลอกลวง ส่วนพระที่ออกมาชี้ว่าผิดหลักพุทธศาสนาก็ไม่ทราบว่าตัดสินที่อะไรบ้าง แต่ตนยืนยันไม่ขอตัดสินชี้ถูก-ผิด

หลวงปู่เองก็เคยเข้าไปบำเพ็ญพระกรรมฐานไปอยู่ในถ้ำมาถึง 5 ปี แต่ก็อยู่อย่างสงบไม่ได้เบียดเบียนใคร ใช้ชีวิตตามปกติ ฉันน้ำ ฉันอาหาร และมีลูกศิษย์มาเยี่ยมเยียน ที่สำคัญไม่ได้อวดอ้างอะไร เช่นนี้ก็คงไม่เสียหาย

 

ขอบคุณ หลวงปู่พุทธะอิสระ และ รายการทุบโต๊ะข่าว