เจี๊ยบ ป้อง โอ๊ค โวย ดีเอสไอ โชว์คลิปรับทราบข้อกล่าวหา ..ได้ใจใคร?ไปเต็มๆ

เจี๊ยบ ป้อง โอ๊ค โวย ดีเอสไอ โชว์คลิปรับทราบข้อกล่าวหา ..ได้ใจใคร?ไปเต็มๆ

ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า ในคดีผู้บริหารธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) อนุมัติสินเชื่อให้แก่กลุ่มบริษัทกฤษฎามหานคร จำกัด (มหาชน) โดยมิชอบ ซึ่งแจ้งข้อกล่าวหาบุคคลจำนวน 4 คน หนึ่งในนั้นคือนายพานทองแท้ ชินวัตร ในข้อหา “สมคบกันโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป, ร่วมกันฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบแล้ว” โดยนายพานทองแท้ ได้เข้าพบดีเอสไอเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว พร้อมกันนี้ ดีเอสไอได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดตอนที่นายพานทองแท้ เข้าพบ มาให้สื่อมวลชนนำไปเผยแพร่ด้วย

 

 

 

ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม มีปฏิกิริยาจากทางพรรคเพื่อไทย โดย ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่น่าเชื่อว่าดีเอสไอจะมองว่าการปล่อยคลิปหลุดของผู้ถูกกล่าวหาให้กับสื่อมวลชนแบบนี้ เป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะปัจจุบัน สังคมตื่นตัวกับเรื่องการคุ้มครองสิทธิของผู้ถูกกล่าวหามากขึ้น

แม้แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเองก็ระมัดระวังในการนำผู้ต้องหามาแถลงข่าวโดยคำนึงถึงความเหมาะสมเพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิของพี่น้องประชาชน แต่กรณีนี้ เป็นการจงใจปล่อยคลิปเพื่อสร้างกระแสข่าวทางการเมืองโดยไม่เคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของบุคคลในคลิป ซึ่งไม่ใช่บรรทัดฐานที่ดีของสังคม และน่าจะเป็นการใช้ภาพของกล้องวงจรปิดซึ่งเป็นทรัพย์สินของทางราชการอย่างผิดวัตถุประสงค์อีกด้วย 
      
ที่ผ่านมาดีเอสไอก็ถูกหลายฝ่ายมองว่ารับใช้ฝ่ายการเมืองเพื่อเล่นงานฝ่ายตรงข้ามของผู้มีอำนาจมาตลอด หากดีเอสไอไม่อยากถูกมองแบบนั้น ก็ควรวางตัวให้เหมาะสม เพราะคดีของนายพานทองแท้ ชินวัตร ถูกสังคมจับตามองอยู่แล้วว่ามีเบื้องหลังทางการเมืองหรือไม่

เพราะมีข่าวออกมาตลอดว่า ดีเอสไอไม่ได้สนใจดำเนินคดีกลุ่มผู้มีอำนาจหลายรายที่มีหลักฐานชัดเจนว่าได้รับเงินโอนที่เกี่ยวข้องกับคดีเงินกู้ธนาคารกรุงไทย ทั้งๆที่ บุคคลกลุ่มนี้มีอำนาจยิ่งกว่าครอบครัวชินวัตรมากมายนัก เรียกว่าถ้าใครเห็นรายชื่อของผู้เกี่ยวข้อง ก็ย่อมรู้ได้ทันทีว่ากลุ่มคนเหล่านั้น สามารถ "ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้" ได้สบายๆ ในประเทศนี้ แล้วทำไมดีเอสไอจึงไม่สงสัยคนเหล่านี้บ้างว่าใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ช่วยเหลือการกู้เงินของบริษัทในเครือกฤษดามหานครหรือไม่

เหตุใดจึงพุ่งเป้ามา ที่นายพานทองแท้ ทั้ง ๆ ที่ บิดาของ นายพานทองแท้ คือ อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร นั้นไม่ถูกกันอย่างรุนแรงกับผู้บริหารธนาคารกรุงไทยชุดที่ปล่อยเงินกู้ให้บริษัทในเครือกฤษฎามหานครด้วยซ้ำ แล้ว นาย พานทองแท้ หรือ อดีต นายกฯ ทักษิณ จะไปบงการธนาคารกรุงไทยให้ทำอย่างโน้นอย่างนี้ได้อย่างไร หากดีเอสไอ ไม่ให้ความเป็นธรรมในการดำเนินคดีนี้ สังคมก็อาจมองว่านี่เป็นการเล่นงานทางการเมืองต่อครอบครัวชินวัตร หลังจากที่พ่อและอาของนายพานทองแท้ เคยตกเป็นเหยื่อมาแล้ว ตอนนี้ ก็อาจถึงคิวของลูกชายของ อดีตนายกฯ ทักษิณ ก็เป็นได้
 

 

 

ย้อนไปเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม หมวดเจี๊ยบ กล่าวว่า ดีเอสไอ กำลังละเมิดสิทธิของ นายพานทองแท้ ชินวัตร อยู่หรือไม่ เหตุใดจึงนำภาพจากกล้องวงจรปิดที่มีไว้เพื่อการรักษาความปลอดภัยภายในสถานที่ราชการมาให้สื่อมวลชนนำไปเผยแพร่ ซึ่งผิดระเบียบในการให้ข่าวของดีเอสไอเอง และอาจเข้าข่ายการนำเอาความลับของทางราชการมาเผยแพร่ต่อสื่อมวลชนอีกด้วย

“หรือว่าแค่เพราะ นายพานทองแท้ ผิดที่มีพ่อชื่อ ทักษิณ อยากถามผู้มีอำนาจอย่างตรงไปตรงมาว่าพวกท่านมีเป้าหมายทางการเมือง โดยการหาเรื่องเล่นงานลูกชายคนเดียวของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ใช่หรือไม่ เพราะเริ่มจากพ่อ ต่อด้วยอา และตอนนี้ถึงคิวลูกแล้ว ใช่ไหม” หมวดเจ๊ยบ กล่าว

ถือเป็นการออกตัวแรงไม่ใช่น้อยสำหรับหมวดเจี๊ยบ แต่เชื่อว่าการออกตัวครั้งนี้คงทำให้เธอได้คะแนนไปเต็มๆ เพราะเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่กล้าออกมาวิจารณ์อย่างดุเด็ดเผ็ดมัน