ประยุทธ์ถอยยอมง้อนักการเมือง ไม่คิดเป็นศัตรูไม่คิดขัดแย้ง แจงโยน 6 คำถามหวังคนไทยมีหลักคิดเลือกตั้งคราวหน้า

ประยุทธ์ถอยยอมง้อนักการเมืองไม่คิดเป็นศัตรูไม่คิดขัดแย้งแจงโยน 6 คำถามหวังคนไทยมีหลักคิดเลือกตั้งคราวหน้ายาหอมไม่คิดทะเลาะกับใครแค่อยากเห็นทุกคนปฏิรูป

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย วันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2560  ค่ำวานนี้ โดยระบุถึงการฝากคำถาม 6 ข้อให้ประชาชนตอบผ่านศูนย์ดำรงค์ธรรมของกระทรวงมหาดไทยว่า  ไม่ได้มีเจตนาทางการเมือง ไม่ต้องการสร้างความขัดแย้งกับนักการเมือง แค่หวังสร้างหลักคิดให้กับประชาชน ได้เลือกพรรคการเมืองที่ดี นักการเมืองที่ดี  หวังการออกมาเที่ยวนี้ถูกมองว่าแสดงท่าทีรังเกียจนักการเมือง
โดยกล่าวว่า   สำหรับเรื่องอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญก็คือคำถามอีก 6 ข้อ ที่ขึ้นตามหน้าจอนั้น ก็จะเป็นคำถามต่อเนื่องของผม เนื่องจาก 4 ข้อเดิม ที่ผมได้สอบถามพี่น้องประชาชนไปแล้ว ก็จะรวมเป็น 10 ข้อ ทุกคนสามารถไปให้คำตอบได้ แสดงความคิดเห็นได้ หรืออาจเขียนข้อเสนอแนะเพิ่มเติมความคิดเห็นก็ได้อย่างเป็นอิสระ และเปิดกว้าง ผมอยากให้ช่วยกันคิด ช่วยกันแสดงออกมาตามช่องทางนี้ได้ครับ  สำหรับผู้ที่เคยตอบ 4 คำถามแรกมาแล้วก็สามารถจะตอบใหม่ได้ทั้ง 10 ข้อ  “ สำหรับเรื่องนี้นั้นนายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ไม่ได้มีเจตนาทางด้านการเมือง หรือจะไปสร้างความขัดแย้งกับบรรดานักการเมือง พรรคการเมืองที่ดี ๆ ทำเพื่อชาติบ้านเมือง มีมากมาย เราก็สมควรสนับสนุน ผมเพียงแต่สร้างความเข้าใจ สร้างหลักคิดให้กับพี่น้องประชาชน กับกลุ่มทุกฝ่ายทุกหมู่เหล่า

ที่ท่านกล่าวว่าประชาชนย่อมมีสิทธิ์มีเสียงที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบการเมืองไทยนั้นคืออะไร นักการเมือง พรรคการเมืองที่ดี ก็คงต้องเห็นชอบด้วยกันในเรื่องนี้ เพราะทุกคน หลายท่านก็ตั้งใจในการที่จะทำให้บ้านเมืองเราพัฒนาไปข้างหน้า เราทุกคนต้องยอมรับข้อบกพร่อง” นายกฯกล่าว 
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า  ปัญหาที่เกิดขึ้นในระบอบประชาธิปไตยของเราในช่วงที่ผ่านมา ก็มีมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน เราเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ รุนแรงมากขึ้น ขัดแย้งมากขึ้น วันนี้ต้องกลับมาสู่ปกติให้ได้ ทั้งนี้เราจะต้องทำให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจกับพี่น้องประชาชน ทำผิดก็ทำใหม่ได้ หรือทำไม่ดีก็ทำให้ดีขึ้นได้ในโอกาสหน้า   ทั้งนี้อยากให้ประชาชนทั้งประเทศได้มีความหวัง สมหวัง มองอนาคต แล้วก็เดินหน้าไปสู่อนาคตของเรา คือประเทศชาติและประชาชนอย่างยั่งยืน เราก็คงจะต้องมุ่งเน้นนโยบายที่เป็นยุทธศาสตร์ชาติ และทำงานร่วมกับนโยบายของพรรคการเมือง ถ้าทุกพรรคการเมืองเดินหน้ายุทธศาสตร์ชาติ ร่วมกับนโยบายของพรรค ทำในสิ่งที่มันควรจะเป็น ก็จะเกิดการปฏิรูปประเทศ ตามที่เราทุกคนต้องการในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวคิดในการยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของผู้มีรายได้น้อย ที่เราจำเป็นต้องมีมาตรการดูแลเฉพาะเป็นพิเศษ ซึ่งก็มีหลากหลายกุล่ม หลายอาชีพ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า  ขณะนี้เราจะคิดแบบเดิม ๆ ไม่ได้อีกต่อไป เพราะว่าไม่เข้มแข็ง เราต้องมีการจัดระเบียบ มีการสร้างระบบ สร้างมาตรฐาน กำหนดเป้าหมาย มีแบบแผน มีแผนแม่บท มีแผนปฏิบัติการ และแผนในการปฏิรูปให้ชัดเจน ว่าเราจะทำอะไร จะแก้ปัญหาอะไร แล้วก็จะให้เกิดผลกับกลุ่มใดอย่างไร  และจะทำให้ทั่วถึงได้หรือไม่ เราคงต้องช่วยกัน  บรรดาพรรคการเมือง นักการเมือง กับรัฐบาลและ คสช. เวลานี้  เราควรจะต้องคำนึงถึงคนไทยทั้งประเทศเกือบ 70 ล้านคน มีทั้งผู้สูงอายุ เด็ก สตรี ผู้หญิง คนชรา มากมาย เราต้องมีมาตรการที่หลากหลาย ที่ต้องตอบโจทย์ที่เฉพาะเจาะจง เฉพาะกลุ่มให้ชัดเจน ไม่ใช่การหว่านลงไปทั้งหมด ก็จะเป็นการบริหารราชการแผ่นดินที่ไม่เป็นธรรมภิบาล  ไม่ทั่วถึง ไม่เท่าเทียม ไม่เป็นธรรม คือไม่เข้าถึง คือไม่เท่าเทียม ก็คือทุกคนไม่เข้าถึงโอกาส  ความเป็นธรรมก็คือผู้มีรายได้น้อยต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ จากทางภาครัฐ ไม่ใช่ทั้งหมด ก็คือการบริหารด้านงบประมาณต่อไป   เพราะฉะนั้นถ้าเราทำอย่างนี้ได้ ก็จะเป็นการบริหารราชการแผ่นดินอย่างมีธรรมภิบาล  “  เพราะฉะนั้นบรรดานักการเมือง พรรคการเมือง ทุกท่าน ผมไม่ใช่เป็นศัตรูของใคร ผมต้องการทำให้ทุกอย่างเดินไปข้างหน้าได้อย่างมีอนาคต แล้วก็ไม่เกิดความขัดแย้งเกิดขึ้นอีก ผมก็คาดหวังว่า หลายคน หลายท่านหลายพรรค จะได้มีการเปลี่ยนแปลง มีการปรับตัวของทุก ๆ ท่าน ของทุก ๆ พรรค  ซึ่งก็มีดี ๆ อยู่มาก มีไม่ดีอยู่ไม่มากนักหรอก ก็หวังว่าจะมีการปฏิรูปตัวเองครับ ลองฟังที่ผมพูดดูแล้วให้ลองคิดดูสิครับว่าผมมีเจตนาอะไร  ผมไม่อาจจะไปทะเลาะกับใครได้ เพราะผมเข้ามา ผมจำเป็นต้องสร้างความปรองดอง ความปรองดองก็คือด้านการเมืองด้วย ทุกคนจะต้องมีการปฏิรูปตัวเอง ปฏิรูปพรรค เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนมาก่อนเสมอ ถ้าเราทำดีได้อย่างนี้เราก็จะอยู่ครบวาระ ไม่ต้องไปเตรียมการเพื่อจะเลือกตั้งใหม่ตลอดเวลา ก็จะทำให้เกิดปัญหาอย่างอื่นตามมาอีกด้วย”  นายกฯกล่าว
ทิ้งท้ายยาหอมนักการเมืองพรรคการเมืองชนิดกลับมาญาติดีกันแบบนี้  ไม่รู้ว่าต้องการญาติดีหาพันธมิตรไว้ก่อน  หรือกลัวว่าแรงไปอนาคตจะไม่มีพรรคการเมืองไหนไม่ว่าซีกใดมาคบ เพราะอย่างที่รู้ๆกันอยู่ แม้จะเตรียมการกลับมาเป็นนายกฯวาระ 2 ด้วยออปชั่น “คนนอก”  แต่เสียงในสภาจากบรรดาพรรคการเมืองก็มีความจำเป็นนะครับ ท่านบิ๊กตู่
/////////////////