‘กกต.’ ดึง ‘พระ’ ยุ่งการเมืองขัดคำสั่งสังฆาธิการ  หลังลงนาม ‘มจร.’ ‘เจ้าคุณประสาร’ นี่หรือ ‘กลาง’

‘กกต.’ ดึง ‘พระ’ ยุ่งการเมืองขัดคำสั่งสังฆาธิการ หลังลงนาม ‘มจร.’ ‘เจ้าคุณประสาร’ นี่หรือ ‘กลาง’

โดนวิจารณ์กันเละว่า เหมาะสมหรือไม่? สำหรับการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย (มจร.) เพื่อให้เกิดการสร้างพลเมืองดีและขยายเครือข่าย ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการสร้างพลเมืองดีวิถีประชาธิปไตย เมื่อ 6 พฤศจิกายน 2560

 

เพราะเป็นการดึง “พระ” มายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่นาน เจ้าคณะใหญ่หนต่างๆ เพิ่งจะออกคำสั่งพระสังฆาธิการคุมเข้มพฤติกรรมของพระภิกษุ และสามเณร โดยเฉพาะคำสั่งพระสังฆาธิการของเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ที่ระบุในข้อ 2 

 

 

“ห้ามพระภิกษุสามเณรผู้วิพากษ์วิจารณ์ หรือแสดงตนในทางกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และความสงบสุขของประชาชน หรือส่อไปในทางยั่วยุ ปลุกปั่น ทำลาย ก้าวร้าวรุนแรง และไม่สร้างสรรค์ ให้พระสังฆาธิการกวดขันควบคุมพระภิกษุสามเณรผู้มีพฤติกรรมดังกล่าว มิให้กระทำการเช่นว่านั้น หากเข้าข่ายละเมิดกฎหมายบ้านเมือง ให้ประสานงานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้เข้าดำเนินการตามกฎหมายโดยเคร่งครัด”

แม้จะไม่ได้ห้ามว่า ร่วมลงนามกิจกรรมลักษณะนี้ และการเลือกตั้งแม้จะเป็นสิทธิพลเมือง และวิถีทางประชาธิปไตยที่ควรสนับสนุน แต่ “พระ” เองถูกจำกัดสิทธิในการเลือกตั้ง ที่เป็น “ทางโลก” กอปรกับมีคำสั่งพระสังฆาธิการห้ามยุ่งเกี่ยวการเมือง มันจึงไม่เหมาะไม่ควร

ที่สำคัญกว่า มจร. ที่กกต.ไปลงนามด้วย ถูกมองว่า เป็นฝ่ายอำนาจของพระสงฆ์ขั้วหนึ่งมาเป็นระยะเวลานาน โดยเฉพาะ “พระพรหมบัณฑิต” อธิการบดีมจร. และ “พระเมธีธรรมาจารย์” หรือ “เจ้าคุณประสาร” รองอธิการบดีมจร.

 

สำหรับ “พระพรหมบัณฑิต” เคยถูกตั้งข้อสังเกตว่า เป็นหนึ่งในพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่ไม่เอา “พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์” ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ขณะที่รายหลังเคลื่อนไหวเรื่องการเมืองมาโดยตลอด โดยเฉพาะถูกมองว่า เป็น “พระเสื้อแดง”

 

เรื่องความไม่เหมาะสมนั้นหนึ่งแล้ว แต่เรื่องทัศนคติส่วนตัวที่ฝักใฝ่การเมืองของ “เจ้าคุณประสาร” เหมาะแล้วหรือไม่ที่กกต. ลงนามความร่วมมือด้วย

 

ยิ่งใกล้พ้นตำแหน่งเหมือนยิ่งแปลกสำหรับกกต.ชุดนี้ คนที่รับผิดชอบงานลงนามบันทึกความตกลงครั้งนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นาม “ประวิช รัตนเพียร” อดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลไทยรักไทย นอกจากนี้ “สมชัย ศรีสุทธิยากร” ก็ฟาดงวงฟาดงาใส่รัฐบาลและคสช.ทุกวัน

 

เพราะอย่างนี้หรือไม่เลยถูก “เซ็ตซีโร่”???