โต้ ‘ศรีสุวรรณ’ ! พอช. ยืนยัน สผ.ผ่าน อีไอเอ.บ้านมั่นคงคลองลาดพร้าว ตั้งแต่ ต.ค.60

โต้ ‘ศรีสุวรรณ’ ! พอช. ยืนยัน สผ.ผ่าน อีไอเอ.บ้านมั่นคงคลองลาดพร้าว ตั้งแต่ ต.ค.60

จากกรณี นายศรีสุวรรณ  จรรยา  เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยในฐานะที่ปรึกษาชาวชุมชนริมคลอง  นำชาวบ้านเข้าร้องเรียนต่อกองบังคับการการป้องกันและปรามปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.)  กล่าวหาว่าสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. ดำเนินโครงการบ้านมั่นคงริมคลองลาดพร้าว 15 ชุมชน  

โดยไม่ผ่านความเห็นชอบของสํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.)  ซึ่งเข้าข่ายการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ และขัดต่อคำสั่งของคสช.ที่9/2560 ซึ่งระบุว่า  

ให้ดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองลาดพร้าว  โดยได้รับยกเว้นการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมมาตราที่ 48 แห่ง พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม  ซึ่งอย่างน้อยต้องมีมาตรการเคลื่อนย้ายชุมชนและมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่  สผ. ให้ความเห็นชอบ

โต้ ‘ศรีสุวรรณ’ ! พอช. ยืนยัน สผ.ผ่าน อีไอเอ.บ้านมั่นคงคลองลาดพร้าว ตั้งแต่ ต.ค.60

 

 

 

ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมชาติ  ภาระสุวรรณ  ผู้อำนวยการ พอช. เปิดเผยว่า   โครงการบ้านมั่นคงชุมชนริมคลองลาดพร้าว  เป็นนโยบายสำคัญเร่งด่วนของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาชุมชนแออัดและการปลูกสร้างบ้านเรือนรุกล้ำลำน้ำสาธารณะ  รวมทั้งเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาน้ำท่วมในเขตกรุงเทพฯ  

โดยรัฐบาลมอบหมายให้ กทม.สร้างเขื่อนระบายน้ำในคลองลาดพร้าวระยะทางรวมประมาณ 45  กิโลเมตร  และให้ พอช.จัดหาที่อยู่อาศัยรองรับประชาชนที่ปลูกสร้างบ้านเรือนรุกล้ำคูคลองในคลองลาดพร้าวและคลองบางซื่อ  

โดยขยับบ้านเรือนให้พ้นจากแนวก่อสร้างเขื่อนฯ และสร้างบ้านใหม่  

โดยกรมธนารักษ์ในฐานะหน่วยงานเจ้าของที่ดินจะให้ชาวบ้านเช่าที่ดินเพื่อปลูกสร้างที่อยู่อาศัยใหม่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
“โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองเป็นโครงการที่ พอช. ได้รับการเห็นชอบจาก ครม.ให้ดำเนินการตั้งแต่ปี 2559 และมีเป้าหมายเสร็จสิ้นภายในปี 2562  ซึ่งจากการสำรวจข้อมูลในคลองลาดพร้าวและคลองบางซื่อ  มีจำนวนชุมชนที่รุกล้ำลำคลองทั้งหมด  52 ชุมชน  รวม 7,081 ครัวเรือน  

 

ซึ่งที่ผ่านมา พอช.ได้สนับสนุนให้ชาวบ้านรวมกลุ่มกันจัดตั้งเป็นสหกรณ์เคหสถานขึ้นมาเพื่อก่อสร้างที่อยู่อาศัยให้ถูกต้องตามกฎหมาย  โดยรื้อย้ายบ้านออกจากแนวก่อสร้างเขื่อน  เพื่อก่อสร้างบ้านใหม่  ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้ว  13 ชุมชน ก่อสร้างบ้านเสร็จไปแล้ว  915  ครัวเรือน”  นายสมชาติกล่าว

 

ส่วนการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมของ สผ.นั้น   นายสมชาติกล่าวว่า  พอช.ได้จัดทำมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2560  และส่งไปยัง สผ.ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา  หลังจากนั้นทาง สผ.ได้ให้ความเห็นและแจ้งผลการพิจารณาเพื่อให้ พอช.แก้ไขเป็นระยะหลายรอบ

จนครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา  คณะกรรมการที่มีอำนาจพิจารณามีมติให้ความเห็นชอบมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม  และมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองลาดพร้าวและคลองบางซื่อของ พอช.  โดยส่งเป็นหนังสือแจ้งมาถึง พอช. เมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา รวมทั้ง สผ.เองได้มีการส่งหนังสือดังกล่าวแจ้งไปยังกรุงเทพมหานคร เพื่อรับทราบและแจ้งไปยังสำนักงานเขตที่เกี่ยวข้องเพื่อปฏิบัติตามต่อไป

 

ทั้งนี้ในหนังสือของ สผ. ระบุว่า  ให้ พอช. เจ้าของโครงการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม  และมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่เสนอไว้อย่างเคร่งครัด  และเมื่อเริ่มดำเนินโครงการแล้ว จะต้องเสนอรายงานผลการปฏิบัติการตามมาตรการดังกล่าว ให้แก่ สผ.พิจารณาปีละ 2 ครั้ง

 

สำหรับมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ พอช. เสนอต่อ สผ.และได้ผ่านความเห็นชอบแล้ว  แบ่งออกเป็น 4 ระยะ  คือ  ระยะก่อนการก่อสร้าง  เช่น  ทำความเข้าใจกับชุมชน  จัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์  การเช่าที่ดินกับกรมธนารักษ์  ฯลฯ ระยะเคลื่อนย้ายชุมชน  เช่น  แบ่งการก่อสร้างออกเป็นเฟส  การสร้างบ้านชั่วคราวหรือที่พักชั่วคราวสำหรับผู้อยู่อาศัยที่ต้องรื้อบ้านระหว่างการก่อสร้าง  ฯลฯ  ระยะก่อสร้าง  เช่น  จัดทำรั้วหรือกำแพงล้อมรอบบริเวณที่ก่อสร้าง  ป้องกันผลกระทบจากเสียง คุณภาพอากาศ  ฯลฯ  และระยะดำเนินการ  เช่น  จัดให้มีระบบบำบัดน้ำเสีย  บ่อดักไขมัน  การกำจัดขยะ  ฯลฯ

 

“โดยหลักของมาตรการดังกล่าวนี้  คือรัฐบาล และ พอช.   รวมทั้ง สผ.ต่างก็ต้องการให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น   ซึ่ง พอช.ในฐานะที่เป็นหน่วยปฏิบัติงานก็ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของ คสช.  รวมทั้งทำรายงานตามมาตรการของ สผ.จนผ่านความเห็นชอบแล้ว  ส่วนประชาชนที่เข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคงก็จะได้มีที่อยู่อาศัยที่มีมาตรฐาน  มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น  เปลี่ยนจากผู้บุกรุก  เป็นผู้อยู่อาศัยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย  ขณะเดียวกันกรุงเทพมหานครก็สามารถสร้างเขื่อนเพื่อป้องกันน้ำท่วมได้” นายสมชาติกล่าวในตอนท้าย 

 

โต้ ‘ศรีสุวรรณ’ ! พอช. ยืนยัน สผ.ผ่าน อีไอเอ.บ้านมั่นคงคลองลาดพร้าว ตั้งแต่ ต.ค.60

โต้ ‘ศรีสุวรรณ’ ! พอช. ยืนยัน สผ.ผ่าน อีไอเอ.บ้านมั่นคงคลองลาดพร้าว ตั้งแต่ ต.ค.60

โต้ ‘ศรีสุวรรณ’ ! พอช. ยืนยัน สผ.ผ่าน อีไอเอ.บ้านมั่นคงคลองลาดพร้าว ตั้งแต่ ต.ค.60

 

สำหรับโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยในคลองลาดพร้าวและคลองบางซื่อ  มีจำนวนชุมชนที่รุกล้ำลำคลองทั้งหมด  52 ชุมชน รวม 7,081 ครัวเรือน  ขณะนี้ดำเนินการไปแล้ว  13 ชุมชน  ก่อสร้างบ้านเสร็จไปแล้ว  915  ครัวเรือน  ส่วนที่เหลืออยู่ในระหว่างการดำเนินการ  โดย พอช.สนับสนุนงบพัฒนาระบบสาธารณูปโภคให้แก่ชาวบ้านครัวเรือนละ  50,000   บาท งบอุดหนนุนการพัฒนาที่อยู่อาศัยครัวเรือนละ 25,000 บาท  งบแบ่งเบาผู้ได้รับผลกระทบครัวเรือนละ 72,000   บาท  นอกจากนี้ยังสนับสนุนสินเชื่อครัวเรือนละ 360,000 บาท  ผ่อนชำระคืนภายใน 20 ปี

 

ส่วนการก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำของ กทม.โดยบริษัทริเวอร์เอนจิเนียริ่ง  จำกัด ที่ประมูลงานได้  ขณะนี้ตอกเสาเข็มเพื่อก่อสร้างพนังเขื่อนไปแล้วประมาณ  15,000 ต้น  จากเสาเข็มทั้งหมด 60,000   ต้น   มีแผนงานก่อสร้างให้แล้วเสร็จในช่วงกลางปี 2562 รวมระยะทางทั้งหมด (ทั้งสองฝั่ง) ประมาณ 45 กิโลเมตร