- 23 พ.ย. 2560
ทร.ไม่นิ่งนอนใจ “น้ำท่วมเมืองเพชร” สั่งติดตั้งเรือผลักดันน้ำ 30 ลำ บรรเทาเดือดร้อนประชาชน
ตามที่ได้เกิดเหตุ ฝนตกหนัก อันเนื่องมาจาก พายุคีโรกี ทำให้ต้องมีการเร่งระบายน้ำจากเขื่อนเพชรบุรี ลงสู่ต้นแม่น้ำเพชรบุรี อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งและทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ในพื้นที่อำเภอบ้านลาด อำเภอเมืองเพชรบุรี และอำเภอบ้านแหลม สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก
ในการนี้ พลเรือเอก นริส ประทุมสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ มีความห่วงใยในความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดเพชรบุรีเป็นอย่างมาก จึงได้สั่งการให้ อู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า กรมอู่ทหารเรือ ดำเนินการจัดเรือผลักดันน้ำ พร้อมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ ลงพื้นที่อย่างเร่งด่วน
โดยเมื่อวันที่22 พฤศจิกายน 2660 เวลา 23.30 น. ขบวนรถลำเลียงเรือผลักดันน้ำขบวนแรก ได้ออกเดินทางจากอู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ไปยังจังหวัดเพชรบุรี ประกอบด้วยรถยนต์บรรทุกขนาดใหญ่ จำนวน 18 คัน รถยนต์บรรทุกจำนวน 1 คัน และรถนำขบวน จำนวน 1 คัน ลำเลียงเรือผลักดันน้ำจำนวน 15 ลำ และตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 4 ตู้ ส่วนขบวนที่สองจะลำเลียงเรือผลักดันน้ำอีก 15 ลำ ออกเดินทางเมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 23 พฤศจิกายน 2560โดยขบวนรถลำเลียงเรือผลักดันน้ำทั้ง 30 ลำ ได้เดินทางถึงพื้นที่ และดำเนินการติดตั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยได้ติดตั้งบริเวณวัดคุ้งตำหนัก อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี
ซึ่งคาดว่าจะเดินเครื่องในการเร่งระบายน้ำได้ในช่วงเย็นของวันนี้ทั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของ พลเรือเอก นริส ประทุมสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารเรือในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ ให้ทุกหน่วยอยู่เคียงข้างประชาชนให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอย่างเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับ เรือผลักดันน้ำของกองทัพเรือนั้น ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำหลากมาตั้งแต่ปี 2538 ซึ่งแนวความคิดนี้ ปัจจุบันกรมชลประทานได้นำไปดัดแปลงระบบ เพื่อใช้แก้ไขปัญหาระบบน้ำทั่วประเทศ และจากองค์ความรู้ ในการสร้างเรือผลักดันน้ำ ที่คงมีอยู่ทำให้ กองทัพเรือสร้างเรือผลักดันน้ำขึ้นใหม่เพื่อให้ทันต่อการนำไปใช้ในพื้นที่ประสบอุทกภัย ในปี 2554
ทั้งยังสนองต่อพระราชดำริแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการนำอุปกรณ์ เครื่องยนต์ที่มีอยู่เดิมมาผลิตและพัฒนาขึ้นใหม่เป็น 3 ขนาด คือขนาด 320 แรงม้า ผลักดันน้ำได้ 150,000 ลูกบาศก์เมตร/วันขนาด 220 แรงม้า ผลักดันน้ำได้ 100,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน และขนาด 120 แรงม้า ผลักดันน้ำได้ 30,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน เรือผลักดันน้ำนับว่าเป็นประโยชน์ต่อการระบายน้ำเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการระบายน้ำออกสู่ทะเลได้ครั้งละปริมาณมาก อีกทั้งยังสามารถชะล้างไล่ดินเลนที่ตกตะกอนอยู่ก้นแอ่งให้หมดไป ทำให้น้ำไหลได้สะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่เป็นแอ่ง เป็นบึงและคอขวด เนื่องจากเป็นที่ลุ่มระบายน้ำออกได้ลำบากและไหลได้ไม่เร็ว