ยอมแล้วรับผิด!! “ธาริต” รับสารภาพจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ “ศาล” ให้ป.ป.ช.แก้คำร้องก่อนชี้ขาด

ยอมแล้วรับผิด!! “ธาริต” รับสารภาพจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ “ศาล” ให้ป.ป.ช.แก้คำร้องก่อนชี้ขาด

นายชำนาญ รวิวรรณพงษ์ ประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา เจ้าของสำนวน คดีหมายเลขดำ อม.177/2560 นัดพิจารณาคดีครั้งแรกเพื่อสอบคำให้การจำเลย ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยข้อกล่าวหา นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่พ้นจากราชการ ฐานจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จฯ ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบการทุจริตฯ มาตรา 119 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งการยื่นคำร้องดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลัง ป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์ ชี้มูลความผิดนายธาริต ร่ำรวยผิดปกติ

ยอมแล้วรับผิด!! “ธาริต” รับสารภาพจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ “ศาล” ให้ป.ป.ช.แก้คำร้องก่อนชี้ขาด

โดยศาลได้อ่านและอธิบายคำฟ้องให้นายธาริต รับฟังแล้ว นายธาริตได้ยื่นคำรับสารภาพเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา นายธาริต ได้ยื่นคำแถลงประกอบคำรับสารภาพไปแล้ว ขณะที่องค์คณะฯพิจารณาเห็นว่าป.ป.ช. ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องคดีนี้ตั้งแต่วันที่ 10 ส.ค.60 หลังรัฐธรรมนูญฯ ใหม่มีผลบังคับใช้ ซึ่งมาตรา 235 วรรคท้าย กำหนดว่าความผิดเกี่ยวกับการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงอันควรแจ้งให้ทราบ จะต้องมีพฤติการณ์ที่เชื่อได้ว่ามีเจตนากระทำผิด 

โดยศาลได้ตรวจคำร้องของป.ป.ช.ผู้ร้องแล้ว เห็นว่าไม่ได้บรรยายพฤติการณ์ดังกล่าวมาในคำร้อง ศาลจึงอาศัยอำนาจตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 26 วรรคสาม ที่ให้อำนาจศาลสั่งแก้ฟ้องให้ถูกต้องได้ ดังนั้นจึงสั่งให้ ป.ป.ช.แก้คำฟ้องโดยบรรยายถึงพฤติการณ์ให้ครบถ้วนภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันนี้ ทั้งนี้องค์คณะพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้โอกาสนายธาริต ผู้คัดค้านต่อสู้คดีได้เต็มที่ จึงเห็นควรให้เลื่อนนัดพิจารณาครั้งแรกเพื่อสอบคำให้การจำเลย ไปเป็นวันที่ 19 ม.ค.61 เวลา 09.30 น. 

ทีมที่ปรึกษากฎหมายนายธาริต ระบุเพียงว่า ทราบว่า บัญชีทรัพย์สินที่ไม่ได้ยื่นต่อป.ป.ช. ก็ไม่ได้มีเจตนายื่นเท็จเนื่องจากมีสมุดบัญชีบางเล่มตั้งแต่สมัยดำรงตำแหน่งอัยการไม่ได้มีความเคลื่อนไหวและมียอดในบัญชีหลักไม่เกินหมื่นบาท ทำให้ไม่ได้สนใจ และลืมยื่นแสดงบัญชีต่อป.ป.ช.ขณะที่นายธาริต ปัจจุบันรับหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับหน่วยงานทั่วไปแต่ไม่เปิดเผยว่าเป็นหน่วยงานใด ส่วนคดีแพ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ถูกอายัดไว้กว่า 90 ล้านอยู่ระหว่างรอศาลแพ่งไต่สวนพยานฝ่ายนายธาริต ผู้คัดค้าน