เบาใจ ไปเปาะหนึ่ง !!!!! สนช.ผ่านกม.ลูก..ใช่ว่า ..จะเดินหน้าตามโรดแมป ไทม์ไลน์เลือกตั้งปี 2561

ถึงแม้จะเบาใจ ไปเปาะหนึ่ง หลังจากที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)มีมติรับหลักการในวาระที่ 1 ของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ อย่างร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. เมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา

เพราะนั่นเท่ากับว่า ไทม์ไลน์ของการเลือกตั้งน่าจะมีขึ้นได้ในปี 2561 ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประกาศไว้

ที่สำคัญ ยังกลบกระแสข่าวที่ว่า สนช.จะคว่ำกฎหมายลูกลงไปได้ในระดับหนึ่ง แต่นั่นยังไม่สามารถทำให้มั่นใจ ว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย เดินตามโรดแมปได้ทั้งหมด

เพราะขั้นตอนต่อจากนี้  ยังไม่พ้นเงื้อมมือชี้เป็น - ชี้ตายของสนช. ซึ่งหลังจากนี้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมาธิการวิสามัญทั้งสองคณะที่จะไปพิจารณารายละเอียดและส่งกลับมาให้ที่ประชุม สนช. หาก สนช.มีมติเห็นชอบและ กกต. พร้อมด้วย กรธ.ไม่เสนอตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกัน 3 ฝ่าย (สนช.-กกต.-กรธ.) จะเข้าสู่ขั้นตอนการประกาศใช้เป็นกฎหมาย
เมื่อประกาศใช้เป็นกฎหมายเมื่อไหร่ก็นับถอยหลัง 150 วัน หรือประมาณ 5 เดือนเพื่อเดินหน้าเข้าคูหาเลือกตั้งได้ทันที เว้นเสียแต่ว่าจะมีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกันหรือส่งร่างกฎหมายให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมาย จะส่งผลให้วันเลือกตั้งล่าช้าไปอีกสักระยะ

ขณะที่ตัวชี้วัด เริ่มเห็นชัดในขณะนี้ คือ ปฎิกริยา ของสมาชิกสนช.บางกลุ่มที่ไม่ค่อยตอบรับต่อร่างกฎหมายเลือกตั้ง สส. และการได้มาซึ่ง สว. โดยให้น้ำหนักไปที่ร่างกฎหมาย สว.

 

ทั้งนี้ เป็นเพราะมีสมาชิก สนช.หลายคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ระบบการเลือกไขว้ที่ กรธ.ออกแบบไว้ในเชิงตำหนิรุนแรง ถึงขั้นมีการตั้งคำถามว่าระบบการได้มาซึ่ง สว.แบบนี้จะดีกว่าอดีตอย่างไร

ที่สำคัญ ยังมองอนาคต ที่วุฒิสภาจะทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาแทน คสช.ในวันที่ คสช.ต้องลงจากอำนาจ เพราะความที่ คสช.จะต้องมีหน้าที่เลือก สว. 250 คนตามบทเฉพาะกาลที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ โดยมีจำนวน 50 คนที่ คสช.ต้องเลือกจากกลุ่มบุคคลที่ผ่านการเลือกกันเองตามร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.

ได้แต่หวังว่า ชนวนดังกล่าว จะไม่ส่งผล ให้ สนช.ที่พร้อมใจกันฉีกร่าง พ.ร.ป.ทั้งสองฉบับ ซึ่งนั่นจะหมายถึงการเลือกตั้งที่ต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด