รัฐเร่งแก้ปัญหา “ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเกาะสิงคโปร์อาจจะพังลง”.. ท่ามกลางข้อเสนอของนักพัฒนาอสังหาฯที่สูงลิ่ว

สื่อต่างประเทศรายงาน โดยระบุว่า .. หน่วยงานของสิงคโปร์ต่างกังวลว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเกาะของรัฐอาจจะพังลงได้ ท่ามกลางข้อเสนอของนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีการปรับตัวสูงขึ้นจากฉากหลังของยอดขายอพาร์ทเม้นท์ที่เพิ่มขึ้น และการเพิ่มขึ้นของราคาบ้านในเรือนจำเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ก็เพียงพอที่จะแจ้งเตือนเมื่อเร็ว ๆ นี้ จากธนาคารกลางของประเทศต่อผู้ให้กู้ผู้ซื้อบ้าน และบริษัทอสังหาริมทรัพย์

 

 

 

ควรระวังเรื่องความเสี่ยง "รวมทั้งผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นการพัฒนาทางภูมิรัฐศาสตร์ และความอุดมสมบูรณ์ที่มากเกินไปในตลาดอสังหาริมทรัพย์"  การชักชวนให้คนระมัดระวังมากขึ้นอาจเป็นการขายที่ยากลำบาก

 

นักลงทุนในประเทศและต่างประเทศต้องรอให้สัญญาณบ่งบอกว่าราคากำลังพุ่งออกมานักพัฒนาต้องการให้แน่ใจว่ามีโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติในพื้นที่ที่หิวโหยหรือไม่

 

 

“วิญญาณของนักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ได้ฟื้นตัวอย่างแน่นอน”   สิงคโปร์กำลังมองหาราคาที่ถูก เมื่อเทียบกับตลาดอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อื่นๆ ในภูมิภาคซึ่งราคาเพิ่มขึ้นเกือบทุกช่วงเวลา แบบที่ไม่ต้องหยุดชะงักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตัวอย่างเช่น  ราคาที่อยู่อาศัยในไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้น 38 เปอร์เซ็นต์ (ในฮ่องกง)  และ 54 เปอร์เซ็นต์  (ในซิดนีย์) นี่คือข้อมูลเมื่อสี่ปีก่อน

 

 

บริษัทอสังหาริมทรัพย์ได้รับการจ่ายเงินเป็นประวัติการณ์ เพื่อซื้อที่ดินของรัฐบาลและอาคารอพาร์ตเมนต์ที่มีอยู่ซึ่งพวกเขาวางแผนที่จะล้มล้าง และสร้างใหม่ด้วยการพัฒนาที่มีหน่วยงานมากขึ้น

ต่อมาจากรายงานเมื่อเดือน พฤศจิกายนโดย Cushman & Wakefield นักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ประมาณการว่านักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้จ่ายเบี้ยประกันภัยเฉลี่ย 22 เปอร์เซ็นต์ สำหรับไซต์ที่อยู่อาศัยห้าอันดับแรกในปี พ. ศ. 2560 (ช่วงเดือนที่ผ่านมา)

 

 

 

เจ้าหน้าที่กล่าวว่ายอดขายล่าสุดสามารถเพิ่ม 20,000 หน่วยที่อยู่อาศัยเอกชนใหม่ซึ่งจะมากกว่าสองเท่าของจำนวนหน่วยที่ขายไม่ออกในท่อภายใน 1-2 ปี ถัดไป และนักพัฒนายังคงหิวโหยเพราะที่ดินที่ขายไม่ได้ใกล้เคียงกับระดับต่ำสุดที่บันทึกไว้เกือบครึ่งหนึ่งของระดับในปี 2013 ข้อมูลอย่างเป็นทางการแสดงให้เห็นอยู่แล้ว อุปทานส่วนเกินยังคงอยู่ในระยะยาวเนื่องจากอพาร์ทเมนใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 4-5 ปี

สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลสิงคโปร์ จำกัดจำนวนที่ดินที่จะขายในช่วงครึ่งแรกของปีถัดไปสู่ระดับใกล้เคียงกับที่มีอยู่ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้เทียบกับความคาดหวังบางประการในการปรับขึ้น แม้ว่าความเสี่ยงเหล่านี้จะช่วยผลักดันราคาที่ดินให้สูงขึ้น อย่างน้อยก็จะช่วยลดโอกาสในการสร้างบ้านได้