ประยุทธ์ตีปี๊บ หลัง “รัฐบาล คสช.” แก้ปัญหาหลายอย่างของประเทศลุล่วง ต่างชาติยอมรับไทยมากขึ้น เชื่อส่งผลดีเศรษฐกิจของประเทศ

ประยุทธ์ตีปี๊บ หลัง “รัฐบาล คสช.” แก้ปัญหาหลายอย่างของประเทศลุล่วง ต่างชาติยอมรับไทยมากขึ้น เชื่อส่งผลดีเศรษฐกิจของประเทศ

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวกับประชาชนผ่านรายการ “ศาสตร์พระราชา” ทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ในวันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม 2560 เวลา 20.15 น. โดยระบุว่า รัฐบาลและ คสช. ไม่ได้เพียงคำนึงถึง "เพียงของขวัญปีใหม่" สำหรับคนไทยเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่ ในแต่ละปีเท่านั้น เพราะว่าการช่วยลดค่าใช้จ่าย การบรรเทาความเดือดร้อนก็จะเป็นเพียง ความสุขชั่วคราว ความสุขชั่วข้ามคืน ซึ่งอาจจะต้องยังคงมีความจำเป็นอยู่ เพราะว่าประเพณีของไทยเราในช่วงเทศกาลสำคัญ ๆ ก็ต้องมีอะไรมอบให้กัน แต่สิ่งที่ผมปรารถนา ก็คือการนำพาบ้านเมืองของเราไปสู่ ให้เป็น "ของขวัญในวันหน้าให้กับลูกหลาน" ซึ่งก็จะเป็น "ความสุขที่ยั่งยืน" สิ่งสำคัญคือเราจะต้องดูในเรื่อง การบริหารราชการแผ่นดิน ในลักษณะที่การมีส่วนร่วม ทั้งรัฐ และประชาชน แล้วเราก็น้อมนำหลักปรัชญาของ "เศรษฐกิจพอเพียง" ของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาประยุกต์ใช้แล้วก็พระราโชบายของในหลวงรัชกาลที่ 10  มาสืบสาน ต่อยอดไปให้ได้ เพื่อจะไปสู่การ เป็นแนวทางในการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี อย่างต่อเนื่อง เกิดการปฏิรูปประเทศในทุกมิติ  คือวันนี้เราต้องปฏิรูปประเทศให้ได้

“  ที่ผ่านมาเราก็ทำไปมากพอสมควร อย่าไปคำนึงถึงว่าจะปฏิรูปก่อน ปฏิรูปหลัง อะไรทำนองนี้ เราปฏิรูปได้ตลอดเวลา ทุกวันทุกเวลา...
หากพูดถึงของขวัญแล้วรัฐบาลและ คสช. ไม่ได้รอที่จะมอบให้กับพี่น้องประชาชน เฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญ แต่จะมอบให้ทุก ๆ วัน เราจะเร่งมือในการทำงาน ในทุกประเด็น ทุกมิติ ทั้งแก้ไขปัญหาทั้งที่เริ่มใหม่ แล้วก็ดำเนินทุกอย่างให้เกิดความต่อเนื่อง ยั่งยืน หลายสิ่งที่ลงมือทำไปแล้ว ลงมือแก้ปัญหาไปแล้ว ตลอดระยะเวลา 3 ปี บางอย่างบรรลุผลไปแล้ว” นายกฯกล่าว 

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า  บ้านเมืองของเราก็มีสิ่งดี ๆ มากมายจากการทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะการแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่อยู่ในความสนใจของชาวโลกที่ผ่านมานั้นอาจจะถูกสะสม ทับถม รอการสะสางมานานนับสิบ ๆ ปี เป็นปัญหาเรื่องภาพลักษณ์ของประเทศ จะบอกว่าไม่สำคัญไม่ได้ เพราะทำให้เกิดความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจในเวทีระหว่างประเทศ ต่างประเทศ ทำให้นำมาสู่แรงกดดันทางเวทีประชาคมโลก คงไม่ใช่จากเรื่องเป็นประชาธิปไตย หรือไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างเดียว วันนี้ต้องดูในหลายมิติด้วยกัน ซึ่งอาจจะทำให้การค้า การเจรจา การกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย กับชาติพันธมิตร - คู่ค้า - คู่สัญญา ก็ทำให้เกิดเงื่อนไข ที่เราเป็น ฝ่ายเสียเปรียบ" อยู่ตลอดเวลา เราอาจจะไม่สามารถทำในสิ่งที่ถูกต้อง หรือ สิ่งที่เป็นกติกาสากลได้ เพราะว่าปัญหาภายในของเราเอง 

ปัญหาเหล่านั้น ที่ได้รับการคลี่คลาย และ แก้ไขไปในทิศทางที่ดีขึ้น ไปสู่ความยั่งยืน ได้แก่  (1) การแก้ปัญหาการค้างาช้างภายในประเทศ ตามอนุสัญญาไซเตส (CITES) (2) การ "ปลดธงแดง" ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ซึ่งมีความก้าวหน้ามาไปตามลำดับ (3) การต่อสู้กับการค้ามนุษย์ เราได้กำหนดให้เป็น "วาระแห่งชาติ" จนสามารถลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์การค้ามนุษย์ลง ไม่ได้หมายความว่าลดลงได้ 100%  ทุกคนต้องช่วยกัน ทุกคนต้องเป็นหูเป็นตา เจ้าหน้าที่ก็ต้องระมัดระวังในการบังคับใช้กฎหมาย อย่าปล่อยปละละเลย ประชาชน ผู้ประกอบการ ก็ต้องไม่ฝืนกฎหมาย จากสถานการณ์การค้ามนุษย์ตามรายงาน TIP Report ของสหรัฐฯ เราได้หลุดจาก "ระดับ 2 ที่ถูกจับตามอง" (Tier 2 Watch list) (4) การแก้ปัญหาการประมงผิดกฎหมาย (IUU) ซึ่งวันนี้ก็มีความคืบหน้าไปมาก ล่าสุดเราได้แจ้งให้ทาง EU ได้ทราบความคืบหน้าในการดำเนินการที่ผ่าน ๆ มา เมื่อต้นเดือนธันวาคมนี้ เราก็พยายามที่จะแก้ปัญหาให้เป็น มาตรฐานสากล ซึ่งจะช่วยให้ได้รับการ "ปลดธงเหลือง"  (5) ผลการประกาศสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของไทย พูดง่าย ๆ คือเรื่องลิขสิทธิ์  การปลอมแปลงสินค้าอะไรเหล่านี้ สหรัฐฯ ได้เผยแพร่มาแล้ว โดยถอดประเทศไทยออกจาก "กลุ่มประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ" ให้อยู่เพียงใน "กลุ่มบัญชีจับตาธรรมดา" หลังประเทศไทยได้ใช้ความพยายามในเรื่องนี้มาแล้วกว่า 10 ปี ก็ไม่สำเร็จ รัฐบาลนี้ได้ประกาศสงครามกับการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทุกรูปแบบ เราใช้เวลา 3 ปี อย่างเอาจริงเอาจัง ในการสร้างจิตสำนึก ทำความเข้าใจ ปราบปราม และขอความร่วมมือ ทั้งในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้านด้วย ตลาดต่าง ๆ ก็ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดผลดี คือสหรัฐฯ ยอมรับในการทำงานที่กล่าวมา 

“  ความสำเร็จต่าง ๆ เหล่านั้น เราทุกคนเข้าใจดีว่า ไม่อาจเกิดขึ้นได้โดยง่ายนะครับ หลายคนต้องปรับตัว เปลี่ยนพฤติกรรมและ เลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง อาจจะมีผลกระทบทางด้านธุรกิจบ้างแต่เป็นความจำเป็น รัฐบาลเอง ก็ได้รับผลกระทบทางอ้อมด้านเศรษฐกิจไปด้วย เนื่องจาก เงินจากธุรกิจสีเทา เหล่านั้น คือการทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะมาก จะน้อย ได้หดหายไปจากระบบเศรษฐกิจฐานราก เป็นจำนวนมากพอสมควร แต่เราก็ต้อง มาช่วยกันคิดว่าเราควรจะต้องเลือกทำในสิ่งที่ถูก ละเลิกในสิ่งที่ผิด แม้จะต้องลำบากในช่วงต้น อันนี้ก็ต้องขอร้อง บรรดาประชาชนผู้ที่มีรายได้จากในส่วนต่าง ๆ เหล่านี้ที่ผิดกฎหมาย ผิดกติกา ไม่อย่างนั้นก็จะแก้ไขอะไรไม่ได้เหมือนเดิม แล้วเราก็มาดูแลกันว่าจะทำอย่างไรกับคนกลุ่มนี้น ก็ต้องแสดงตัวกันออกมา รวมกลุ่ม รัฐบาลจะได้ดูแลแก้ปัญหาได้ เป็นนโยบายต่อไปที่เราจะทำอยู่ สิ่งที่ทำวันนี้จะทำให้เกิดความสุขสบายที่ยั่งยืน ซึ่งผมเห็นว่าเป็นผลงานสำคัญของฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาล ที่จะส่งผลดีต่อฝ่ายเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ ให้สามารถดำเนินนโยบายได้ง่ายขึ้น
 
/////////////////