- 25 ธ.ค. 2560
ฉีกทุกตำรา!! "โค้ชเป้ง" เผยเบื้องหลังขณะวิ่งร่วมคณะ "ตูน บอดี้สแลม" ยิ่งเห็นตารางวิ่งแทบทรุด "เฮียเราทำทุกอย่างที่ทำให้ตัวเองลำบาก"
เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.60 ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อ Ez2fit หรือโค้ชเป้ง สาธิก ธนะทักษ์ นักวิทยาศาสตร์การกีฬา ที่ร่วมวิ่งกับคณะของตูน ได้ออกมาเขียนเรื่องราวเบื้องหลังการวิ่งของตูนโดยกล่าวว่า...
"ฉีกทุกตำรา คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเฮียแกจะดีดได้ขนาดนี้" หมอเมย์ตอบ หลังจากที่ผมถามว่าเพราะอะไร พี่ตูนบอดี้สแลม ถึงได้ดูสดชื่น และวิ่งได้เร็วขนาดนี้ (มีหมดทั้งเพซ 6,5,4 และบางช่วงเร่งไป 3 ปลายๆ โดยตามแผนกำหนดให้วิ่งเพซ 7 ) ทั้งๆ ที่ผ่านการวิ่งมาแล้วเกือบสองพันกิโลเมตร ผมเองโชคดีที่ได้อยู่เห็นตั้งแต่ช่วงซ้อม ตอนนั้นพี่ตูนต้องเร่งเคลียร์งานเพื่อจะหยุดยาว จะกินจะนอนปกติยังลำบากเลย ไม่ต้องพูดถึงการซ้อม คำแรกที่ผมคุยกะเฮียคือ "ไม่ต้องเร่งซ้อมนะ เวลาเตรียมตัวแค่นี้ ร่างกายไม่ฟิตขึ้นแล้ว รักษาตัวไม่ให้เจ็บก็พอ ค่อยไปเริ่มกันวันจริงนะครับ" โดยทีมงานทุกคนต้องช่วยกันวางแผน *เพื่อเพิ่มโอกาสที่จะวิ่งให้ถึง* เพราะตารางการวิ่งทุกอย่างพี่ตูนกำหนดมาเอง ซึ่งในวันแรกที่รู้ว่าจะต้องวิ่ง 2,191 กิโลเมตรใน 55 วัน ต่างก็ต้องพากันร้อง "เชรี่ยยยยย"
แถมพอเริ่มโครงการเฮียเราทำทุกอย่างที่ทำให้ตัวเองลำบาก ลดโอกาสที่จะถึง ทั้งแวะทุกจุด ถ่ายรูป เซนกีตาร์ อุ้มเด็ก กราบคนแก่ เล่นคอนเสิร์ต ไม่ให้ทีมงานกันคนฯลฯ ตารางที่วางไว้ว่าต้องมีการพักในแต่ละเซต มีการพบนักกายภาพบำบัดฟื้นฟูร่างกาย มีการนอนกลางวัน ปรากฏว่าไม่ได้ทำสักอย่าง คนทั่วไปที่ไม่เคยวิ่ง นึกภาพแค่ต้องไปยืนริมถนนวันละเป็นสิบชั่วโมง แถมได้นอนวันละ 3 ชั่วโมง ไม่ต้องเป็นเดือน ผมว่าไม่เกินอาทิตย์ก็ป่วยกันหมด นักวิ่งรอบตัวพี่ตูน เป็นนักกีฬาอาชีพ ยังมีพัง บางเซตวิ่งไม่ได้ต้องพัก แต่โชคดีที่พี่ตูนและพี่ป๊อกมีหมอเมย์และทีมช่วยดูแลให้เป็นพิเศษเลยประคองมาถึงทุกวันนี้ได้ แต่การที่ทุกวันนี้ยังวิ่งดีดได้ขนาดนี้ มันไม่ใช่การออมแรงครึ่งแรกเพื่อมาเร่งครึ่งหลังแบบการวิ่งมาราธอน เพราะเฮียเราใส่สุดชีวิตแต่วันแรก วิ่งจริงเจ็บจริง จะพังกันตั้งแต่ก่อนถึงประจวบด้วยซ้ำ หมอต้องสั่งพักก็มี ทรุดไปเองก็บ่อย
แถมช่วงจะเข้ากรุง กลัวรถติด กลัวชาวบ้านเดือดร้อน เร่งสองวัน 140 กิโลเมตร เลยจ้าคนปกติวิ่ง มาราธอนเดียว 42 กิโลเมตร หมอยังแนะนำให้พักไปเป็นอาทิตย์ นี่เพิ่งเร่งมาสุดชีวิต แล้วครึ่งหลังไม่ได้เจอแค่เนิน เจอแค่สะพานแบบที่นักวิ่งกลัวนะครับ เจอภูเขาไปตลอดทางเลยทีเดียว แล้วอะไรทำให้พี่ตูนยังวิ่งได้ขนาดนี้ "เฮียแกคงมั่นใจ ว่าทำได้ เหมือนเราเวลาใกล้ถึงเส้นชัยมั้งคะ" น้องก้อยออกความเห็นบ้าง "มันจะฮึดได้ตั้งแต่ครึ่งทางเลยหรือครับ เหมือนเรารู้ว่ามีกล้องอาจจะยิ้มจะเร่งได้ขึ้นมาหน่อย แต่ถ้าเหนื่อยจริง สุดท้ายก็เก๊กไม่ไหว นี่ก็มี live ตลอด เฮียยังยิ้มได้ทั้งวัน" ผมสงสัย "แล้วโค้ช คิดว่าเพราะอะไรคะ"
น้องก้อยถาม...
"เฮียแกได้รับพรเยอะมั้ง มีแต่คนอวยพร สวดมนต์ให้ เชียร์ให้กำลังใจ แกมีความสามารถพิเศษเปลี่ยนเป็นพลังได้ นักวิทยาศาสตร์การกีฬาอย่างผมตอนนี้ก็ตอบได้แค่นี้ ใครมีคำตอบอื่นก็ช่วยแชร์กันหน่อยว่าเพราะอะไร พี่ตูนถึงได้มีพลังขนาดนี้
โค้ชเป้ง
*หรือจะเป็นเพราะพี่โน๊ต อุดม ที่ทำให้พี่ตูนอารมณ์ดี ^^
*ในภาพวิ่งเสร็จแล้ว แม้จะหนาวแค่ไหนก็ต้องมานั่งแช่น้ำแข็งเพื่อลดการอักเสบ ช่วยให้ร่างกายพร้อมวิ่งในวันต่อไป
#ก้าว #ก้าวคนละก้าว #breakthrough
ขอบคุณ : Ez2fit ahakorn Rachwin Wongviriya