“เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน”น้ำพระทัยจากฟ้าพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวงร.9 “พลิกวิกฤติน้ำท่วม-แก้ปัญหาน้ำแล้ง”ฟื้นแผ่นดินทองให้ชาวบ้านทำมาหากิน

“เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน”น้ำพระทัยจากฟ้าพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวงร.9 “พลิกวิกฤติน้ำท่วม-แก้ปัญหาน้ำแล้ง”ฟื้นแผ่นดินทองให้ชาวบ้านทำมาหากิน

“ ส่วนที่พิษณุโลกก็มีน้ำไหลลงมาจากข้าง ๆ อีกสายหนึ่ง แควน้อยซึ่งจะต้องทำ....อันนี้ก็ยังไม่ได้ทำ ซี่งจะต้องทำ เพื่อเก็บกักน้ำที่มาจากอำเภอชาติตระการ  อาจจะมีคนค้านว่าทำไมทำเขื่อนพวกนี้แล้วมีประโยชน์อะไร ก็เห็นแล้วประโยชน์ของเขื่อนใหญ่เขื่อนนี้ ถ้าไม่มี 2 เขื่อนนี้ ที่นี่น้ำจะท่วมยิ่งกว่า จะไม่ท่วมเพียงแค่นี้ จะท่วมทั้งหมด.....” พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  ได้พระราชทานพระราชดำรัสตอนหนึ่งเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.2538 ณ ศาลาดุสิตาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต  ถือเป็นพระราชดำรัสที่คนไทยทั่วประเทศได้รับรู้รับฟังครั้งแรกว่าจำเป็นต้องมีการสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำในพื้นที่นี้ 

ย้อนอดีตไปเมื่อวันที่ 25 ก.พ. พ.ศ.2525 ระหว่างเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดเขื่อนนเรศวร และทรงเยี่ยมราษฎร ณ บริเวณเขื่อนนเรศวร บ้านหาดใหญ่ ต.พรหมพิราม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก  พระองค์ก็ทรงพระราชทานพระราชดำริเกี่ยวกับการสร้างเขื่อนไว้เป็นต้นทางแล้วว่า  ควรพิจารณาวางโครงการและก่อสร้างเขื่อนเก็บกักน้ำแควน้อย ในเขตอำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก โดยเร่งด่วน เขื่อนเก็บกักน้ำแควน้อยนี้ควรพิจารณาวางโครงการให้เก็บกักน้ำไว้อย่างเต็มที่ เพื่อการบรรเทาอุทกภัยในเขตลุ่มน้ำแควน้อยตอนล่าง และจัดหาน้ำสนับสนุนโครงการชลประทานพิษณุโลก และโครงการชลประทานเจ้าพระยาใหญ่ ให้ได้ผลอย่างสมบูรณ์ต่อไป สำหรับเขื่อนเก็บกักน้ำแควน้อยนี้ การพลังงานแห่งชาติกำลังศึกษาและจัดทำรายงานความเหมาะสมของโครงการอยู่ และจะได้ดำเนินการก่อสร้างต่อไป นั้นจึงเป็นที่มาของการสร้างเขื่อนแควน้อย ณ หมู่ 4บ้านเขาหินลาด ต.คันโช้ง อ.วัดโบสถ์  จ.พิษณุโลก

“เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน”น้ำพระทัยจากฟ้าพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวงร.9 “พลิกวิกฤติน้ำท่วม-แก้ปัญหาน้ำแล้ง”ฟื้นแผ่นดินทองให้ชาวบ้านทำมาหากิน

“เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน”น้ำพระทัยจากฟ้าพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวงร.9 “พลิกวิกฤติน้ำท่วม-แก้ปัญหาน้ำแล้ง”ฟื้นแผ่นดินทองให้ชาวบ้านทำมาหากิน

“เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน”น้ำพระทัยจากฟ้าพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวงร.9 “พลิกวิกฤติน้ำท่วม-แก้ปัญหาน้ำแล้ง”ฟื้นแผ่นดินทองให้ชาวบ้านทำมาหากิน

“เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน”น้ำพระทัยจากฟ้าพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวงร.9 “พลิกวิกฤติน้ำท่วม-แก้ปัญหาน้ำแล้ง”ฟื้นแผ่นดินทองให้ชาวบ้านทำมาหากิน

“เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน”น้ำพระทัยจากฟ้าพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวงร.9 “พลิกวิกฤติน้ำท่วม-แก้ปัญหาน้ำแล้ง”ฟื้นแผ่นดินทองให้ชาวบ้านทำมาหากิน

นายชูชาติ ฉุยกลม อดีตผู้อำนวยสำนักก่อสร้าง 2 โครงการเขื่อนแควน้อย จ.พิษณุโลก ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาสำนักราชเลขาธิการ พระบรมมหาราชวัง  ที่เป็น “นายช่างใหญ่”ผู้รับผิดชอบปลุกปั้นโครงการนี้ตามแนวพระราชดำริได้เปิดเผยรายละเอียดที่มาที่ไปของโครงการนี้  หลังมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำรินำคณะสื่อมวลชนเดินทางไปศึกษาดูงานเขื่อนแควน้อยฯ  โดยระบุว่า.....เขื่อนเเควน้อยบำรุงแดนมีระยะเวลาในการก่อสร้างทั้งสิ้น   9  ปี  โดยเริ่มต้นดำเนินโครงการตั้งแต่พ.ศ. 2546  ถึงปี พ.ศ. 2554 รวมระบบส่งน้ำ  โดยเป็นอ่างเก็บน้ำอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ สามารถเก็บกักน้ำได้ 939  ล้าน ลบ.ม.  โดยมีพื้นที่ผิวน้ำที่ระดับเก็บกักประมาณ 38,368 ไร่ ประกอบด้วย 3 เขื่อนติดต่อกัน คือ  เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เป็นเขื่อนหินทิ้งดาดคอนกรีต(Concrete Faced Rockfill Dam) สูง 75 ม. ยาว 681 ม. เขื่อนสันตะเคียน เป็นเขื่อนหินทิ้งแกนดินเหนียว(Earth Core Rockfill Dam) สูง 80 ม. ยาว 1,270 ม. เขื่อนปิดช่องเขาต่ำ เป็นเขื่อนดิน(Earthfill Dam) สูง 16 ม.  ยาว 640 ม.  เขื่อนทดน้ำพญาแมน ลักษณะเป็นเขื่อนทดน้ำแบบประตูระบายบานโค้งจำนวน 5 บาน ขนาด 12.50 x 7.50 ม. ระบายน้ำสูงสุด 1,718  ลบ.ม./วินาที  และคลองส่งน้ำฝั่งซ้ายและฝั่งขวา ส่งน้ำด้วยแรงโน้มถ่วง จำนวน 70 สาย ความยาวรวมประมาณ 340 กม. พร้อมคลองระบายน้ำ จำนวน 47 สาย ยาวรวมประมาณ 160 กม. ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 8000 ล้านบาท

“  โดยประโยชน์ของโครงการนั้นมีมหาศาล ทั้งส่งน้ำเพื่อการเพาะปลูกในฤดูฝนและฤดูแล้งให้แก่พื้นที่ชลประทานแควน้อย 155,166 ไร่ และส่งน้ำเสริมการเพาะปลูกในฤดูแล้งของโครงการชลประทานเจ้าพระยาประมาณ 250,000 ไร่ นอกจากนี้ยังมีการทิ้งน้ำลงมาอีก 3-4 แสนไร่ลงมาใน จ.พิจิตร จ.นครสวรรค์   ส่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค ประมาณ 47.3 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี  บรรเทาความเสียหายจากอุทกภัยในเขต จ.พิษณุโลกและลุ่มแม่น้ำแควน้อยตอนล่าง  เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของ จ. พิษณุโลก แม้ช่วงแรกของการก่อสร้างถือว่ายากมากเพราะก้นแม่น้ำแควน้อยเป็นหมื่นๆเป็นพันปีไม่มีใครเคยเห็น ตอนลงไปทำใหม่หลังสูบน้ำจนแห้ง ก้อนหินใหญ่เต็ม กลิ่นข้างล่างเหม็นมาก น่ากลัวมากๆ มืดไปหมด การก่อสร้างก็ยากลำบาก  แต่เพราะพระบารมีของพระองค์ท่านทุกอย่างจึงสำเร็จ ” นายช่างใหญ่ผู้รับผิดชอบโครงการเขื่อนแควน้อยฯระบุและกล่าวต่อว่า  หลังก่อสร้างจวนแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2552  ในหลวง ร.9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อเขื่อนแควน้อยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็น “เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน”  ซึ่งหมายถึงเขื่อนที่ทำให้มีความเจริญขึ้นในเขตพื้นที่   จากนั้นในวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ.2551 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเริ่มการเก็บกักน้ำ 

 

ด้านนางจรูญราช บรรจง ชาวบ้านในพื้นที่กล่าวว่า แต่เดิมพื้นที่ตรงนี้อยู่ในโซนรับน้ำ  หากเป็นช่วงหน้าฝนน้ำก็จะท่วมหนักเป็นเดือนๆปลูกอะไรไม่ได้เลยตายหมด  หากเป็นช่วงหน้าแล้งก็แล้งจัดไม่มีน้ำทำนาไม่ได้  ปีไหนน้ำท่วมหนักพวกเราก็จะไม่มีข้าวให้กิน จนในหลวง ร.9 เล็งเห็นความเดือดร้อนหลังท่านเสด็จมาเยี่ยมชาวบ้านที่ อ.วัดโบสถ์ในปีพ.ศ. 2513  พระองค์ทรงรับสั่งถามข้าราชการในพื้นที่ว่าทำไมราษฎรของท่านถึงเดือดร้อน ทำไมผลกระทบเกิดทุกปีไม่มีเว้นเลย บอกได้เลยว่าพื้นที่บริเวณนี้ลำบากจริงๆ ไม่มีน้ำปะปา ไม่มีน้ำกิน ขุดบ่อบาดาลก็ไม่ได้มันเป็นแบบนี้ทุกปี 
 

“เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน”น้ำพระทัยจากฟ้าพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวงร.9 “พลิกวิกฤติน้ำท่วม-แก้ปัญหาน้ำแล้ง”ฟื้นแผ่นดินทองให้ชาวบ้านทำมาหากิน

“เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน”น้ำพระทัยจากฟ้าพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวงร.9 “พลิกวิกฤติน้ำท่วม-แก้ปัญหาน้ำแล้ง”ฟื้นแผ่นดินทองให้ชาวบ้านทำมาหากิน

“เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน”น้ำพระทัยจากฟ้าพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวงร.9 “พลิกวิกฤติน้ำท่วม-แก้ปัญหาน้ำแล้ง”ฟื้นแผ่นดินทองให้ชาวบ้านทำมาหากิน

“เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน”น้ำพระทัยจากฟ้าพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวงร.9 “พลิกวิกฤติน้ำท่วม-แก้ปัญหาน้ำแล้ง”ฟื้นแผ่นดินทองให้ชาวบ้านทำมาหากิน

“เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน”น้ำพระทัยจากฟ้าพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวงร.9 “พลิกวิกฤติน้ำท่วม-แก้ปัญหาน้ำแล้ง”ฟื้นแผ่นดินทองให้ชาวบ้านทำมาหากิน

“เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน”น้ำพระทัยจากฟ้าพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวงร.9 “พลิกวิกฤติน้ำท่วม-แก้ปัญหาน้ำแล้ง”ฟื้นแผ่นดินทองให้ชาวบ้านทำมาหากิน

“เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน”น้ำพระทัยจากฟ้าพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวงร.9 “พลิกวิกฤติน้ำท่วม-แก้ปัญหาน้ำแล้ง”ฟื้นแผ่นดินทองให้ชาวบ้านทำมาหากิน

“เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน”น้ำพระทัยจากฟ้าพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวงร.9 “พลิกวิกฤติน้ำท่วม-แก้ปัญหาน้ำแล้ง”ฟื้นแผ่นดินทองให้ชาวบ้านทำมาหากิน

 

“ พอรู้ข่าวว่าในหลวงรับสั่งให้สร้างเขื่อนเราดีใจมากๆ เพราะเราได้รับผลกระทบมากๆ ทุกข์ระทมมานาน  ถ้าไม่มีในหลวง ร.9 พื้นที่ตรงนี้คงไม่มีโอกาสแบบนี้ เราถือว่าเราโชคดีเป็นบุญของพวกเราจริงๆ ที่มีเขื่อนหลัก ให้เราได้ทำนา หาปลา ทำการเกษตร ทำให้เรามีรายได้เลี้ยงครอบครัว มีเงินเก็บจากที่แต่ก่อนเป็นหนี้ทุกปี กู้ปีละ 8 หมื่นบาท  ปัจจุบันไม่มีหนี้สินแล้วแถมยังมีเงินเหลือเก็บอีก” นางจรูญราชกล่าว

ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ของในหลวง ร.9 ที่พลิกวิกฤติน้ำท่วม แก้ปัญหาน้ำแล้ง สร้างโอกาส สร้างรายได้  มอบชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นไม่ต้องระทมทุกข์ให้กับชาวบ้าน