ประยุทธ์แจกแหลกทุ่มงบอีก 3.5 หมื่นล้านบาท  หลังครม.เคาะบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเฟส 2 ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในระบบอีก 4.7 ล้านคน

ประยุทธ์แจกแหลกทุ่มงบอีก 3.5 หมื่นล้านบาท หลังครม.เคาะบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเฟส 2 ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในระบบอีก 4.7 ล้านคน

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์  โฆษกประจำรองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีโดยระบุว่า  ครม.มีมติเห็นชอบมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐซึ่งเป็นโครงการให้ความช่วยเหลือระยะที่ 2 หรือ “ บัตรคนจน เฟส 2 ”  แก่ผู้ที่ผ่านการตรวจสอบในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ  ปี 2560  โดยเห็นชอบให้ธนาคารออมสินและธ.ก.ส. ดำเนินมาตราการพัฒนาผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ  6 มาตราการ 18  โครงการวงเงิน 35,679 ล้านบาท  โดยแบ่งเป็น 1.ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ 2,999 ล้านบาท 2.งบประมาณสำหรับโครงการเพื่อรองรับมาตราการพัฒนาคุณภาพชีวิต และงบของธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส.ในการดำเนินงานวงเงินรวม 18,807 ล้านบาท และ 3.งบประมาณสำหรับจัดซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นผ่านร้านธงฟ้า วงเงิน 13,872 ล้านบาท 

“ มาตราการบัตรคนจนเฟส 2 นี้จะเป็นการเริ่มต้นให้เขาได้พัฒนาตัวเองให้เขาตกปลาได้ ไม่ใช่แจกปลาอย่างเดียวเหมือนบัตรคนจนเฟสแรก เพราะฉะนั้นทุกคนที่จะได้รับการช่วยเหลือจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด  โดยเบื้องต้นคาดว่าจะมีคนจนที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้ประโยชน์จากโครงการนี้ราว 4.7 ล้านคน และทำให้อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโตขึ้น 0.06 %” โฆษกประจำรองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ

 

 

นายณัฐพรกล่าวต่อว่า  สาระส าคัญของโครงการนี้ ต้องการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐตามความจำเป็นอย่างรอบด้าน (4 มิติ) เพื่อให้การพัฒนาผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นไปอย่างยั่งยืน จึงมุ่งเน้นการสร้างโอกาสอย่างรอบด้านใน 4 มิติ ได้แก่ (1) การมีงานทำ (2) การฝึกอบรมอาชีพและการศึกษา (3) การเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ และ (4) การเข้าถึงสิ่งจำเป็นพื้นฐาน   ทั้งนี้จะมีการเข้าหาและติดตามผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทุกคนที่มีรายได้ต่ ากว่า 30,000 บาท และอยู่ในวัยแรงงาน เพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้นเพียงพอต่อการดำรงชีพ รวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการกลุ่มอื่น ๆ เข้าร่วมการพัฒนาตนเองได้โดยสมัครใจ   รวมทั้งการบูรณาการการแก้ไขปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำจากกระทรวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแบบเบ็ดเสร็จ โดยมีโครงการเพื่อรองรับมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการ ในทุกมิติรวมกว่า 34 โครงการ จากความร่วมมือและการสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐอย่างน้อย 13 หน่วยงาน 

 

 

นายณัฐพรกล่าวว่า  นอกจากนี้ยังมีมาตรการส่งเสริมให้พัฒนาตนเอง  ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่แสดงความประสงค์จะพัฒนาตนเองในแบบประเมินและเมนูการพัฒนารายบุคคล จะได้รับวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จ าเป็น สินค้าเพื่อการศึกษาและวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม จากร้านธงฟ้าประชารัฐ และร้านอื่น ๆ ที่กระทรวงพาณิชย์ก าหนด ตามแนวทางประชารัฐสวัสดิการเพิ่มเติม โดยจะเริ่มได้รับเงินในเดือนมีนาคมดังนี้  1. ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทในปี 2559 จะได้รับวงเงินเพิ่มเติมจำนวน 200 บาท/คน/เดือน รวมเป็น 500 บาท  และ  2. ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้สูงกว่า 30,000 บาทในปี 2559  จะได้รับวงเงินเพิ่มเติมจำนวน 100 บาท/คน/เดือน รวมเป็น 300 บาท  แต่จะต้องมีการพัฒนาตัวเองและมีเจ้าหน้าที่ไปประเมิน  นอกจากนี้ยังมีมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ   มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรายบุคคลและจูงใจให้นายจ้าง      ที่เป็นนิติบุคคลจัดการฝึกทักษะฝีมือให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือพิจารณาจ้างงานผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ      เป็นกรณีพิเศษโดยให้หักรายจ่ายเป็นจ านวน 1.5 เท่าของรายจ่าย