“บี๊กตู่” ลงพื้นที่บ่อย หวังหาเสียงหรือไม่ โจทย์ใหญ่ที่ คสช.ควรตอบให้ชัด จับตา ความเคลื่อนไหว หลังประกาศ เป็นนักการเมืองเต็มตัว

“บี๊กตู่” ลงพื้นที่บ่อย หวังหาเสียงหรือไม่ โจทย์ใหญ่ที่ คสช.ควรตอบให้ชัด จับตา ความเคลื่อนไหว หลังประกาศ เป็นนักการเมืองเต็มตัว

หลายฝ่ายโดยเฉพาะนักการเมืองจากฝั่งพรรคเพื่อไทย(พท.) กำลังจับตาดูความเคลื่อนไหวของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ภายหลังออกตัวประกาศว่าเป็นนักการเมืองที่เคยเป็นทหาร ซึ่งเปรียบเสมือนการออกตัวก่อนสตาร์ทเริ่มต้นอย่างจริงจัง เหมือนกับที่นักวิเคราะห์ได้ประเมินว่า คสช.กำลังปูทางวางแผนเพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯจากคนนอกหลังการเลือกตั้ง

หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศว่าตนเป็นนักการเมือง มีสิ่งที่ต้องจับตาคือการลงพื้นที่ตรวจราชการในต่างจังหวัด  โดยในวันที่ 17 มกราคม นี้ “บิ๊กตู่” มีกำหนดเดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการ ที่ จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ไชปัญหาความยากจน โดยรัฐบาลเตรียมพิจารณาแนวทางการพัฒนาที่สอดคล้องกับความต้องการของคนในพื้นที่และภาคเอกชน เช่น สนับสนุนเส้นทางบินตรง กทม.-แม่ฮ่องสอน การคมนาคมขนส่งทางราง ส่งเสริมการเกษตรแบบพรีเมียม เกษตรแปรรูป และสมุนไพร รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวข้ามแดน และจัดหาบุคลากรทางการแพทย์ให้เพียงพอ เป็นต้น

“บี๊กตู่” ลงพื้นที่บ่อย หวังหาเสียงหรือไม่ โจทย์ใหญ่ที่ คสช.ควรตอบให้ชัด จับตา ความเคลื่อนไหว หลังประกาศ เป็นนักการเมืองเต็มตัว

“บี๊กตู่” ลงพื้นที่บ่อย หวังหาเสียงหรือไม่ โจทย์ใหญ่ที่ คสช.ควรตอบให้ชัด จับตา ความเคลื่อนไหว หลังประกาศ เป็นนักการเมืองเต็มตัว

พร้อมกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังจะเป็นสักขีพยานในการมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชน    ตามโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนของรัฐบาล รับฟังข้อเสนอแนวทางการพัฒนาอาชีพและเพิ่มรายได้ของชาวแม่ฮ่องสอน เป็นประธานการประชุมยุทธศาสตร์การพัฒนา จ.แม่ฮ่องสอน และเยี่ยมชมชุมชนคุณธรรมตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตลาดประชารัฐและถนนสายวัฒนธรรม ตลอดจนแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ เช่น บ่อน้ำพุร้อนผาบ่อง พระธาตุดอยกองมู

จากนั้น ในช่วงประมาณวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีกำหนดการตรวจราชการและประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ หรือ ครม.สัญจร ที่ จ.จันทบุรี และ จ.ตราด 

ด้วยความที่ “บิ๊กตู่” เดินทางลงพื้นที่ต่างจังหวัดค่อนข้างถี่  จึงหนีไม่พ้นที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการหาเสียงเรียกความนิยมให้แก่ตัวเองและ คสช. เพราะการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ และคณะนั้น ไม่ต่างจากนักการเมืองที่เจ้าตัวเคยวิจารณ์มาโดยตลอด ว่าเป็นการหาเสียง เพราะทุกครั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ลงพื้นที่ ก็จะมีกิจกรรม เช่น เปิดตลาดประชารัฐ ทำขนมร่วมกับชาวบ้าน นั่งรถอีแต๊กปราศรัยกับชาวบ้าน ฯลฯ 

เหล่านี้ล้วนเป็นกิจกรรมที่นักการเมืองเคยทำมาแล้วทั้งสิ้น และเป็นสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งแง่รังเกียจเป็นอย่างยิ่ง บ่อยครั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ลั่นวาจาว่าตนจะไม่มีพฤติกรรมอย่างนักการเมือง ที่ไปดำนาช่วยชาวบ้าน หรือสัญญาว่าจะให้ เมื่อมีการหาเสียงเลือกตั้ง

อย่างไรก็ตาม ที่เป็นไฮไลท์ในการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ คือการพบปะปราศรัยกับประชาชน และทุกครั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยหลีกเลี่ยงที่จะกล่าวหาโจมตี วิพากษ์วิจารณ์นักการเมือง โดยพยายามชี้ให้ชาวบ้านเห็นว่า ทุกวันนี้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย ต่างจากในอดีตที่ผ่านมาอย่างมาก พร้อมกับทิ้งคำถามว่า จะปล่อยให้บ้านเมืองกลับมาวุ่นวายอย่างที่เคยอีกหรือ จนดูเหมือนเป็นการพูดดีใส่ตัว พูดชั่วให้คนอื่น 

ดังนั้น สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ และ คสช.ต้องหลีกเลี่ยงในเวลานี้คือการให้ร้ายโจมตีนักการเมืองเพียงฝ่ายเดียว เพราะ ณ ขณะนี้เป็นที่รู้กันว่า คสช.ได้เปรียบพรรคการเมืองและนักการเมืองมาหลายต่อแล้ว จึงไม่เป็นผลดีกับ คสช.เองหากจะเอาเปรียบพวกเขากว่าที่เป็นอยู่
 
สิ่งสำคัญที่สุดคือ พล.อ.ประยุทธ์ และ คสช.ต้องตอบคำถามให้กระจ่างว่าการลงพื้นที่นั้น เป็นประโยชน์ต่อชาวบ้าน มากกว่าเป็นโยชน์ต่อตัวเอง