เสียงดังฟังชัด!! "บิ๊กป้อม" กร้าวประกาศลาออก หากมีความผิดนาฬิกาหรู!!

เสียงดังฟังชัด!! "บิ๊กป้อม" กร้าวประกาศลาออก หากมีความผิดนาฬิกาหรู!!

เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังประชุมครม.ถึงการถูกตรวจสอบเรื่องนาฬิกาหรู โดยล่าสุดมีเรือนที่ 24 ปรากฎผ่านทางโซเชี่ยล ว่า “ มันวนกันไป เอาเรือนเก่าออกมา ก็ไม่เป็นไร ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ตรวจสอบและชี้มูลว่าผมผิด ผมก็ออก ผมไม่นอยด์อะไร ไม่มีอะไร”

 

โดยผู้สื่อข่าวได้ ถามกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเห็นว่าหากพล.อ.ประวิตร ชี้แจงเรื่องนี้ไม่ชัดเจน ออกกระทบต่อนายกรัฐมนตรีและภาพลักษณ์รัฐบาลได้ พล.อ.ประวิตร กล่าวย้อนว่า ก็พูดกันไป พูดอย่างไรก็พูดได้ ตนไม่มนาฬิกาสะสม แต่มีเพื่อนที่เอามาให้ใส่แค่นั้นแล้วตนก็คืนหมดทุกเรือนซึ่งไม่ใช่การซื้อมาฝาก และตนก็มีเป็นของส่วนตัวแต่ไม่พูดว่ามีกี่เรือน 

ต่อข้อถามถึงกระแสข่าวการเล่นหุ้นนาฬิกาในแวดวงของทหาร รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่มี ไปเอาที่ไหนมา

นอกจากนี้นั้น พล.อ.ประวิตา ยังได้พูดถึงกรณี กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)และทหารบุกทลายสถานบันเทิงวิคตอเรีย ซีเคร็ต และการตรวจสอบว่ามีเรื่องการค้ามนุษย์ ว่า เมื่อเจ้าหน้าที่จับกุมแล้วต้องดำเนินการว่าสถานประกอบการทำผิดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับเรื่องการค้ามนุษย์หรือไม่ ถ้าพนักงานอายุเกิน 18 ปี ก็ว่ากันไป รวมทั้งตรวจสอบว่ามีลักลอบใช้แรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานด้วยหรือไม่ โดยการปฎิการครั้งนี้ถือว่าเจ้าหน้าที่ปฎิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ส่วนที่มีรายชื่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปใช้บริการนั้น เจ้าหน้าที่ที่ถูกพาดพิงก็ตอบมาแล้วว่าในเวลานั้นอยู่กับครอบครัวไม่ได้เดินทางไปสถานบันเทิงดังกล่าว ดังนั้นต้องสอบสวนข้อเท็จจริง

ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ผ่านมาสถานบันเทิงที่ถูกพักใบอนุญาตแต่ผ่านไปสักระยะแล้วลักลอบไปเปิดในสถานที่แห่งใหม่ จะคุมเข้มอย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขณะนี้สถานบันเทิงต่างๆก็ถูกปิดไปมากแล้ว ส่วนกรณีวิคตอเรีย ซีเคร็ตนั้นก็จะปิดชั่วคราวไปก่อน และใบอนุญาตก็ใช้งานไม่ได้ เมื่อถามว่าสถานประกอบการส่วนใหญ่มีผู้มีอิทธิพลเข้าไปถือหุ้น จะปราบปรามอย่างไรให้ปัญหาหมดไปได้อย่างไร รองนายกฯ กล่าวว่า เมื่อมีใบอนุญาตจะไปจัดการอย่างไร สิ่งที่ต้องไปดูคือใช้คนอื่นกระทำความผิดหรือไม่ โดยใช้การข่าวเข้าไปสืบอีกทางว่ามีผู้อิทธิพลอยู่เบื้องหลังและกระทำผิดกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้เชื่อว่าเจ้าหน้าที่จะจับกุมผู้ที่ทำผิดทั้งหมดไม่สนใจว่าใครจะเป็นเจ้าของ