“พล.อ.ประวิตร" พอใจ ผลกวาดล้างผู้มีอิทธิพล สั่งจับตาต่างชาติOverstayกว่า 40,000คน

“พล.อ.ประวิตร" พอใจ ผลกวาดล้างผู้มีอิทธิพล สั่งจับตาต่างชาติOverstayกว่า 40,000คน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ขอบคุณหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง ที่ร่วมกันทำหน้าที่เปิดพื้นที่ปลอดภัยให้สังคม ตามนโยบายรัฐบาลในการปราบปรามผู้มีอิทธิพลทุกพื้นที่ทั่วประเทศที่ผ่านมา โดยปี 60 มีผลการจับกุมผู้กระทำผิดรายใหญ่และยึดของกลางได้จำนวนมาก
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้ย้ำเป็นนโยบายในปี 61 ให้ทุกหน่วยงานความมั่นคง ทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ต้องทำงานร่วมกันใกล้ชิดมากขึ้น ทั้งในระดับพื้นที่ภาคและจังหวัด โดยให้ขยายฐานงานข่าวร่วมกับภาคประชาชน พร้อมทั้งพิสูจน์ทราบและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังกับทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยไม่เลือกปฏิบัติ เน้นความเชื่อมโยงเครือข่ายให้ถึงผู้ที่มีอิทธิพลรายใหญ่ในทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด อาวุธสงคราม การค้ามนุษย์ การบุกรุกทำลาย ทรัพยากรธรรมชาติ

“พล.อ.ประวิตร" พอใจ ผลกวาดล้างผู้มีอิทธิพล สั่งจับตาต่างชาติOverstayกว่า 40,000คน

พร้อมให้เพิ่มการจับตาดูกลุ่มอิทธิพลที่เป็นอาชญากรรมข้ามชาติและอาชญกรรมที่กระทบต่อความมั่นคง โดยต้องติดตามบังคับใช้กฎหมายเข้มกับชาวต่างชาติที่ยังคงค้างอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (Overstay) กว่า 40,000 คน เพื่อดำรงสถานภาพความปลอดภัยของสังคมในภาพรวม  และให้ทุกส่วนราชการดูแลไม่ให้มีข้าราชการทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลหรือเข้าไปเกี่ยวข้องโดยเด็ดขาด

ทั้งนี้ ภาพรวม ปี 60 ที่ผ่านมาว่า ฝ่ายความมั่นคง ได้ร่วมกันกวาดล้าง จับกุมเครือข่ายกลุ่มอิทธิพลรายใหญ่ทั้งต่างชาติและคนไทยได้มากขึ้น จากข้อมูลประชาชนที่ให้ความร่วมมือและเชื่อมั่นถึงความจริงจังของรัฐบาล  โดยเฉพาะ การดำเนินการกับเครือข่ายกลุ่มอิทธิพลต่างชาติ ที่เข้ามาก่ออาชญกรรมข้ามชาติ ซึ่งมีผลกระทบความเชื่อมั่นและสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศในรูปแบบต่างๆ ทั้ง การทำบัตรเครดิตปลอม ซึ่งสร้างความเสียหายต่อระบบธนาคาร การจัดทำพาสปอร์ตปลอมเพื่อนำเข้ากลุ่มอาชญากรข้ามชาติ การหลอกลวงโอนเงินไปต่างประเทศ เป็นต้น

“พล.อ.ประวิตร" พอใจ ผลกวาดล้างผู้มีอิทธิพล สั่งจับตาต่างชาติOverstayกว่า 40,000คน

สำหรับกลุ่มอิทธิพลยาเสพติด นั้น มีผลบั่นทอนทรัพยากรบุคคลของชาตินั้น สามารถจับกุมผู้ค้ารายใหญ่และยึดยาเสพติดได้เพิ่มขึ้นจากปี 59 ถึงกว่าเท่าตัว  เป็นยาบ้ากว่า 215 ล้านเม็ด  เฮโรอีน 376 กก. โดยเฉพาะยาไอซ์ ยึดเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า กว่า  5,000 กก. นอกจากนั้น ยังได้ดำเนินการต่อเป้าหมายกลุ่มอิทธิพลมือปืนรับจ้างและการค้าอาวุธสงคราม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความรุนแรงทางสังคมที่ผ่านมา  โดยสามารถจับกุมผู้ครอบครองอาวุธปืนและวัตถุระเบิดทั่วประเทศ กว่า 25,000 ราย