กระแสเลื่อนการเลือกตั้ง !! ขยายเวลาเพิ่มแต้มต่อให้รัฐบาล -คสช.

กระแสเลื่อนการเลือกตั้ง !! ขยายเวลาเพิ่มแต้มต่อให้รัฐบาล -คสช.

ถึงแม้กระแสเลื่อนเลือกตั้งออกไปตามเงื่อนไขในการบังคับใช้ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.กำลังมาแรง

แต่ดูเหมือน จะเป็นผลดีของรัฐบาล-คสช. ..ทั้ง ภาพรวมเศรษฐกิจ กำลังเริ่มดีขึ้น   ขณะที่การขับเคลื่อนมาตรการต่างๆเพื่อแก้ปัญหาปากท้องให้เศรษฐกิจฐานราก ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญทางการเมือง  ก็เริ่มเดินหน้า มุ่งตรงต่อเป้าหมายแก้ปัญหาความยากจน ตามที่ประกาศไว้

โดยมาตรการและโครงการ ที่จะเริ่มเห็นในปี 2561  ตั้งงบประมาณไว้กว่าแสนล้านบาท  เริ่มจาก”บิ๊กโปรเจค”ตามนโยบาย "ประชารัฐ" ผนึกภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ร่วมกันจัดตั้ง "บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี จำกัด" จำนวน 76 จังหวัด

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายโครงการ อาทิ "โครงการสินเชื่อบ้านประชารัฐ" วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท อีกโครงการที่ประทับใจมวลชน "โครงการธงฟ้าประชารัฐ" กระทรวงพาณิชย์จัดคาราวานขายของถูก งบประมาณกว่าหมื่นล้านบาท หรือโครงการ "กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวทางประชารัฐ" วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ที่เริ่มต้นทางธุรกิจ หรือ "โครงการสินเชื่อประชารัฐเพื่อ Micro SME" วงเงินรายละไม่เกิน 2 แสนบาท แก่หาบเร่แผงลอย แบบไม่มีหลักประกันและปลอดดอกเบี้ย 

ต่อมา รัฐบาลเปิดนโยบายแก้จน แบบเจาะใจคนจนโดยตรงตามความต้องการ ด้วยการประกาศความตั้งใจว่าจะทำให้คนจนหายไปล้านคน แก้จนเฟส 1 ดีเดย์เมื่อเดือน มิ.ย. 2559 "โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ" เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีรายได้น้อย หรือคนจน ให้มาลงทะเบียนเพื่อนำไปสู่การจัดทำฐานข้อมูลและบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน ทั้งหมด 8.3 ล้านราย โดยรัฐบาลจัดสรรงบประมาณ 1.9 หมื่นล้านบาท แจกเงิน 3,000 บาท 

และตา มมาด้วย โครงการแก้จนเฟส 2 ด้วยการใช้กลไกทางการเงินของสถาบันการเงินรัฐ คือ ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ดำเนิน 6 มาตรการ 18 โครงการ งบประมาณ 3.5หมื่นล้านบาท เบื้องต้นเชื่อว่าจะมีผู้มีรายได้น้อยได้ประโยชน์ 4.7 ล้านราย

ทั้งนี้ ในส่วนของ ธ.ก.ส.นั้นได้มีมาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกร ที่มีรายได้น้อย อาทิ โครงการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ งบประมาณ 3,800 ล้านบาท โครงการชำระดีมีคืน วงเงินรวม 4,600 ล้านบาท โครงการแก้ไขหนี้นอกระบบของเกษตรกรและบุคคล ในครัวเรือน วงเงินสินเชื่อ 1.9 หมื่นล้านบาท โครงการสินเชื่อสนับสนุนกองทุนหมู่บ้านเพื่อแก้ไขหนี้นอกระบบ วงเงิน 1,000 ล้านบาท และโครงการสนับสนุนสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉินระยะที่ 2 วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท

พร้อมกันนี้ ยังมีมาตรการการพัฒนาตนเอง อาทิ โครงการสินเชื่อเพื่อพัฒนาอาชีพของผู้มีรายได้น้อย เป้าหมาย 4 แสนราย วงเงินสินเชื่อ 2 หมื่นล้านบาท ส่วนธนาคารออมสินนั้นมีวงเงินช่วยเหลือรวมกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำให้กับผู้มีรายได้น้อย รายละไม่เกิน 5หมื่นบาท เพื่อใช้เป็นเงินในการสร้างอาชีพเสริม หรือหารายได้เพิ่ม เช่น การทำธุรกิจแฟรนไชส์ เปิดร้านค้าสตรีทฟู้ด และธุรกิจโฮมสเตย์ ฯลฯ

ขณะเดียวกันยังตั้งงบกลางปี 2561 จำนวน 1.5 แสนล้านบาท หวังผล 2 เรื่อง คือ กระตุ้นเศรษฐกิจและเอาใจคนจน แบ่งงบเป็น 4 ก้อน คือ 1.งบประมาณในโครงการช่วยคนจนเฟส 2 วงเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท 2.โครงการปฏิรูปราคาสินค้าเกษตร 4 หมื่นล้านบาท เน้นการแก้ไขราคายางตกต่ำ 3.งบประมาณในโครงการพัฒนาตำบล วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท และ 4.นำไปใช้เพิ่มความเข้มแข็งกองทุนหมู่บ้าน 1-1.5 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 5 หมื่นล้านบาท จะนำไปใช้เพื่อชดใช้เงินคงคลัง

จากนโยบายประชารัฐ สู่แก้จนเฟส 1 และ 2 จึงเป็นที่มาของแผนเดินสายแก้จน ของนายกฯและครม.โดยเน้นพื้นที่ซึ่งประสบปัญหาความยากจนหนักๆ มีเป้าหมายจะลงพื้นที่เดือนละจังหวัด พร้อมกับนำรัฐมนตรีและเจ้ากระทรวงต่างๆ ลงไปดูในแต่ละพื้นที่มีปัญหา และต้องแก้ไข อะไรบ้างประเดิม 3 จังหวัด คือ จ.อำนาจเจริญ บุรีรัมย์ และศรีสะเกษ

จัดเต็มขนาดนี้....แต้มต่อของรัฐบาล คสช. คงไม่หนีไปไหน