"สุรชัย" ตัดพ้อหนีไม่พ้นถูกวิจารณ์รับลูก คสช. ชี้ อำนาจ สนช. พิจารณากฎหมายมีจำกัด ไร้อำนาจปลดล็อก

นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ  (สนช.) คนที่ 1 กล่าวถึงการประชุม สนช. พิจารณาร่าง พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ส. ว่า คาดว่าสนช. จะพิจารณาถึงช่วงค่ำ ซึ่งตนและประธานสนช. พยายามที่จะควบคุมเวลาในการอภิปรายให้กระชับ เพราะร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้จะครบกำหนดการพิจารณา 60 ภายในวันนี้ และวันพรุ่งนี้จะต้องพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ให้เสร็จเช่นกัน

ทั้งนี้ การแก้ไข มาตรา 2 เกี่ยวกับการขยายเวลาบังคับใช้กฎหมายออกไป 90 วัน สนช. จะต้องรับฟังความเห็นทุกด้าน ทั้งเสียงข้างมาก-เสียงข้างน้อย รวมถึงเสียงของสังคม เพราะกฎหมายบังคับใช้กับคนทั้งประเทศ ซึ่งสมาชิกสนช.จะต้องชั่งน้ำหนักของเหตุผลทั้งความเห็น กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หรือ กรธ. ผู้สงวนความเห็น  ผู้ที่เสนอขยายเวลา 90 วัน และ 120 วัน

ส่วนกรณีที่ คสช. ไม่ปลดล็อก จนนำมาสู่การขยายเวลาดังกล่าว ตนเชื่อว่า คสช. ติดตามปัญหาที่เกิดขึ้น แต่เป็นอำนาจของ คสช. ไม่ใช่อำนาจของ สนช. ในการปลดล็อก และ สนช. ไม่มีข้อมูลเรื่องความมั่นคงเท่ากับ คสช. จึงไม่สามารถใช้ประเด็นนี้ประกอบการตัดสินใจ แต่ สนช. จะพิจารณาตามมิติของกฎหมายเท่านั้น เพื่อขับเคลื่อนตามโรดแมปคือการเลือกตั้ง

ดังนั้น การเลือกตั้งเกิดแน่ แต่จะเกิดภายในเงื่อนใดระบุไม่ได้ และยังมีกรอบบางส่วนจากคำสั่ง คสช. ที่ 53/2560 ซึ่งเท่าที่ติดตามเหตุผลของ กมธ. ชี้แจงว่าการออกกฎหมายและขยายเวลาบังคับใช้ เพราะไม่ต้องการให้มีการออกคำสั่งใด เพื่อแก้ไขกฎหมายอีก จึงแก้ไขเงื่อนเวลาในกฎหมายให้เรียบร้อยตั้งแต่ชั้นนี้ หรืออาจจะคงเงื่อนเวลาตามร่างเดิม และหากการปฏิบัติมีปัญหา จึงค่อยแก้ไขในภายหลัง ซึ่งขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของที่ประชุม สนช. ในวันนี้

 

นอกจากนี้ ยอมรับว่า สนช. หนีไม่พ้นที่จะถูกมองว่า พิจารณากฎหมายตามที่ คสช.​ตั้งเรื่องไว้ และ สนช. ไม่รู้วิธีที่จะหลีกเลี่ยงคำวิจารณ์ จึงขอความเห็นใจจากสังคม เพราะ สนช. มีหน้าที่ออกกฎหมายจำกัดเท่านั้น ไม่สามารถก้าวล่วงการปลดล็อก

อย่างไรก็ตาม ยืนยัน สนช. ไม่ได้ออกกฎหมายตามใจใคร แต่ประเด็นเหล่านี้ถูกเชื่อมโยงผ่านสื่อจนประชาชนคิดไปในทางเดียว ไม่ว่าสนช. จะชี้แจงอย่างไรก็ไม่เกิดผล ดังนั้นจึงขอให้สังคมฟังเหตุผลของผู้อภิปราย และหากฟังไม่ขึ้น ก็ช่วยกันเสนอแนะแนวทางที่ควรจะเป็นจะดีกว่า

 

 

 

 

ขอบคุณข้อมูล  "SpringNews"