"บิ๊กตู่"ชี้มติสนช.ขยาย 90 วัน บังคับใช้ “พ.ร.ป.เลือกตั้งส.ส.”ก้าวล่วงไม่ได้ ไปยุ่งมาก ทุกอย่างล้มตามกันไปหมด

"บิ๊กตู่"ชี้มติสนช.ขยาย 90 วัน บังคับใช้ “พ.ร.ป.เลือกตั้งส.ส.”ก้าวล่วงไม่ได้ ไปยุ่งมาก ทุกอย่างล้มตามกันไปหมด

เมื่อวันที่ 26 ม.ค.61 ที่กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน - อินเดีย ในโอกาสครบรอบ 25 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-อินเดีย และเป็นแขกเกียรติยศร่วมกับผู้นำอาเซียน ในงานวันสถาปนาสาธารณรัฐอินเดีย ครั้งที่ 69 ระหว่างวันที่ 25-26 มกราคม ถึงกรณีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. โดยให้บังคับใช้ภายหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา 90 วัน ว่า ตนรับทราบจากข่าว เป็นเรื่องของมติ สนช. ซึ่งตนเคยยืนยันไปแล้วว่าการทำงานของรัฐบาลนั้น มีโรดแมป โดยโรดแมปนั้นเป็นไปตามที่ได้ประกาศไว้ ทั้งนี้ การแก้ไขร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นเรื่องของสนช. ตนไม่สามารถก้าวล่วงได้ จำไว้ว่าเรื่องของกฎหมายเป็นส่วนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องพิจารณา หากเราไปยุ่งเกี่ยวมากๆ ก็จะทำให้ทุกอย่างล้มตามกันไปหมด จึงขอให้ฟังเหตุผลของ สนช. ว่าคืออะไร
 

“ผมเองพร้อมที่จะปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และหลักการทุกประการตามขั้นตอนกฎหมาย หลายคนอาจมองว่าผมส่งสัญญาณอะไรหรือเปล่า ผมไม่อาจจะส่งสัญญาณได้หรอก และผมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในช่วงเวลาที่ยังมีหน้าที่อยู่ การที่จะเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ตาม ผมถือว่าเป็นขั้นตอนกฎหมาย ผมขอความเข้าใจจากประชาชน จากนักการเมืองและพรรคการเมืองด้วย ท่านก็ควรทำในส่วนของท่านให้ดีที่สุด เพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ถ้าท่านทำให้พรรคหรือตัวของท่านได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ว่าจะไม่ทำให้เกิดความเสียหายอีกในอนาคต ผมว่าคงไม่เกิดปัญหาอะไรอีกทั้งสิ้น” นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกคนอยากจะเลือกตั้ง แต่เมื่อถึงเวลาเลือกตั้งแล้วตนก็จะไม่ไปขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น แต่อยากให้คิดว่าเมื่อถึงเวลาเลือกตั้งแล้ว สถานการณ์จะสงบหรือไม่ เหตุการณ์เดิมๆ จะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ใครจะเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินในวันข้างหน้าก็ยังไม่ทราบ แต่สิ่งที่รัฐบาลคิดตอนนี้คือ ทำให้บ้านเมืองมีเสถียรภาพ ทั้งที่ผ่าน วันนี้ และอนาคต จึงอยากฝากประชาชนทั้งประเทศให้ช่วยกันคิด เพราะเราไม่ควรมองเพียงด้านเดียว แต่ต้องมองในทุกปัญหา พร้อมเตรียมทุกมาตรการรองรับ เพราะนี่คือประเทศไทย คนที่อยู่ในห่วงโซ่ประชาธิปไตยคือคนไทยทั้งประเทศ ดังนั้น ทุกคนควรประพฤติปฏิบัติดี มองแต่ละฝ่ายด้วยสายตาอันเป็นธรรม


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอฝากสื่อและโซเชียลมีเดียให้ช่วยกันพิจารณาด้วยว่าประเทศชาติมีความสำคัญที่สุด ความปลอดภัยมั่นคง การมียุทธศาสตร์คือสิ่งสำคัญต่อประเทศไทยเพื่อที่เราจะได้มีบ้านเมืองที่สงบเหมือนประเทศอื่นเขา ไทยมีโอกาสและศักยภาพมาก ดังนั้น จึงอย่าทำลายศักยภาพของตัวเองด้วยความไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน
 

เมื่อถามว่า หากการเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไปเป็นกุมภาพันธ์ 2562 ได้วางแผนที่จะบริหารประเทศอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าต้องเป็นเช่นนั้นจริง ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ซึ่งตนก็ทำงานไปตามโรดแมปและขั้นตอนต่างๆ ที่วางไว้ อย่างที่เคยบอกแล้วว่า ตนมีแผนในการบริหารราชการแผ่นดินอยู่ 3 ขั้นตอน 1.แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด 2.เตรียมการ เช่น มีรัฐธรรมนูญ และ 3.เตรียมการปฏิรูป ทั้งนี้การปฏิรูปรัฐบาลคงทำไม่เสร็จ โดยแผนปฏิรูปต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งทั้งสองส่วนไม่ใช่อยู่ดีๆ จะคิดออกมา ทั้งหมดได้ผ่านฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ผ่านคนหลายระดับ    
 

“อย่าไปฟังหรืออย่าไปเชื่อใครที่บอกว่าจะให้โน้นให้นี่ หรือทำโน้นทำนี่ให้ เพราะความจริงแล้วมันทำไม่ได้มากนัก ที่สำคัญคือจะต้องรับผิดชอบถ้าเกิดปัญหาเกี่ยวกับการเงินการคลังของประเทศ เพราะจะทำให้ประเทศล้มเหลว เนื่องจากการเงินการคลังมีปัญหา รายได้ประชานไม่พอต่อรายได้ จึงอยากให้ทุกคนพิจารณาในทุกมิติ ส่วนใครอยากจะทำต่อจากที่ผมทำมา และถ้าจะพูดอะไรก็ขอให้นึกถึงสิ่งที่ผมพูดไว้ด้วย อย่าพูดให้ประชาชนเข้าใจว่าจะดีอย่างนู้นอย่างนี้ แต่ไม่พูดสิ่งที่ไม่ดีที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำจากนโยบาย จึงอยากให้ทุกคนได้เข้าใจผม ส่วนการเลือกตั้งจะเลื่อนหรือไม่เลื่อน วันนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ จะเกิดอะไรขึ้นอีกผมยังไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องของกลไกกฎหมาย แต่ถือว่าผมรับทราบก็แล้วกัน” นายกฯ กล่าว