กองเชียร์ "ยิ่งลักษณ์" เจ็บจี๊ด!! "อรรถวิทย์" ซัดแรงไม่มี "สุเทพ" โครงการทุจริตจำนำข้าวคงทำลายชาติต่อไปอีก!! (รายละเอียด)

กองเชียร์ "ยิ่งลักษณ์" เจ็บจี๊ด!! "อรรถวิทย์" ซัดแรงไม่มี "สุเทพ" โครงการทุจริตจำนำข้าวคงทำลายชาติต่อไปอีก!! (รายละเอียด)

วันนี้(29/01/2561) บนเฟซบุ๊กของ อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี - ปชป ได้มีการโพสต์ข้อความ โดยระบุว่า ถ้าไม่มี 'ลุงกำนัน'

เกือบ 4 ปีแล้ว ที่การชุมนุมทางการเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศไทยได้สิ้นสุดลง... เวลา อาจทำให้ภาพเลือนราง แต่สำหรับผมแล้ว เหมือน เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน

แม้งานด้านการปฏิรูปประเทศที่รัฐบาลปัจจุบันทำ จะไม่ถูกใจเรานัก แต่เมื่อคิดมองย้อนกลับไปเทียบกับสถานการณ์การเมืองก่อนรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 "รัฐบาล คสช."ก็ยังดีกว่า "รัฐบาลเผด็จการเสียงข้างมาก"อยู่มาก ผมจึงอยากชวนคิดกันว่า หากวันนั้นไม่มีการชุมนุม กปปส. หากประชาชนพี่น้องเราและคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่เสียสละความสุขสบายในวันนั้นจะเกิดอะไรขึ้น

"โครงการทุจริตจำนำข้าว" คงทำลายชาติเราต่อไป

หากได้เดินหน้าโครงการแบบปล่อยปละละเลยต่อไปจนถึงตอนนี้ ประเทศจะต้องขาดทุนเสียหายไม่น้อยกว่า 7.7 แสนล้านบาท หากอ้างอิงจากคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีรับจำนำข้าวที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นจำเลย ระบุชัดว่าโครงการรับจำนำข้าว 5 ฤดูกาลผลิตติดต่อกัน ระหว่างปี 2554 จนถึงกลางปี 2556 รายงานผลการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ระบุว่าขาดทุนไปแล้วถึง 332,372 ล้านบาท เฉลี่ยแล้วขาดทุนเสียหาย ปีละ 110,000 ล้านบาท ถ้าทำต่อเนื่องตั้งแต่วันที่อดีตนายกฯเข้ารับตำแหน่งตั้งแต่ปี 2554 ถึงปัจจุบันในปี 2561 เป็นเวลา 7 ปี ยอดความเสียหายคงตกราวๆ 7.7 แสนล้าน

หากมาดูถึงความเสียหายเชิงระบบที่เกิดจากการทุจริต ในกรณีการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) จากการทำสัญญาขายข้าวกับบริษัทของจีนโดยอ้างว่าเป็นการ ซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ เพราะจะขายถูก ขายลับ ได้หมด ถ้าอ้างว่าเป็นการขายแบบรัฐต่อรัฐ เนื่องจากปกติแล้วจะใช้ในกรณีที่ต้องการเชื่อมสัมพันธไมตรีกับต่างชาติ หรือเพื่อช่วยเหลือกันในกรณีต่างชาติประสบภัยพิบัติสำคัญ แต่ในกรณีของรัฐบาลที่แล้วที่เป็นคดีกันนั้น ทำไปก็เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคา หรือการประมูลแข่งกันทั่วไปแบบเปิดเผย โดยในความเป็นจริงไม่มีการส่งออกข้าวไปขายยังประเทศจีน แต่เป็นการขายข้าวแก่พ่อค้าคนไทยเพื่อนำมาวนขายในประเทศอีกทีหนึ่งในราคาขายจริงต่ำกว่าราคาตลาด จนทำให้ข้าวราคาตกต่ำ และแน่นอนว่าทำให้นโยบาย ของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ที่อ้างว่าจะชี้นำราคาข้าวเปลือก ในตลาดให้สูงที่ 15,000 บาทต่อเกวียนนั้น ไม่สำเร็จ แม้จะเสียภาษีจากประชาชนไปเท่าไรก็ตาม เพราะทางที่รั่วออกคือข้าวสารสีแล้ว ได้ออกมาขายถูกๆ แข่งกับชาวนาในตลาด

บริษัทรัฐวิสาหกิจจีนระดับมณฑลที่พยายามจะหามาให้เข้าเงื่อนไขกฎหมาย ชื่อ จีเอสเอสจี ซึ่งย่อมาจาก Guangdong stationery & sporting goods imp. & exp. Corp. แปลว่า บริษัท กวางตุ้ง ส่งออกนำเข้า "เครื่องเขียน และอุปกรณ์กีฬา" ชัดเจนทั้งชื่อและคุณสมบัติที่ไร้ใบอนุญาตนำเข้าข้าวไปจีน เพราะรัฐวิสาหกิจที่นำเข้าข้าวเข้าจีนได้ชื่อ "คอฟโก้" China National Cereals, Oil and Foodstuff Import Export Corporation (COFCO) รัฐวิสาหกิจการค้าภาครัฐที่นำเข้าผลิตภัณฑ์ธัญพืชของประเทศจีน

ที่เจ็บแสนเจ็บ คือเมื่อไม่ขายทั่วไป วงเงินใช้จ่ายเพื่อจำนำข้าวก็เต็มวงเงิน เงินไม่พอมาหมุนจ่ายให้ชาวนาได้ ประกอบกับชิงยุบสภาไปก่อน เลยไม่สามารถดำเนินการ ด้านงบประมาณได้อีก จนเป็นเหตุให้เกษตรกรหลายคนฆ่าตัวตายหลายราย ไม่ได้เป็นเพราะ กปปส.ไปชุมนุมที่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) แต่กลับกัน หากวันนั้นพลิกนำเงิน ธ.ก.ส. ไปใช้ได้ แล้วพืชผลอย่างอื่นที่ธ.ก.ส.ไปช่วย จะเอาเงินจากไหนจ่ายให้เกษตรกรอื่นๆ

"ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม สุดซอย" คงเป็นผลไปแล้ว

ในขณะนั้นหลายฝ่ายต้องการสร้างความปรองดองในบ้านเมือง ด้วยการออกกฎหมายล้างผิดให้กับผู้ชุมนุมทางการเมือง จนเป็นเหตุให้มีการเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในเดือนสิงหาคม 2556 แต่ในเวลาต่อมาก็มีการแปรญัตติเปลี่ยนข้อความให้ล้างผิดทุกกรณีย้อนหลังไปถึงปี 2547 เพื่อให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาคดีทุจริต พี่ชายของนายกฯยิ่งลักษณ์ ได้รับอานิสงส์ไปด้วย กลายเป็นหนังคนละม้วนไป
.
ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นชนวนก่อให้เกิดการชุมนุม กปปส. การชุมนุมครั้งใหญ่ทางการเมืองที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่นักการเมืองยอมลาออกจากตำแหน่งสส. เพื่อมาสู้เคียงข้างพี่น้องประชาชนอย่าง เต็มตัว จนสุดท้ายวุฒิสภาก็ได้มีมติเอกฉันท์ไม่เห็นชอบ ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม สุดซอย ฉบับนี้

"ผมคิดว่าจำเลยในคดีนี้สมควรมีเฉพาะพวกผม 9 คน เพราะพวกผม 9 คนนี้ เป็นผู้ที่ริเริ่มชักชวนพี่น้องประชาชนออกมาร่วมขบวนการต่อสู้ และเป็นผู้ที่ยืนเคียงข้างกับประชาชนในการต่อสู้มาโดยตลอด 204 วัน ผู้ต้องหาคนอื่นเป็นเพียงผู้มาร่วมในการชุมนุม"

คำพูดของลูกผู้ชายชื่อ สุเทพ เทือกสุบรรณกำนันแห่ง กปปส. เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2561 วันที่อัยการส่งฟ้องต่อศาลอาญาในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ, ก่อการร้าย, ทำให้เกิดความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่องในราชอาณาจักรฯ จากการชุมนุมเคลื่อนไหวของ กปปส. เพื่อต่อต้านรัฐบาลที่ละเมิดกฎหมายในขณะนั้น ซึ่งในกระบวนการทางคดีแล้ว ยังมีระยะเวลาต่อสู้คดีอีกระยะหนึ่ง เพราะเพิ่งส่งฟ้องคดีกันไป

แม้จะต้องขึ้นโรงขึ้นศาล แต่ลุงกำนันก็พร้อมยืดอกรับผิดชอบแทนพี่น้องที่ขึ้นเวทีและประชาชนผู้ร่วมชุมนุม โดยเชื่อมั่นและเคารพในกระบวนการยุติธรรม พร้อมต่อสู้คดีในทุกขั้นตอน และเชื่อว่าผลที่เกิดขึ้นในวันนี้คุ้มค่าแล้ว พร้อมกับคำพูดว่า "ภาคภูมิใจที่ได้เป็นกำลังของมวลมหาประชาชน ต่อสู้เพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน"
 

ส่วนตัวผมแล้ว ก็ขออยู่เคียงข้างและให้กำลังใจแกนนำทุกท่านในการต่อสู้คดี และยืนยันว่าการชุมนุม กปปส. ที่เกิดขึ้นมาจากเจตนาบริสุทธิ์โดยแท้จริงเช่นเดียวกันคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อ 18 
แม้วันนี้บ้านเมืองจะอยู่ภายใต้การบริหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. โดยการนำของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไม่ได้เป็นการปฏิรูปประเทศโดยประชาชนอย่างแท้จริงตามที่ กปปส. คาดหวังไว้ทั้ง 5 ด้าน ได้แก่  1.) ปฏิรูปกระบวนการทางการเมือง  2.) ปฏิรูปการป้องกันและปราบปรามการทุจริต  3.) ปฏิรูปการกระจาย อำนาจการปกครอง  4.) ปฏิรูปความเหลื่อมล้ำในสังคม และ 5.) ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม แต่หลายแนวคิดก็ได้แทรกซึมอยู่ในรัฐธรรมนูญปี 2560 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่กำหนดให้มี "หมวดการปฏิรูปประเทศ" เป็นการเฉพาะ รอคอยผู้กล้ามาปฏิบัติการสู่การปฏิรูปจริง

วันนี้ หลายคนยอมเสียสละความสุขสบาย ยอมเสียคนที่เค้ารัก ยอมเสี่ยงต่อการสูญเสียอิสรภาพ เพราะอยากเห็นประเทศไทยที่ดีขึ้น "ปฏิรูปประเทศไทย!"

ขอบคุณข้อความจาก อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี - ปชป