“ บันทึกลับ จากป่าลึก บนผืนป่ามรดกโลก ณ ทุ่งใหญ่ฯ ” ของนักข่าว NBT

“ บันทึกลับ จากป่าลึก บนผืนป่ามรดกโลก ณ ทุ่งใหญ่ฯ ” ของนักข่าว NBT

จากกรณีที่มีการจับกุมนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) นายยงค์ โดดเครือ นางนที เรียมแสน และนายธานี ทุมมาศ ลักลอบเข้าตั้งแคมป์และล่าสัตว์ป่าในเขตป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกนั้น

“ บันทึกลับ จากป่าลึก บนผืนป่ามรดกโลก ณ ทุ่งใหญ่ฯ ” ของนักข่าว NBT

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เสกสม แจ้งจิต ผู้สื่อข่าวของ NBT ได้ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กดังนี้ วันนี้พวกเราทีมข่าว เข้าพื้นที่ที่เกิดเหตุ โดยออกจากอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี มุ่งหน้าไปยังจุดเกิดเหตุ ภายในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร พร้อมกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน / พนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อร่วมตรวจจุดเกิดเหตุ เปรมชัย กรรณสูตร CEO บริษัท อิตาเลียนไทย จำกัด (มหาชน) และพวก ตั้งแค้มป์ ล่าสัตว์ป่า กลางผืนป่ามรดกโลก


เราใช้เวลาเดินทางราว 4 ชั่วโมง ถึงที่หมาย แต่ระหว่างทาง เราถึงด่านอนุรักษ์สัตว์ป่า หน้าที่ทำการเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และจุดนี้เป็นด่านแรกในการตรวจรถยนต์ และกลุ่มบุคคลที่จะเข้าไปด้านใน เจ้าหน้าที่อธิบายว่า จะต้องเข้ามาลงชื่อ บอกหมายเลขทะเบียนรถ และจะต้องปฏิบัติตามคำแนะของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด

แต่เมื่อไล่ตรวจสมุด เข้า – ออก ย้อนหลัง พบว่า เพิ่งเริ่มเขียนวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 ส่วนวันก่อนหน้านี้ เราไม่สามารถตรวจได้ว่ามีรถยนต์ โตโยต้า แลนครุยเซอร์ ทะเบียน 7 กค 2192 กทม. คันละประมาณ 3.6 ล้านบาท ซึ่งเป็นรถของกลาง และรถคันที่ เปรมชัยฯ และพวกนำเข้ามาในพื้นที่ มีการขอผ่านด่านในจุดนี้หรือไม่ เพราะมีการทำหนังสือขออนุญาตไปที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ตั้งแต่ช่วงบ่ายแก่ๆ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2561 แต่สำนักฯ ไม่ได้แจ้งมาเป็นลายลักษณ์อักษร กระทั่งเปรมชัยฯ และพวกเดินทางเข้าพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 แต่ปลายทางจากกรมอุทยานฯ สายตรงถึง จนท.ผู้ปฏิบัติงาน ว่า มีการขออนุญาตแล้ว หนังสืออยู่ที่สำนัก จนท. จึงอนุญาตให้เข้า
ทว่า ต้นสายจากกรมอุทยานฯ เป็นใคร และเป็นคนเดียวกับที่เปรมชัยฯ รู้จักหรือไม่ ยังไม่มีใครให้คำตอบได้ แต่ที่แน่ๆ มีการสั่งเก็บหนังสือฉบับดังกล่าว ที่มีการขออนุญาตเข้าพื้นที่ ออกจากสำนักฯ ที่บ้านโป่ง และห้ามไม่ให้หนังสือฉบับนี้หลุดรอดออกไป ... แล้ว ใคร คือ คนที่เซ็นต์หนังสือถึง ผอ.สำนักฯ ที่ บ้านโป่ง เพราะเมื่อวานนี้ วิเชียร ชิณวงษ์ หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว่าทุ่งใหญ่ฯ และชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หน.ชุดเฉพาะกิจพญาเสือ ยันชัดเจน จนท. ไม่ได้รับอนุญาตเป็นทางการการขอเข้าพื้นที่ของผู้ต้องหากลุ่มนี้

แต่ในทางลับ กลับพบว่า คนที่สายตรงถึงเจ้าหน้าที่ เพื่อให้เปิดทางให้ผู้ต้องหากลุ่มนี้เข้าไป ไม่ใช่ อธิบดี ธัญญา เนติธรรมกุล แต่เป็นอีกคน ... แล้วใคร คือ คนที่มีอำนาจเหนือ อธิบดีกรมอุทฯ ถึงสั่งให้ จนท.ผู้ปฏิบัติงาน เปิดทางให้พวกเค้าเข้าไปได้ เป็นคำถาม ที่ต้องตอบสังคม เพราะถ้ามีคนในลักษณะนี้ ผู้บังคับบัญชาที่สูงกว่า ก็หมดความหมาย??? แต่สำหรับผมไม่ขอเอ่ย ว่าเป็นใคร ให้ผู้เกี่ยวข้องเป็นคนตอบ

ประเด็น ถัดมา วันนี้เข้าพื้นที่ สังเกต สีหน้าและแววตา วิเชียร ชิณวงษ์ หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ และลูกน้องคนสนิทในชุดจับกุม แม้สีหน้าจะนิ่งๆ แต่แววตาของเค้ากังวลอะไรบางอย่าง แม้ ธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทฯ จะยืนยันหนักแน่นกลางผืนป่ามรดกโลก ว่า “ผมไม่ย้ายแน่นอน เพราะผมเป็นคนเอาเขามา” แต่แววตา วิเชียร ก็ยัมีความกังวล เพราะอะไร เมื่อถูกสื่อต้อนถามถึงการเข้า พื้นที่มีกระบวนการอย่างไร วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา มีรถคณะเปรมชัยฯ เข้ามาใหม แล้วทำไมในเอกสารไม่มี แต่สิ่งที่ วิเชียรฯ ตอบกลางป่า คือ อาจจะมีความหละหลวมบ้าง ผมในฐานะหัวหน้าหน่วยผมจะรับผิดชอบ ทำให้ผมเดินหนีออกจากวง ทันที เพราะสิ่งที่ วิเชียรฯ ตอบ ขัดแย้งกับเมื่อวาน และสีหน้า แววตา ของเค้า แม้ปากของเค้าจะบอกว่าไม่ แต่สิ่งที่สัมผัสได้กับ วิเชียร คนเมื่อวาน (6/2/61) กับวิเชียร วันนี้(7/2/61) มันต่างกันสิ้นเชิง นี่กำลังส่งสัญญาณให้รู้ว่า วิเชียร น่าจะวิ่งบนถนนเยอะ จนเจอแรงเสียดทานบางอย่าง ถึงต้องทำให้ วิเชียร เป็นแบบนี้ แต่ สำหรับผม มองว่า หาก วิเชียร ไม่ทำแบบนี้ มันจะเกิดอะไรขึ้นกับกรมอุทยานฯ เพราะนั่นมันคือความขัดแย้งภายใน เพราะจากข้อมูลที่ได้รับตลอด 2 วัน จากแหล่งข่าว เมื่อนำมาประมวลวิเคราะห์ หาเหตุ และผล ทำให้รู้ว่า ด้านใน กรมอุทฯ กำลังร้อนระอุ จาก 2 กลุ่ม

 

ประเด็น ถัดมา กลุ่มนี้เคยเข้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าสลักพระ บ่อยมาก เพราะ 1 ในกลุ่มผู้ต้องหา เป็นชาวกาญจนบุรี และรู้พื้นที่อย่างดี ว่าจุดใดมีสัตว์ไม่มีสัตว์ สอดคล้องกับ อธิบดี ธัญญาฯ ที่บอกว่า คนเลือกตั้งแคมป์นอกเขตที่กำหนด แสดงว่า จะต้องมีใครรู้พื้นที่ และรู้ว่าตรงสถานที่ใดมีสัตว์ป่าชุกชุม เพราะใกล้ที่ตั้งแคมป์ริมถนนอีกฝั่ง มีการขุดพื้นที่ใช้อำพรางปืน / เก็บซากสัตว์ และซ่อนชิ้นเนื้อ หลบการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ ถัดออกไปราว 300 เมตร เจ้าหน้าที่พบว่า จุดนี้มีการซุกซ่อนเครื่องในสัตว์ ในลำห้วยประชิ และยังพบปลอกกระสุนปืนลูกซอง เบอร์ 20 ตกอยู่ 1 ปลอก นอกจากนี้ยังพบกองอุจาระ ที่เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นของกลุ่มคนร้าย นี่เป็นหลักฐานเพิ่มเติม ที่ยึดได้จากจากที่เกิดเหตุ และเมื่อนำไปประกอบรวมกับของกลางที่ยึดได้ก่อนหน้านี้ ซึ่งปืนไรเฟิล มีชื่อ เปรมชัย กรรณสูตร เป็นคนครอบครอง อธิบดี ธัญญาฯ และชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ประสานเสียง หลักฐานแน่นขนาดนี้เรามั่นใจเอาผิดได้ เพราะ ทั้ง 4 ผู้ต้องหา ที่ถูกแจ้งไว้ 9 ข้อหา ทุกคนถูกแจ้ง “ร่วมกันฯ กระทำผิด” ในแต่ละข้อหา ทั้งหมด 
อีกหนึ่งประเด็น เมื่อวาน(6/2/61) นี้ ไม่ได้มีการตรวจเขม่าดินปืนที่ตัวผู้ต้องหา เพื่อเทียบเคียงกับของกลางที่ตรวจยึดได้ เพราะอย่าลืมว่า ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และสิ่งหนึ่งนั่นก็คือ โทรศัพท์ ของกลุ่มผู้ต้องหาได้ตรวจยึด เพื่อตรวจสอบข้อมูลในตัวเครื่องหรือไม่ ???
สิ่งที่เกิดขึ้นตลอด 2 วันนี้ รวมถึง สีหน้า และแววตา ที่มีความกังวลของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน มันทำให้ผมอดห่วงไม่ได้ว่า เมื่อพวกเราเดินทางกลับ กทม. แล้ว พวกเค้าจะเจออะไรในพื้นที่บ้าง หรือจะเจอเรื่องใดที่ทำให้เกิดความเครียดขึ้นกว่าเดิมอีก แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ผมจะขออยู่คู่ข้างพวกเค้า เพราะอย่างน้อยพวกเค้าก็ทำให้ผมได้เห็น หมาจิ้งจอก ตัวเป็นๆ และไก่ฟ้า หลังเทา ที่ถูกกลุ่มคนเข้ามาล่า ในวันนี้
#บันทึกทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
8 กุมภาพันธ์ 2561

 

 

เฟซบุ๊ก เสกสม แจ้งจิต