นักธุรกิจค้าเพชร เตรียมยื่นหนังสือถึง ผบ.ตร. ทวงเพชรของกลางคืนจากกองปราบ หลัง จนท.อายัดแล้วทำหาย ต่อสู้มานาน 5 ปี ไม่เคยเห็นเพชรแม้แต่เม

นักธุรกิจค้าเพชร เตรียมยื่นหนังสือถึง ผบ.ตร. ทวงเพชรของกลางคืนจากกองปราบ หลัง จนท.อายัดแล้วทำหาย ต่อสู้มานาน 5 ปี ไม่เคยเห็นเพชรแม้แต่เม

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2556  น.ส.จีระพันธ์ จุลพันธ์ เจ้าของธุรกิจค้าเพชร – ทองคำ ย่านภาษีเจริญ ถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหายักยอกทรัพย์ซึ่งเป็นเพชร มูลค่ากว่า 6 ล้านบาท หลังจากนางสาวผาติรัตน์ ใจเย็น กล่าวหาว่า น.ส.จีระพันธ์ได้ขอยืมเพชรไปเสนอขายลูกค้า โดยอ้างว่าจะคืนเพชรให้ภายใน 7 วัน หากขายเพชรได้ตนยินดีจะให้ค่านายหน้าหรือค่าคอมมิชชัน ต่อมาได้มีการซื้อขายเพชรกัน และมีการหยิบยืมเพชรของตนไปเสนอขายเรื่อยมาจนภายหลังตนพบว่ามีการนำเพชรไปจำนำ จากนั้นเพชรดังกล่าวถูกพนักงานสอบสวนอายัดไว้

ต่อมาปี 2558 น.ส.จีระพันธ์ ได้เข้ายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ช่วยติดตามทวงถามเพชรและทองคำของตัวเอง จากกองปราบปรามที่มีร.ต.ท.สมโชค ปานพิมพ์ พนักงานสอบสวนอายัดไว้ตั้งแต่เมื่อปีพ.ศ. 2556 โดยเพชรและทองคำจำนวนดังกล่าว ไม่มีการนำกลับเข้ามาสู่สำนวนคดีแต่อย่างใด
น.ส.จีระพันธ์ เผยว่า สิ่งที่ตนสงสัยคือพฤติกรรมของร.ต.ท.สมโชคที่อายัดเพชรไว้ ที่โรงจำนำแห่งหนึ่งย่านบางแค และตนก็ได้โต้แย้งสิทธิ์ว่า นี่คือเพชรของตนและขอให้นำเพชรไปไว้ในที่ที่ปลอดภัยกว่านี้ และยังพบด้วยว่า มีการปลอมแปลงลายเซ็นต์ตน ทำการไถ่ถอนเพชรออกมาบางส่วน โดยอ้างว่าเพื่อประกอบคดีและได้ตัดต้นขั้วตั๋วจำนำเพชร 17 รายการทิ้ง แต่มีการทำรายการสิ่งของเพียง 15 รายการเท่านั้น  จากนั้นมีการเปลี่ยนให้บุคคลนำเพชรที่ไถ่ถอนออกมากลับไปจำนำไว้คืน แล้วก็ปล่อยให้หลุดจำนำจนมีการนำไปขายทอดตลาด นั่นเท่ากับว่าเพชรจำนวนดังกล่าว ไม่มีการนำกลับเข้ามาสู่สำนวนคดีแต่อย่างใด  
จนนำไปสู่การฟ้องร้องดำเนินคดีกับร.ต.ท.สมโชค ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และฟ้องเอาผิด น.ส.ผาติรัตน์ ในข้อหาแจ้งความเท็จ จนกระทั่งศาลได้มีคำสั่งตัดสินให้ ร.ต.ท.สมโชค เจ้าของคดี และนางผาติรัตน์ มีความผิดมาตรา157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ในขณะ น.ส.ผาติรัตน์ มีความผิดฐานแจ้งความเท็จ
ต่อมาปี 2560 น.ส.จีระพันธ์ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีที่กองปราบราม โดยต้องการให้คดีมีความคืบหน้าโดยเร็ว เพราะเรื่องดังกล่าวเกิดตั้งแต่ปี 2556 และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ครอบครัวของตนได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะหลานชายที่มาช่วยงาน ถูกกล่าวหาว่ายักยอกทรัพย์ด้วยเช่นกัน จึงอยากขอความเป็นธรรมให้ถึงที่สุด ขณะที่เพชรและทองคำที่ถูกอายัดไว้นั้น ยังไม่มีการนำกลับเข้ามาสู่สำนวนคดีแต่อย่างใด และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือ เหยื่ออาชญากรรม ได้อ้างกับตนว่าของกลางดังกล่าวอยู่ที่กองปราบปราม แต่เมื่อเดินทางมาถึง กลับไม่ได้พบตัวนายอัจฉริยะตามที่มีการนัดหมาย และตำรวจก็ยืนยันว่า ไม่มีของกลางอยู่ที่กองปราบปราม ทำให้กังวลว่า หากไม่มีของกลาง จะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป
 

ล่าสุดวันนี้ น.ส.จีระพันธ์ จะเดินทางไปยื่นหนังสือถึง ผบ.ตร. ทวงเพชรของกลาง คืนจากกองปราบปราม หลังจากที่พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้อายัดเพชร แล้วทำเพชรหาย โดยอ้างว่าคืนให้กับผู้เสียหายไปแล้ว ทั้งที่คดียังไม่ถึงที่สุด ซึ่งอัยการลงความเห็นสั่งไม่ฟ้อง น.ส.จีระพันธ์ หลังต่อสู้มานานเกือบ 5 ปี แต่ยังไม่เคยเห็นเพชรแม้แต่เม็ดเดียว

ดังนั้นเพชรดังกล่าวหายไปไหน ใครอมไว้ กองปราบช่วยตอบที?