“องอาจ"ชี้กฎหมายลูก2ฉบับคว่ำหรือไม่ขี้นอยู่กับ "คสช."กำหนดชะตา เชื่อกมธ.ร่วม3ฝ่ายหาข้อยุติได้ถ้านึกถึงบ้านเมืองเป็นหลัก

“องอาจ"ชี้กฎหมายลูก2ฉบับคว่ำหรือไม่ขี้นอยู่กับ "คสช."กำหนดชะตา เชื่อกมธ.ร่วม3ฝ่ายหาข้อยุติได้ถ้านึกถึงบ้านเมืองเป็นหลัก

18 กุมภาพันธ์ 2561 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการตั้งกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่ายพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. จนอาจนำไปสู่การคว่ำร่างกฎหมายทั้งสองฉบับที่ สนช.นั้น นายองอาจ กล่าวว่าถ้าพิจารณาประเด็นที่นำไปสู่การพิจารณาของกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่ายแล้วน่าจะหาข้อยุติได้ ถ้าทุกฝ่ายคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมืองเป็นหลัก เว้นเสียแต่ว่ามีการรับใบสั่งมาทำให้เกิดปัญหา เพื่อไปคว่ำรัฐธรรมนูญในชั้น สนช. ถ้าไม่มีใบสั่งก็ไม่ น่ามีปัญหาอะไร

กฎหมายลูกทั้งสองฉบับจะถูกคว่ำหรือไม่ น่าจะอยู่ที่ คสช. เพราะ คสช. ตั้ง สนช. มากับมือ สนช. จะตัดสินใจอย่างไร ก็คงหลีกเลี่ยงยากที่จะไม่ดูธงจาก คสช.

ขณะนี้จึงขึ้นอยู่กับ คสช. จะกำหนดอนาคตการเดินหน้าประเทศไทยอย่างไรผ่านการพิจารณากฎหมายลูกทั้งสองฉบับ

สำหรับกรณีที่ สนช. ออกมายืนยันว่าขยายเวลาประกาศใช้กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. ออกไป 90 วันเพื่อให้พรรคการเมืองมีเวลาในการทำไพรมารีโหวต และเตรียมพร้อมก่อนการเลือกตั้ง นายองอาจ กล่าวว่า ถ้า คสช. คลายล็อคคำสั่ง คสช. ที่ 57/2557 ที่ห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรม แล้วปล่อยให้พรรคการเมืองทำตามกฎหมายพรรคการเมืองที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว พรรคการเมืองก็สามารถเตรียมพร้อมก่อนการเลือกตั้งได้ทันโดยไม่ต้องขยายเวลาประกาศใช้กฎหมาย ส.ส.ออกไป 90 วันแต่อย่างใด

นอกจากนั้น คสช. ยังใช้มาตรา 44 ออกคำสั่ง คสช. ที่ 53 / 2560 ไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎหมายพรรคการเมืองจนก่อให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ และอาจขัดรัฐธรรมนูญอีกด้วย ซึ่งเป็นการช่วยเพิ่มปัญหาในทางปฏิบัติมากกว่าแก้ปัญหา

นายองอาจ กล่าวต่อไปว่า ถ้าทุกฝ่ายอยากให้ประเทศเดินหน้าไปได้ ก็ควรดำเนินการทุกอย่างโดยคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง

 

“องอาจ"ชี้กฎหมายลูก2ฉบับคว่ำหรือไม่ขี้นอยู่กับ "คสช."กำหนดชะตา เชื่อกมธ.ร่วม3ฝ่ายหาข้อยุติได้ถ้านึกถึงบ้านเมืองเป็นหลัก