แชร์ด่วน!! เทคนิคง่ายๆ ตากผ้าให้แห้งเร็ว แถมไม่เหม็นอับ ถึงแม้ฝนจะตกหนักทั้งวัน! คอนเฟิร์มว่าโคตรเด็ดได้ผลชัวร์100%!!

ในช่วงที่ฝนฟ้าตกหนัก จะบอกว่าก็เป็นเรื่องที่ดีเพราะมันทำให้เรานอนแบบสบาย แต่มันก็สร้างความลำบากให้เราด้วย เพราะว่าไม่มีแดดมันคือปัญหาใหญ่ของ "การซักผ้า" ยิ่งคนที่พักอาศัยตามห้องเช่า คอนโด ด้วยแล้ว ไม่ค่อยมีพื้นที่โล่งแจ้งมาก พอฝนตกปุ๊ปก็ไม่มีที่ "ตากผ้า" ทำให้ผ้าเหม็นอับไปอีก กลายเป็นปัญหาน่าหนักใจเลย

และการแก้ปัญหาเราก็คงจะสรรหาวิธีที่จำทำให้เสื้อผ้าของเราแห้งเร็ว แห้งไว ในวันที่ซักผ้าแล้วฝนตกหนัก วันนี้เลยจึงมีเคล็ดลับง่ายๆที่ช่วยให้ "เสื้อผ้าแห้งเร็วในวันฝนตกหนัก" แถมไม่มีกลิ่นอับมารบกวนด้วย รับรองได้เลยว่าใครที่เจอปัญหานี้ ลองนำไปใช้ได้ผลชัวร์ๆ 

1.รีบซักผ้าในตอนเช้า

ถ้าวันไหนเรามีผ้ากองโตแล้วต้องลงมือซัก ก็สละเวลาตื่นแต่เช้ามาซักผ้า เผื่อเวลาเตรียมตัวไปทำงาน เพื่อที่เราจะได้ตากผ้าในช่วงกลางวันได้ทั้งวัน ถ้าไม่มีคนที่จะฝากเก็บผ้าตอนฝนตก เอาตากหลังห้องของเราตรงที่โล่งๆ มีลมพัดผ่านตลอด แต่เอาหลบเข้ามาในชายคา เวลาฝนตกจะได้สาดเข้ามาไม่ถึง การที่เราซักผ้าในตอนเช้า ผ้าจะได้รับแดดและลมอุ่นๆ ช่วยให้ผ้าแห้งเร็ว 

แต่หลายคนที่ชอบกลับมาซักผ้าตอนเย็นหลังเลิกงาน แล้วตากทิ้งไว้ทั้งคืน ผ้าจะแห้งช้าและอาจมีกลิ่นอับอีกด้วย บางทีถ้าฝนตกทั้งคืน ผ้าที่ตากเอาไว้ก็จะชื้นๆ การที่เราสวมใส่เสื้อผ้าที่อับชื้นเป็นความรู้สึกที่ไม่ดีเอาเสียเลย

2.ใช้เครื่องอบผ้า

 

ปัจจุบันมีเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เข้ามาตอบโจทย์ชีวิตของเรามากมาย เครื่องอบผ้าก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หลายคนมีไว้ติดบ้าน เพราะถึงแม้ว่าฝนจะตกหนักจนไม่มีแสงแดดให้ตากผ้า เราก็ใช้เครื่องอบผ้ามาช่วยได้ ซึ่งร้านซักอบรีดเค้าก็นิยมใช้กัน ผ้าก็จะแห้งพร้อมให้เอาไปเก็บในตู้เสื้อผ้า หรือเอาไปรีดได้เลย แต่ผ้าที่อบเครื่องนี้จะค่อนข้างยับนิดนึง และจะไม่มีกลิ่นหอมละมุนของไอแดด

3.จัดระยะห่างของเสื้อผ้าให้ดี

ในการตากผ้าถ้าอยากจะให้ผ้าแห้งเร็ว  ก่อนตากคอยจัดระยะห่างของผ้าแต่ละผืนด้วย เพราะหากผ้าอยู่ชิดกันเกินไป ลมจะพัดผ่านเข้าไปในผ้าไม่ได้ ผ้าจะไม่แห้ง ให้แขวนผ้าห่างกันซักหนึ่งคืบ บางครั้งลมพัดทำให้ผ้าเลื่อนมาชิดกัน ก็ให้หาเชือกมามัดเป็นปมคั่นไว้ไม่ให้ผ้าที่แขวนไหลไปมาได้ หรืออาจจะเลือกซื้อราวผ้าแบบที่มีห่วงคล้อง ซึ่งเราจะแขวนไม้แขวนเสื้อได้ห่วงละอันเท่านั้น จึงทำให้ผ้าไม่ไหลไปกองรวมกัน และมีระยะห่างที่เหมาะสม ลมพัดผ่านเข้าไปได้ทำให้ผ้าแห้งเร็ว

4.ใช้ไดร์เป่าผมมาช่วย

วิธีนี้ใช้ได้ผลดี โดยหากผ้ายังชื้นอยู่แล้วเรารีบใช้ ให้หาถุงพลาสติกใบใหญ่และหนานิดนึง เอาผ้าที่เราต้องการให้แห้งใส่เข้าไปในถุง แล้วเอาไดร์เป่าผมเป่าลมร้อนเข้าไปข้างในถุงเลย  เขย่าถุงด้วยนะเพื่อให้ความร้อนเข้าสู่เนื้อผ้าอย่างทั่วถึง เพียงไม่นานผ้าก็จะแห้งพร้อมเอาไปรีดหรือเอาผึ่งซักแป๊บแล้วก็ใช้สวมใส่ได้เลย

5.เลือกใช้บริเวณที่แสงส่องถึง

ถ้าเราอยู่บ้านเดี๋ยวก็คงไม่ค่อยมีปัญหา แต่ถ้าอยู่หอพักหรือคอนโด สถานที่โล่งที่พอจะตากผ้านั้นดูจะมีไม่มากนัก ให้คุณเลือกพื้นที่ตามระเบียงเป็นที่ตากผ้า โดยย้ายราวตากผ้าของเราไปไว้ที่ริมระเบียงจุดที่แดดพอจะส่องถึง และอากาศสามารถถ่ายเทได้สะดวก เท่านี้ก็ช่วยให้เสื้อผ้าที่เราตากนั้นแห้งไวและยังหอมกลิ่นแดดอ่อนๆ อีกด้วย

6.เปิดพัดลมเป่า

หากไม่มีแสงแดดให้เราได้ตากผ้าเลย ก็ให้เอามาผึ่งพัดลม  โดยตอนซักผ้าเสร็จนั่นเราต้องปั่นแห้งหรือบิดน้ำให้หมาดมากที่สุด จากนั้นก็เอาใส่ไม้แขวนผ้าเอาแขวนไว้ริมหน้าต่าง แล้วจัดการเปิดพัดใส่เสื้อผ้านั้นเลย หรือถ้าเป็นพัดลมแบบติดผนังก็ให้เอาเสื้อผ้ามาแขวนไว้หน้าพัดลม ให้ลมพัดโดนเสื้อผ้าได้ ถ้าเป็นผ้าที่ไม่หนามากนักก็จะช่วยให้แห้งอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าเป็นผ้ายีนส์จะแห้งค่อนข้างช้า หากจะใช้วิธีนี้ตอนที่ซักผ้าแนะนำให้ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรป้องกันกลิ่นอับด้วย  เพื่อป้องกันไม่ให้เสื้อผ้าของเราเกิดกลิ่นอับอันไม่พึงประสงค์

7.ใช้ผ้าขนหนูช่วยซับน้ำ

ถ้าเราซักผ้าเสร็จแล้ว ถ้าอยากให้ผ้าแห้งหมาดมากยิ่งขึ้น ตอนที่จะปั่นแห้งให้คุณเอาผ้าขนหนูแห้งใส่ลงไปปั่นด้วย ผ้าขนหนูจะช่วยซับน้ำจากผ้าที่ปั่นได้มากยิ่งขึ้น ฉะนั้นผ้าที่เราปั่นเสร็จแล้วก็จะแห้งมากกว่าปกติ ทำให้เวลาที่เราเอามาจาก ผ้าก็จะแห้งได้ไวยิ่งขึ้น

8.ให้คอมเพรสเซอร์แอร์ช่วยเป่า

หากที่บ้านหรือห้องพักของคุณมีแอร์ จะมีคอมเพรสเซอร์แอร์ตั้งอยู่หลังห้องซึ่งจะมีลมร้อนเป่าออกมา คุณสามารถเอาผ้าไปแขวนผึ่งไว้ได้ ลมร้อนจะช่วยเป่าเสื้อผ้าของคุณให้แห้งเร็วขึ้น วิธีนี้หลายคนก็เคยใช้มาแล้วเหมือนกัน ผ้าจะแห้งภายในระยะเวลาไม่นาน เป็นการประยุกต์ใช้สิ่งที่อยู่ใกล้ตัวที่ได้ผลดี

9.ปั่นผ้าในปริมาณที่พอดี

การที่เราปั่นแห้งเสื้อผ้าของเราในปริมาณมากในครั้งเดียวไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเท่าไหร่ เพราะผ้าของเราจะไม่แห้ง  ควรแยกปั่นให้พอดีกับขนาดของเครื่อง เพื่อให้แรงหมุนของเครื่องทำการปั่นเอาน้ำในเสื้อผ้าออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอีกอย่างเสื้อผ้าก็จะไม่พันกันจนเสียทรงมากจนเกินไป

10.สะบัดผ้าก่อนตาก

การที่เราเอาผ้าปั่นแห้งแล้ว ผ้าก็จะยับและยังชื้นๆ  ก่อนที่จะเอาใส่ไม้แขวนก็ให้ทำการสะบัดผ้าซัก 2 – 3 ที แล้วจึงเอาใส่ไม้แขวน เพื่อที่จะได้ขจัดเศษละอองน้ำที่ติดมากับผ้าออกไป และเป็นการคืนรูปให้เสื้อผ้า เวลาเอาไปรีดจะได้รีดง่ายๆ หากเราไม่สะบัดเสียก่อนผ้าก็จะเป็นรอยยับลึกๆ รีดยาก และรอยยับนั้นก็จะเก็บความชื้นของผ้าเอาไว้มาก เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผ้าแห้งช้าอีกด้วย

11.ตากผ้าในห้อง อย่าลืมเปิดประตูหน้าต่าง

หากจำเป็นต้องเอาผ้าเข้ามาตากในห้อง ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องไม่ค่อยมีแดดอยู่แล้ว ให้เปิดประตูหลังห้อง เปิดหน้าต่างบานเกร็ดไว้ให้โปร่ง เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ลมจากข้างนอกได้พัดเข้ามาถ่ายเทความชื้นจากผ้าที่ตากไว้ออกไป

12.เลือกซักผ้าทีละมากๆ ในวันหยุด

 

เป็นอีกหนึ่งวิธีสำหรับผู้ที่มีชุดสวมใส่ไปทำงานมากๆ ก็รวบรวมชุดที่ใส่แล้วไว้ซักในวันหยุดทีเดียวไปเลย ก่อนซักก็เช็คดูลมฟ้าอากาศว่ามีโอกาสที่ฝนจะตกหรือไม่ หรืออาจจะเช็คจากแอพพลิเคชั่นพยากรณ์อากาศก็ได้ แล้วรีบซักผ้าตั้งแต่เช้าๆ เอาผ้าออกไปตากในพื้นที่โล่งบริเวณใกล้ๆ แล้วเราก็ทำงานบ้านที่เหลือไปสักครึ่งวัน ผ้าที่ตากก็จะแห้งพอดี 

13.ใช้เตารีดช่วย

 

เมื่อซักผ้าและปั่นเสร็จ ผ้าก็จะยังชื้นๆ อยู่ ให้เอามารีดเลย โดยตอนรีดให้เอาผ้าขนหนูแห้งมาทับด้วย น้ำจะระเหยออกมาติดอยู่ที่ผ้าขนหนู ตอนรีดไอน้ำจะเป็นควันขึ้นมา  เสร็จแล้วก็เอามาผึ่งซักแป๊บนึง ผ้าก็จะแห้งแล้ว  แต่วิธีนี้ระวังผ้าสีตกและอาจจะเปลืองไฟ  ไม่แนะนำให้ใช้วิธีนี้กับผ้ายืด เพราะยางยืดจะเสื่อมสภาพ

 

ข้อมูลจาก :  tipsza.