"ป.ป.ท."สั่งสอบเพิ่มอีก 5 จังหวัด หลังมีหลักฐานโกงเงินคนจน พบคนเอี่ยว 25 ราย รวมทั่วปท.เจอ28จังหวัดแล้ว

8 มี.ค.61 พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี กรรมการ และในฐานะโฆษกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) แถลงผลการประชุม คณะกรรมการ ป.ป.ท. พิจารณาตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีทุจริตเงินช่วยเหลือคนไร้ที่พึ่งและผู้ป่วยเอดส์ ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง 5 จังหวัด ประกอบด้วย หนองคาย บึงกาฬ น่าน สุราษฎร์ธานี และ ตราด จากเดิมที่มีการตั้งอนุกรรมการไต่สวนไปแล้ว 2 จังหวัด คือ ขอนแก่น และเชียงใหม่

ที่ประชุมมีมติตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงทั้ง 5 จังหวัด คือ หนองคาย บึงกาฬ น่าน สุราษฎร์ธานี และตราด หลังพบว่ามีการปลอมลายมือชื่อ เบิกจ่ายเงินไม่ครบตามความจริง และมีการสวมสิทธิผู้ไร้ที่พึ่ง ซึ่งเข้าข่ายความผิด 4 ข้อหา คือ มาตรา147 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์สินนั้นเสีย, มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต, มาตรา 161 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร กรอกข้อ ความลงในเอกสารหรือดูแลรักษาเอกสาร กระทำการปลอมเอกสาร โดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น และมาตรา 162 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสาร หรือ กรอกข้อความลงในเอกสาร โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับ ผู้อำนวยการศูนย์ 5 ราย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับลูกจ้าง พนักงาน และคนนอก รวม 25 ราย เข้ามาเกี่ยวข้องกับการทุจริตที่เกิดขึ้น
 

พล.ต.อ.จรัมพร กล่าวอีกว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างลงพื้นที่แสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานและพบความผิดปกติในการเบิกจ่ายเงินอีก 21 จังหวัด ประกอบด้วย 1.จ.พระนครศรีอยุธยา 2.สระบุรี 3.กระบี่ 4.ตรัง 5.สงขลา 6.นราธิวาส 7.ยะลา 8.พัทลุง 9.อุดรธานี 10.ร้อยเอ็ด 11.นครราชสีมา 12.สุรินทร์ 13.บุรีรัมย์ 14.ชัยภูมิ 15.ยโสธร 16.ลำพูน 17.ลำปาง 18.เชียงราย 19.พิษณุโลก 20.สระแก้ว และ 21.อ่างทอง ซึ่งเท่ากับว่าพบการกระทำที่เข้าข่ายการทุจริตแล้ว 28 จังหวัด จากนี้ จะเป็นการตรวจสอบงบประมาณปี 60 และอาจมีการตรวจสอบงบประมาณย้อนหลังไปถึงปี 2558 ย้อนหลังอีกหากพบความเชื่อมโยง

 

 

 

ส่วนพฤติการณ์การกระทำความผิดนั้น ประกอบด้วย

1.มีการนำชื่อคนเสียชีวิตมาเป็นบุคคลที่ได้รับสิทธิรับเงิน

2.นำข้อมูลบุคคลที่ไปร่วมในโครงการอื่นมาเป็นชื่อของผู้มีสิทธิได้รับเงิน โดยบุคคลนั้นไม่รับรู้

3.นำชื่อคนที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์มาเป็นผู้มีสิทธิได้รับเงิน

4.ปลอมลายมือชื่อข้อมูลในแบบสำรวจ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียน

5.ให้ประชาชนลงลายมือชื่อในเอกสารเกี่ยวกับการขอรับเงินฯ โดยแจ้งว่าเพื่อนำไปใช้ในการกิจกรรมต่างๆของศูนย์

6.ให้หน่วยงานของรัฐอื่น เช่น โรงเรียน องค์การบริหารส่วนตำบลส่งรายชื่อผู้เข้าหลักเกณฑ์พร้อมเอกสารประกอบให้ศูนย์ เพื่อไปดำเนินการแต่ศูนย์จ่ายเงินให้ไม่ครบตามจำนวนฎีกา

7.รายชื่อที่ปรากฎในแบบสำรวจ เมื่อตรวจสอบกับข้อมูลทะเบียนราษฎร์ไม่ปรากฎรายชื่อบุคคลดังกล่าวในทะเบียนราษฎร์หรือไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร์

8.มีการคัดสำเนาบัตรประชาชนจากทะเบียนราษฎร์แล้วมาปลอมลายมมือชื่อ 

อย่างไรก็ตามการตรวจสอบยังไม่พบว่ามีขบวนการขายสำเนาบัตรประชาชนให้เจ้าหน้าที่รัฐ ขณะที่บางจังหวัดมีเจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่นเข้ามาสนับสนุนการกระทำผิด เช่น ปลอมรายมือชื่อของผู้รับเงิน, ปลอมใบสำคัญการรับเงิน มีชื่อแต่ไม่ได้รับเงิน และได้รับเงินไม่ครบตามจำนวนจริง