"ทูตวีรชัย"แจงภาคเอกชนผู้นำเข้าระดับโลกตอบรับเชื่อมั่นระบบการแก้ไขปัญหาประมงไอยูยู

"ทูตวีรชัย"แจงภาคเอกชนผู้นำเข้าระดับโลกตอบรับเชื่อมั่นระบบการแก้ไขปัญหาประมงไอยูยู

นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา เปิดเผยภายหลังการเสวนาผู้นำเข้าอาหารทะเลและสื่อมวลชนในหัวข้อ เส้นทางสู่การประมงที่ยั่งยืนของประเทศไทย  หรือ “Thailand’s Path to Sustainable Fisheries”ภายในงานแสดงสินค้า Seafood Expo North America 2018 ซึ่งสหรัฐอเมริกาจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11 – 13 มีนาคม 2561 ณ กรุงบอสตัน สหรัฐอเมริกาว่า   ตามที่ พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย มอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมงานแสดงสินค้าอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอเมริกาเหนือครั้งนี้ มีผู้ซื้อขายและจำหน่ายอาหารทะเลทั่วโลกสนใจเข้าร่วมรับฟังการเสวนาครั้งนี้จำนวนมากและได้แสดงความชื่นชมในทิศทางการแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมายหรือประมงไอยูยูของไทย โดยมีผู้แทนหน่วยงานภาครัฐร่วมชี้แจงในครั้งนี้ 

  สำหรับการชี้แจงข้อมูลในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่มีการอธิบายความก้าวหน้าการดำเนินงานของไทยทั้งในเรื่องการขจัดการทำประมงผิดกฎหมาย การแก้ไขปัญหาแรงงาน และการค้ามนุษย์อย่างครบถ้วนทุกแง่มุม ซึ่งผู้แทนจากประเทศผู้นำเข้ามีความสนใจและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โดยเฉพาะผู้นำเข้าสำคัญของสหรัฐฯ คือ วอลล์มาร์ท ที่ชื่นชมไทยในการแก้ปัญหาทั้งสองเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน และยอมรับไทยเป็นผู้นำในการต่อสู้การประมงผิดกฎหมาย แรงงานผิดกฎหมาย แรงงานบังคับ การค้ามนุษย์ เนื่องจากเรามีกฎหมายที่ดี มีระบบจัดการที่ชัดเจน และมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่โดยกำหนดเป็นนโยบายและเห็นความจำเป็นที่และเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่จะต้องทำ
         
     
     
      ด้านนายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมงเปิดเผยว่า ได้ชี้แจงถึงความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาประมงไอยูยูว่า ขณะนี้ถือว่าการจัดระบบต่างๆ เสร็จแล้ว 100% มีระบบติดตามเรือวีเอ็มเอส มีศูนย์เฝ้าระวังซึ่งติดต่อประสานงานได้ทั้งหมด มีระบบตรวจสอบย้อนกลับทั้งปลาภายในประเทศ และปลาจากต่างประเทศ หรือการออกกฎหมายต่างๆ ไปได้เกือบ 100% แต่การดำเนินการเพิ่งเริ่มต้น ความเข้าใจของชาวประมงและผู้ประกอบการทั้งหลายเพิ่งเริ่มต้นที่เราต้องเร่งดำเนินการปรับปรุงพัฒนาต่อไป แต่ในระยะเวลา 3 ปีในด้านประมงทั่วโลกต้องถือว่าเราก้าวกระโดดอย่างไกลมาก บางประเทศใช้เวลาเป็นสิบปีกว่าจะถึงจุดนี้ได้ 

 ขณะเดียวกัน ไทยมีนโยบายใหม่ออกมาจากคณะกรรมการประมงแห่งชาติที่จะมุ่งเป้าหมายให้ไทยเป็นไอยูยูฟรี คือ สัตว์น้ำที่จับในประเทศจะไม่มีการทำประมงผิดกฎหมาย สัตว์น้ำที่นำเข้าก็จะไม่มีมาจากการทำประมงผิดกฎหมาย และสัตว์น้ำที่ส่งออกก็จะไม่มีการทำประมงที่ผิดกฎหมาย นี่คือสิ่งที่เป็นความตั้งใจและนโยบายใหม่รัฐบาลกำลังเริ่มต้นและบรรลุวัตถุประสงค์ได้ แต่ทั้งหมดก็ต้องอาศัยเวลา เรายังทำไม่สำเร็จที่จะบอกว่าประมงไทยยั่งยืนแล้ว เรื่องทรัพยากรก็ต้องใช้เวลา แต่เราก็มาในเส้นทางที่ถูกต้องและจะเดินต่อไป และวันนี้ชาวประมง ผู้ประกอบการก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และทรัพยากรสัตว์น้ำก็เริ่มมีมากขึ้นเพื่อไปถึงเป้าหมายของการปฏิรูปการประมง เพื่อความมั่นคงของทรัพยากร อาชีพประมง อุตสาหกรรม 

  ด้าน พล.ต.ท. จารุวัฒน์ไวศยะ  ประธานคณะอนุกรรมการกฎหมายและการดำเนินคดีศปมผ.เปิดเผยว่าได้ชี้แจงถึงผลการบังคับใช้กฎหมายของไทย ทั้งตามพระราชกำหนดการประมง 2558 ดำเนินการจับกุมกว่า4,000 คดีการค้ามนุษย์ตามพรบ.ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ 80 กว่าคดี  ในส่วนของแรงงานของกระทรวงแรงงานเริ่มจัดระเบียบในเรื่องของแรงงานเพื่อนบ้านที่เข้ามาทำงานในไทย ให้แรงงานทุกอย่างขึ้นมาบนดิน หรือมีความถูกต้องโดยเน้นย้ำว่าไทยจริงจังในการบังคับใช้กฎหมาย และทำความเข้าใจกับผู้เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนในเรื่องคดีประมง โดยเราจะมีการสัมมนาระหว่างพนักงานสอบสวน อัยการที่ทำสำนวนฟ้อง และผู้พิพากษาซึ่งเป็นองค์คณะตัดสินคดีประมง เพื่อให้มีความเข้าใจในปัญหาของประมงให้ไปในทิศทางเดียวกัน

  ด้านนายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทยเปิดเผยว่า ภาคเอกชนพร้อมให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาไอยูยูและปัญหาแรงงานกับรัฐบาลที่ถือว่าเป็นรัฐบาลที่แก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ที่สุด ซึ่งทั้ง 3 สมาคม ได้แก่ สมาคมแช่เหยือกแข็งไทย สมาคมทูน่าไทย สมาคมอาหารสำเร็จในรูปที่เป็นสมาคมในการส่งออกสินค้าประมงหลัก ยอดส่งออกสินค้าประมงประมาณ 3 แสนล้านบาท ดังนั้นต้องมีความร่วมมือกับทางภาครัฐ ไม่ใช่แค่กรมประมง กระทรวงเกษตรฯ แต่ปัญหาค้ามนุษย์หรือไอยูยูเกี่ยวพันกับหลายกระทรวง แม้ปัจจุบันปัญหาดังกล่าวจะยังไม่มีผลกระทบกับการส่งออกสินค้าประมง และเชื่อมั่นว่าลูกค้าสหรัฐอเมริกา ยุโรป มีความเชื่อมั่นสินค้าประมงไทย เพราะรัฐบาลมุ่งดำเนินการแก้ปัญหาเพื่อให้มีการทำประมงอย่างยั่งยืนคือสิ่งที่ถูกต้อง ขจัดปัญหาการค้ามนุษย์คือสิ่งที่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ภาคเอกชนอยากฝากรัฐบาลคือ การเพิ่มปริมาณวัตถุดิบประมงให้มากขึ้นโดยหันมาส่งเสริมการประมงเพาะเลี้ยงมากขึ้น สร้างความร่วมมือนานาชาติในการทำประนอกน่านน้ำ และสนับสนุนเงินกู้ยืมให้ภาคเอกชนปรับปรุงเรือให้สอดคล้องกับระเบียบโลกให้สามารถออกไปทำการประมงได้

 

"ทูตวีรชัย"แจงภาคเอกชนผู้นำเข้าระดับโลกตอบรับเชื่อมั่นระบบการแก้ไขปัญหาประมงไอยูยู