เผือกร้อนๆ ไม่มีใครอยากรับ? "รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี" เผยแล้ว! ใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังจับ "พุทธะอิสระ" ??

วันนี้ (27/05/2561) ที่ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ ถนนราชดำเนินนอก นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการวิพากษ์วิจารณ์การควบคุมตัว นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพระพุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ผู้ต้องหาคดีอั้งยี่ซ่องโจร  ร่วมทำร้ายร่างกายตำรวจสันติบาล 2 นายบาดเจ็บและบาดเจ็บสาหัส และคดีปลอมพระปรมาภิไธยและใช้พระปรมาภิไธยที่ปลอมขึ้น ลงองค์พระเครื่องนาคปรกอุดปรอทว่า นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี ได้พูดถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจนแล้ว โดยเฉพาะการกำชับตำรวจ ที่จะต้องดำเนินการในระยะต่อไป 

นายสุวพันธุ์  กล่าวว่า สำหรับการปฏิบัติดังกล่าวได้มีการหารือกับรัฐบาลก่อนหรือไม่นั้น ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคดี รัฐบาลได้มอบหมายให้ตำรวจเป็นเจ้าของเรื่องในการดำเนินการไปตามข้อมูลและพยานหลักฐานที่มีอยู่ แต่สิ่งที่รัฐบาลเน้นย้ำคือ การให้ความเป็นธรรมและทำตามข้อเท็จจริง และดำเนินการโดยไม่มีอคติใดๆทั้งสิ้น และสิ่งที่กำลังดำเนินการในขณะนี้คือ การสอบสวนเกี่ยวกับการใช้งบประมาณของรัฐ โดยเริ่มที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)ในส่วนของรัฐบาลก็ดำเนินการอย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้มีข้าราชการของ พศ. ที่อยู่ระหว่างการสอบสวนและดำเนินคดีทางอาญา 15 คน มี 4 คน ถูกไล่ออกจากราชการไปแล้ว 

"ในแต่ละเดือนที่คณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือนของ พศ. มีการประชุม ก็จะมีเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัยกับข้าราชการมาพิจารณาในทุกเดือน ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลให้ความสำคัญเพราะเป็นต้นทางของงบประมาณ จึงต้องการให้เกิดความมั่นใจว่า การใช้จ่ายงบประมาณในส่วนเงินอุดหนุนด้านต่างๆได้ถูกนำไปใช้ตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่วางไว้" นายสุวพันธุ์  กล่าว 

เมื่อถามว่า กระแสสังคมมีการตั้งคำถามว่า ทำไมนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีต้องออกมาขอโทษอดีตพระพุทธอิสระ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ตนคิดว่า เป็นการเผยแพร่ข้อมูลออกมาเพียงเรื่องเดียว ไม่ได้เผยแพร่เรื่องอื่นๆ และนายกรัฐมนตรีก็ให้ความสำคัญกับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในฐานะที่เราเป็นเมืองพุทธ 

เมื่อถามว่า เป็นเพราะนายกฯ รองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เคารพพระพุทธอิสระด้วยหรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า เรื่องนี้จะต้องดูทั้งบริบท อย่าดูแยกส่วน และเชื่อว่า รัฐบาลอยากทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับพระพุทธศาสนา ในฐานะเป็นคนพุทธ เราพยายามทำสิ่งที่ดีที่สุด 

เมื่อถามว่า ขณะที่ในอนาคตจะนำไปสู่การตรวจสอบบัญชีการเงินของพระผู้ใหญ่เพื่อป้องกันการทุจริตหรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ต้องแยกส่วนกันระหว่างงบประมาณของรัฐที่จะต้องใช้ระบบราชการเข้าไปดำเนินการเช่นที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ส่วนเงินบริจาคตนเชื่อว่า วัดมีการบริหารจัดการและมีระเบียบเงินบริจาคที่ดีอยู่แล้ว 

เมื่อถามว่า ส่วนระเบียบของวัดในการรับเงินบริจาคคิดว่า ควรจะนำเข้าบัญชีของเจ้าอาวาสหรือบัญชีของวัดซึ่งเปิดขึ้นมาโดยเฉพาะ นายสุวพันธ์ กล่าวว่า การดำเนินการของคณะสงฆ์หลายเรื่องมีความเข้มงวด เช่น การทำบุญ การรับเงินบริจาค การปฏิบัติกิจของสงฆ์ ซึ่งออกเป็นมติมหาเถรสมาคม (มส.) หลายฉบับ โดยเฉพาะ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ที่เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง และตลอด 1 เดือนที่ผ่านมาตนได้ไปร่วมงานของคณะสงฆ์ ซึ่งเป็นเรื่องของการปฏิรูปทั้งสิ้น ทั้งเรื่องการศึกษา การเผยแผ่ศาสนา การบริหารจัดการโดยเฉพาะเรื่องการบริจาคเงิน ซึ่งคณะกรรมการแต่ละด้านก็กำลังดำเนินการอยู่ โดยหลังจากนี้จะมีการวางกฎเกณฑ์ และมติมส.เพิ่มมากขึ้น 

เมื่อถามว่า การสึกโดยที่เจ้าตัวไม่มีการเปล่งวาจาจะถือว่า ขาดจากความเป็นพระหรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ส่วนตัวตอบไม่ได้ ต้องไปดูกฎของสงฆ์ ตนตอบแทนไม่ได้ แต่ในครั้งนี้ พระที่ถูกดำเนินการก็เหมือนท่านได้ลาสิกขาบทไปแล้ว แต่ตนไม่ทราบรายละเอียด เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ตรงนั้น 

นายสุวพันธ์ กล่วถึงการดำเนินการในส่วนพระผู้ใหญ่ที่อยู่ระหว่างการหลบหนีจะมีขั้นตอนการติดตามอย่างไรว่า ทางตำรวจดำเนินการอยู่แล้ว และไม่จำเป็นต้องกำชับอะไรเป็นพิเศษ ทุกอย่างยึดหลักตามความยุติธรรม และข้อเท็จจริง และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งนี้จะถือเป็นการจัดระเบียบพระสงฆ์ไปในตัวหรือไม่นั้น คณะสงฆ์กำลังอยู่ระหว่างการปฏิรูปตัวเองอยู่แล้ว และรัฐบาลก็สนับสนุนอยู่ และส่วนตัวเชื่อว่า คณะสงฆ์ก็ต้องการทำในสิ่งที่ถูกต้อง 

เมื่อถามว่า รัฐบาล คสช. เสียมวลชนไปเยอะหรือไม่กับการปฏิบัติการเขาจับกุมพระผู้ใหญ่ครั้งนี้ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า  คงต้องให้คนอื่นประเมิน 

เมื่อถามว่า มีข่าวการจับกุมพระผู้ใหญ่ในช่วงวันสำคัญจะมีผลต่อความเชื่อและศรัทธาของประชาชนหรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องปัจเจก ไม่ใช่คณะสงฆ์โดยรวม และไม่เกี่ยวข้องกับความเชื่อมั่นและศรัทธาในพระพุทธศาสนา ส่วนตัวคิดว่า จะต้องจำแนก ระหว่างเรื่องปัจเจกบุคคลและคณะสงฆ์ และพระธรรมคำสอน เพราะศาสนาพุทธดำรงคำสอนมากว่า 2561 ปีแล้ว จะอย่างไรก็ยั่งยืน