- 08 ก.ค. 2561
ไม่มีใครยอมใคร!! หนุ่มอารมณ์ขึ้น เจอพระแซงคิวขึ้นรถตู้ ถามหาความถูกต้อง โดนสวนกลับ "จ่ายเงินแล้ว จะทำไม" (คลิป)
เรียกว่าปัญหาเพียงเล็กน้อยส่งผลให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมาจริงๆ กับคลิปเหตุการณ์นี้ เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊ก Salinee Rattanachotchairit ได้ออกมาโพสต์คลิปเหตุการณ์บนรถตู้สายหนึ่ง เรื่องเกิดจากพระแซงคิวญาติโยมขึ้นรถตู้แล้วชายผู้หนึ่งทนไม่ได้จึงได้มีการต่อว่าไปซึ่งทางด้านพระรูปนี้ก็ไม่ยอม จึงกลายเป็นเรื่องเป็นราวขึ้น ซึ่งผู้ใช้เฟซบุ๊ก Salinee Rattanachotchairit ได้ระบุข้อความว่า...
เรื่องของเรื่องคนผู้นี้(ที่อ้างว่าตัวเองเป็นพระแค่เพราะห่มจีวร) แซงคิวทุหคนที่ต่อคิวขึ้นรถตู้อยู่ กันประมาณ15คน พอรถมาเจ๊คนนี้เค้าก็รีบเปิดประตูขึ้นรถเลย แล้วคนรถตู้บอกว่าแซงคิวคนอื่นได้ยังไง นางก็ด่ามาฉอดๆๆๆ บอกว่ากูจ่ายเงินกูจะขึ้นจะทำไม กูจ่ายเงินกูจะขึ้น ตั่งต่างสารพัดคนรถตู้ก็ให้ขึ้นนะ ละพอขึ้นรถมาก็มาโวยวายเรื่องเงิน3บาทบอกว่าเงินกูๆกูจะเอาเงิน คือไม่รู้ว่าเหตุการณ์ข้างหน้าเกิดขึ้นยังไงเพราะนี่นั่งหลังมองไม่เห็น แต่ก็แบบจะไฟต์กับคนขับคนขับก็จะไฟต์ด้วยแล้วคือเข้าใจปะว่ารถออกมาแล้ว กี่ชีวิตที่นั่งอยู่ในนั้นรวมตัวนี่ด้วย ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาเสียหายกี่คน ในกรณีพี่ผู้ชายที่โมโหคือนี่อะอยู่ข้างนางนะ เพราะคนแบบนี้หรอที่เรียกตัวเองว่าเป็นพระ อาบัติไปหมดแล้วแหละแต่ละคำที่พูดออกมา ไม่มีอะไรน่านับถือเลย เลิกเรียกตัวเองว่าพระเถอะค่ะ ไม่มีคำว่าพระหลงเหลืออยู่ในตัวเจ๊เลย สถานการณ์เมื่อกี้เดือดมาก ลงรถเค้านัดกับไปคุยกับทหารตำรวจนี่ไม่ได้เดินตามไปเผือกต่อ แต่พี่ผู้ชายที่ทะเลาะกับเพราะ หันมาขอโทษทุกคนบนรถที่เสียงดังและใช้คำหยาบอารมณ์โมโหมากไปหน่อย อะไรแบบนี้แล้ว และหลังจากจบคลิปนี้พระก็มองแรงหันมาตลอดทางทั้งๆที่พี่ผู้ชายที่ทะเลาะด้วยเค้าก็เฉยๆไปแล้ว เหมือนเจ๊จะเอาให้ได้ พระทำแบบนี้ได้หลอออออออออ งงเว่อ
#พี่คนที่อยู่ในคลิปที่ไม่ใช่พระมาบอกอีกว่าหลังจากไปคุยกันต่อคือพระนี้ไม่มีใบอะไรเลยใบบวชหรือบัตรประชาชนตั่งต่าง ตำรวจเอาตัวไว้ตอนนี้ คิดว่าน่าจะพระปลอมอะ
.
.
.
ทั้งนี้นอกจาดผู้ใช้เฟซบุ๊ก Salinee Rattanachotchairit ยังมีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Teeradech Thawon ออกมาเล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้นอีก
ณ วินรถตู้ มหาลัยกรุงเทพวิทยาเขตรังสิต
มีพระรูปหนึ่งรอขึ้นรถตู้ ม กรุงเทพ-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ระหว่างรอขึ้นรถ
พระ : “อีพวกอัปรีย์จังไร สารเลว บลาบลาบลา...
ล่วนแต่เป็นคำหยาบคายทั้งสิน ทุกคนที่รอขึ้นรถ มองกันด้วยความงุ่นงง ว่าพระท่านเป็นอะไร ท่านยืนบริกรรมอยู่อย่างนั้นประมาณสามสิบนาที
ภาพตัดมาที่ตอนขึ้นรถ
คนคุมวินรถ : ท่านจะเดินทางไปไหนครับ (น้ำเสียงสุภาพ)
พระ : อนุสาวรีย์ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (น้ำเสียงกระแทกแดกดัน)
คนคุมวินรถ : ท่านครับ ทำอย่างนี้ไม่สุภาพนะครับ พูดแบบนี้ไม่เหมาะ เป็นพระเป็นเจ้าพูดหยาดคายได้ไง ทำอย่างนี้ศาสนาเสื่อมหมด
พระ : แล้วมึงจะทำไมกับกู อีเหี้... ถ้ามีปัญหาไปเอาตำรวจมา
ท่านด่าอย่างชัดถ้อยชัดคำไม่ละอายต่อผ้าเหลืองที่นุ่งห่มแต่อย่างใด นักศึกษา ม กรุงเทพนั่งมองตาปริบๆ อย่างแสลงใจ
ภาพตัดมาตอนรถออกและจ่ายเงิน
พระนั่งหน้าคู่คนขับ พร้อมนักศึกษาชายระหว่างทอนตังพระท่านเอามือมาจับมือน้องผู้ชาย
พระ : ทอนตังให้ด้วยสามบาท’ พร้อมกับกำมือน้องผู้ชายไม่ยอมปล่อย
พี่คนขับ : ปล่อยมือน้องเขาสิท่าน
พระ : ทอนตังด้วยสามบาท
พี่คนขับ : แล้วไปจับมือน้องเขาทำไมปล่อยเขา
พี่คนขับหันมาช่วยน้องข้างๆ รถก็ส่ายไปส่ายมาทุกคนในรถนั่งหน้าซีดด้วยความลุ้นสุดตัว พี่คนขับหมดความอดทนตั้งกาดจะชกเข้าให้ถึงยอมปล่อยมือ
พระ : มึงจะชกกูหรอเอาซี้ ไอเหี้.... ไอสั..... บลาบลาบลา สารพัดคำหยาบ
เรานั่งอย่างเก็บกดอย่างสุดๆ ท้ายที่สุดระเบิดออกมา
.
.
เรา : ท่านครับ ถ้าวุ่นวายมากนิมนต์ลงข้างทางครับ คนขับต้องใช้สมาธิในการขับรถท่านทำอย่างนี้ได้ไง นี้สิบสามชีวิต ถ้าตายโหงมาใครจะรับผิดชอบ ท่านมีใบสุทธิไหม มีใบอนุญาตไหม ขอดูหน่อย ถ้าไม่มีนิมนต์โรงพักครับ
พระ : แล้วมึงจะทำไมกับกู บลาบลาบลา ทุกคำไม่น่าเชื่อว่าจะคนเป็นพระจะพูด สุดยอดคำหยาบคาย
ทุกความอดกลั้นมีข้อจำกัดเสมอ เราพรวดไปข้างหน้าพร้อมรองเท้าคู่งามในมือ ทุกคนทั้งดึงทั้งฉุดให้เราใจเย็น แต่ชั่วโมงนั้นเหงื่อนี้แตกเป็นน้ำหลาก เราอยากจับสึกแล้วเอาเลือดปากท่านออกเหลือเกิน ด้วยความเคารพคนขับและเพื่อนๆที่นั่งร่วมทางไปด้วยกันเราทำใจเย็นให้ถึงอนุสาวรีย์
ภาพตัดมาที่ ป้อมตำรวจ อนุสาวรีย์
เรา : ผมรบกวนตรวจสอบพระรูปนี้ครับ มีความประพฤติไม่เหมาะสม พูดคำหยาบคาย ด่าคนไปทั่ว สร้างความเสื่อมให้ศาสนา
ตำรวจ : ขอดูใบสุทธิหน่อยครับ
พระ : อยู่ที่วัดครับ...
ตำรวจ : บัตรประชาชนละ
พระ : ไม่มีครับ....
ตำรวจ : แล้วมีบัตรอะไรบ้างเนี่ย
พระ : มีบัตรนักศึกษา
ตำรวจ : เดียวเชิญท่านออกนอกห้องสักครู่
ทุกคนมองหน้ากันด้วยความตกใจ พระท่านหากมองเผินๆ คงราวๆ ห้าสิบปลายๆ น่าแปลกที่ยังศึกษาเพราะคำพูดแต่ละคำบ่งบอกว่าหามีการศึกษาไม่ ทุกคนช่วยกันเล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ตำรวจฟังอย่างละเอียด ท้ายที่สุดตำรวจบอกว่า เดียวนี้คนที่มาบวชเป็นพระ ถ้าไม่ยากจนก็สติไม่ค่อยดี
ท้ายที่สุด ตำรวจจับลงบันทึกประจำวัน ถ่ายรูปทำประวัติ
คำถามคือ
สมควรหรอที่จะให้คนที่ไม่พร้อมด้านสติสัมปชัญญะ บวชในพระศาสนา เป็นบ้าควรอยู่ที่โรงพยาบาลไม่ใช่ที่วัด #ฝากให้คิด
ขออโหสิกรรมต่อผ้าเหลืองหากล่วงเกินพุทบริษัททั้งทาง มโนกรรม วจีกรรม ขออย่าเป็นบาปเป็นเวรกรรมติดตัว ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ทำไปเพราะอยากปกป้องชีวิตทรัพย์สินและ พระศาสนา
อิธังเม เวรีนังโหตุ สุขิตาโหตุ สัพเพเวรี
.
.
อ้างอิงจาก เฟซบุ๊ก Salinee Rattanachotchairit / เฟซบุ๊ก Teeradech Thawon