"บังโฟล์ค" เล่าต่อเหตุการณ์คืนที่ 2 ภารกิจถ้ำหลวง เจอสิ่งลี้ลับยืนนิ่งๆ ไม่ขยับเขยื้อนชวนขนลุก หมาเห่าเสียงดัง บางสิ่งจ้องแล้วหายวับต่อหน้า

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งอาสาสมัครกู้ภัย ที่เป็นที่รู้จักของผู้คนในขณะนี้ อย่างคุณ "โฟล์ค" กำพลศักดิ์ สัสดี อาสากู้ชีพ กู้ภัยดอกโดน หนุ่มสตูล วัย 41 ปี มีความชำนาญด้านการปีนเขามานานกว่า 20 ปี โดยคุณโฟล์คเป็นคนรักแมว และมักจะนำแมวพาดไว้บนไหล่และศีรษะ ทำให้หลายคนจดจำเขาได้ง่าย และล่าสุดเป็น 1 ในอาสาสมัครกู้ภัยที่เข้าร่วมค้นหาทีมหมูป่าอคาเคมี 13 ชีวิต ที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวง อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. ที่ผ่านมา  โดยภารกิจของเขาต้องปีนเขาและถ่ายรูปเพื่อรายงานเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่พบในถ้ำ โดยที่เขาได้ประสบอุบัติเหตุขณะทำภารกิจ แต่ล่าสุดอาการดีขึ้นและสามารถกลับบ้านเกิดได้แล้ว ขณะที่เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมาจะสามารถช่วยทั้ง 13 ชีวิต ได้สำเร็จ 

 

"บังโฟล์ค" เล่าต่อเหตุการณ์คืนที่ 2 ภารกิจถ้ำหลวง เจอสิ่งลี้ลับยืนนิ่งๆ ไม่ขยับเขยื้อนชวนขนลุก หมาเห่าเสียงดัง บางสิ่งจ้องแล้วหายวับต่อหน้า

 


ล่าสุด ด้านคุณโฟล์คได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "Folk Kamponsak Sassadee" ระบุถึงเรื่องในคืนที่ 2 ใกล้ที่พักของเขาขณะปฏิบัติภารกิจที่ถ้ำหลวง ได้พบเจอเข้ากับสิ่งลี้ลับที่ชวนให้หลายคนขนลุก โดยระบุว่า "ขยายความในคืนที่ 2 เมื่อได้เจอบางสิ่งบางอย่างในตอนตี 2 กับที่นอนระดับไฮคลาส ไม่ใกล้ไม่ไกลถ้ำหลวงนางนอน ชี้แจงกันก่อนล่ะกันว่าเผื่อหลายคนสงสัยว่าทำไมลำบากเหลือเกินสำหรับที่พักที่นอน เนื่องด้วยภารกิจก็คือการค้นหาปล่องถ้ำบนภูเขาในช่วงหน้าฝน ในแต่ละวันกว่าจะกลับถึงที่พักก็ค่ำหรือดึกดื่น ในคืนแรกกะว่าจะโยงเปลนอนกับต้นไม้ในป่าด้านข้างห้องเก็บของในเขตบ้านพักป่าไม้ แต่ต้นไม้นั้นล้วนมีแต่ต้นใหญ่ๆสูงๆ ดูเผินๆแล้วช่างละม้ายคล้ายคลึงกับกุโบร์หรือสุสานมุสลิมแถวๆบ้าน เกรงใจว่านอนเปลหลับไปเดี๋ยวจะมีอะไรมาจิ้มตูด

 

 

"บังโฟล์ค" เล่าต่อเหตุการณ์คืนที่ 2 ภารกิจถ้ำหลวง เจอสิ่งลี้ลับยืนนิ่งๆ ไม่ขยับเขยื้อนชวนขนลุก หมาเห่าเสียงดัง บางสิ่งจ้องแล้วหายวับต่อหน้า

 

 

คืนแรกของที่นี่กลับมาด้วยความล้าจากการไปวนสำรวจหาปล่องที่มีคนพาไปผิดพิกัดทั้งวัน พาไปในจุดที่เรารู้ว่ามันไม่ใช่แต่ก็ต้องไปด้วยมารยาทของผู้มาเยือน เมื่อกลับมาถึงที่พักจึงเอนกายที่เปื้อนโคลนไปทั้งตัวลงบนไม้กระดานที่คุ้นเคยมาบ้างแล้ว รู้จักกันพอประมาณ ว่าแข็งแรงดีไม่มีกลัวหัก และในคืนที่สองก็เช่นกัน กลับออกมาจากภูเขาในสภาพเมื่อยล้าและท่วมตัวไปด้วยโคลนคล้ายเพิ่งไปทำนาหว่านกล้า กว่าจะได้ปลดสัมภาระ กว่าจะได้ทานมื้อเย็นนั้นก็ล่วงเวลาเกินเที่ยงคืน และด้วยความที่ยังไม่ได้อาบน้ำเลยสักหนตั้งแต่มาถึงเชียงราย จึงคิดว่าสมควรแก่เวลาก่อนที่หมา 4 ตัวที่อยู่ไกล้ๆจะรับสภาพไม่ได้ ซึ่งจริงๆก็สนิทกันดี กินข้าวด้วยกันมาหลายมื้อ

 

"บังโฟล์ค" เล่าต่อเหตุการณ์คืนที่ 2 ภารกิจถ้ำหลวง เจอสิ่งลี้ลับยืนนิ่งๆ ไม่ขยับเขยื้อนชวนขนลุก หมาเห่าเสียงดัง บางสิ่งจ้องแล้วหายวับต่อหน้า

 

 

ในขณะนั้น ทุกคนต่างก็หลับกันหมดทั่วทั้งเขตพื้นที่บ้านพักที่มีอยู่หลายหลังหลายเปล หันไปดูรอบทิศก็ดูสงบดีมีความวังเวง มีแสงไฟสาดส่องกันห่างๆติดตามเพิงพักและที่ประตูรั้วทางเข้า ส่วนการอาบน้ำที่สะดวกที่สุดในตอนนั้นก็คือ สายยางที่ต่อมาจากหลังบ้านพักม้วนมากองยุ่ที่โคนต้นไม้ มีเก้าอี้หินขัดอยู่ชุดนึงพอให้วางสบู่ และเมื่อผ่านการล้างหน้าจนหมดจดไปได้สักครู่เท่านั้นเอง ก็ปรากฏว่าน้ำหยุดไหล แต่ก็ถือว่ายังโชคดีที่ไม่หยุดไหลในขณะที่สบู่เต็มหน้า ไม่งั้นคงได้แสบตาเดินคว้าหาขวดน้ำดื่มแน่นอน

 

 

"บังโฟล์ค" เล่าต่อเหตุการณ์คืนที่ 2 ภารกิจถ้ำหลวง เจอสิ่งลี้ลับยืนนิ่งๆ ไม่ขยับเขยื้อนชวนขนลุก หมาเห่าเสียงดัง บางสิ่งจ้องแล้วหายวับต่อหน้า

 

และในขณะกำลังลุ้นกับน้ำจากสายยางขนาด 1 นิ้วว่ามันจะไหลหรือไม่นั่นเอง หมา 4 ตัวที่กำลังหลับไหลเพราะอิ่มเยอะไปจากข้าวที่แบ่งให้กินพลันสะดุ้งตื่น ทั้ง 4 ตัว สะดุ้งตื่นลุกมานั่งมองบางอย่างไปทางประตูรั้วทางเข้า ยืนจ้องอยู่พักนึงก่อนจะวิ่งเข้าไปหาแล้วเห่ากันเสียงดังลั่น ในใจตอนนั้นคิดว่าคงมีใครมาธุระ อาจเป็นทหารหรือเจ้าหน้าที่หรือชาวบ้านที่เจ้า 4 ตัวนั้นไม่คุ้นหน้าคุ้นตา จึงชะโงกเอี้ยวตัวผ่านมุมอาคารบ้านพักออกไปดู ปรากฎว่าหมากำลังกึ่งล้อมวงเห่าบางอย่างหรือใครบางคน ใครคนนั้นซึ่งยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว ซึ่งก็ยังคิดไปทางที่ดีว่าเขาอาจจะกลัวโดนหมากัดเลยต้องนิ่งไว้ก่อน เลยหันมาทำธุระส่วนตัวก่อนด้วยการเปิดๆปิดๆก๊อกน้ำซันวาว่าน้ำมารึยัง

 

 

แต่น้ำยังไม่ไหล รู้สึกไม่ดีเลยว่าเราจะได้อาบน้ำไหมเนี่ย เสื้อก็ถอดแล้วนุ่งเพียงผ้าขนหนูผืนเดียว ก็แน่ล่ะว่าต้องนุ่งผืนเดียว ใครกันจะทะลึ่งไปนุ่งสองผืน ..... และในตอนนั้นนั่นเอง เผลอหันไปมองกิจกรรมที่หมา 4 ตัวดันขยันมาทำตอนตี 2 ..... ได้เพิ่งสังเกตุเห็นว่า สิ่งที่หมากำลังเห่าใส่นั้น มีความสูงที่ผิดปกติ ผิดปกติเห็นได้ชัดเพราะยืนอยู่ใกล้หัวรั้วที่มีความสูงกว่า 2 ม. แต่สิ่งนั้น สูงเกินกว่ารั้วคงจะราวๆ 50 - 80 ซม.

 

 

"บังโฟล์ค" เล่าต่อเหตุการณ์คืนที่ 2 ภารกิจถ้ำหลวง เจอสิ่งลี้ลับยืนนิ่งๆ ไม่ขยับเขยื้อนชวนขนลุก หมาเห่าเสียงดัง บางสิ่งจ้องแล้วหายวับต่อหน้า

 

 

ความสนใจในเรื่องน้ำไม่ไหลจึงถูกทิ้งไปในทันที สายตาและสมาธิทั้งหมดที่มีอยู่จึงจดจ้องไปยังสิ่งนั้นแทน พยายามเพ่งมองให้ชัดเท่าที่ชัดได้ มีแสงไฟสาดส่องกระทบพอให้เห็นถึงขนาด ความสูง และรูปร่าง สิ่งนั้นยังยืนนิ่งแต่ดูเหมือนมีอะไรที่ไม่นิ่งอยู่ภายในตัวเองมันดูแปลกตา มุมที่เห็นคือดูคล้ายคนยืนหันด้านข้าง หมา 4 ตัวก็ยังคงเห่าใส่เสียงลั่น แต่ในทันทีทันใด หมาทั้ง 4 ก็หยุดเห่า ต่างหูลู่พับหางตกวิ่งกระเจิงกลับเข้ามาตั้งหลักยังจุดเดิมที่นอนอยู่ ....... ภาพที่เหลือต่อจากนั้นก็คือ ชายหนุ่มนุ่งผ้าเช็ดตัวยืนเอี้ยวตัวอยู่ที่มุมบ้านพักในมือถือสายยางที่น้ำไม่ไหล ในตอนตี 2 และคู่กรณีที่ห่างออกไปราวๆ 15 ม. ก็คือไม่รู้ว่าเป็นใครหรืออะไรกันแน่ยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน

 

 

คิดในใจเบาๆว่า " Shipหายล่ะ " ...... ถ้าเราขยับสักก้าวก็เกรงใจว่าเขาจะหันมา จึงยังคงยืนนิ่งในท่านั้น พร้อมจดจ้องไม่ละสายตา คิดอีกทีว่าเป็นผีก็ดีกว่าคนล่ะกัน ...... ทีนี้ล่ะ ตอนสำคัญก็มาถึง สิ่งนั้นที่เราไม่แน่ใจเลยว่าคืออะไรกันแน่มันเหมือนจะเริ่มมีการเคลื่อนไหวบางอย่าง แต่เป็นบางอย่างที่ห่อหุ้มตัว ไม่ใช่ตัวขยับ ทำให้คิดในใจเบาๆอีกครั้งว่า " Shipหายอีกแล้ว "

 

 

"บังโฟล์ค" เล่าต่อเหตุการณ์คืนที่ 2 ภารกิจถ้ำหลวง เจอสิ่งลี้ลับยืนนิ่งๆ ไม่ขยับเขยื้อนชวนขนลุก หมาเห่าเสียงดัง บางสิ่งจ้องแล้วหายวับต่อหน้า

 

 

แล้วอยู่ดีๆ สิ่งที่จดจ้องไม่ละสายตาก็หายวับไป หายไปอย่างกะการวาร์ปขึ้นยานแม่ ..... ตามด้วยกระพริบตาซ้ำแล้วซ้ำอีก หันมองซ้ายทีขวาที ทุกอย่างเงียบสงัด และมืดสนิทยิ่งกว่าป่าช้าสุสานแถวบ้านที่จังหวัดสตูล ซึ่งห่างออกไปกว่า 1800 กิโลเมตร.......   และวันต่อมา และอีกหลายวันต่อมา ก็ได้ยินหลายคนกล่าวขานถึงการมีผู้ได้พบเจอบางอย่างคล้ายๆคนร่างสูงใหญ่ในยามวิกาลตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้าง หรือแม้แต่ในถ้ำหลวงแม้ในขณะที่มีเจ้าหน้าที่นอนหลับไหลอยู่บนพื้นถ้ำนับร้อยชีวิต ........ ซึ่งก็ไม่มีใครสรุปได้แน่ชัดว่า สิ่งนั้นคืออะไรกันแน่ แต่ก็อย่าให้เจอเป็นหนที่สอง เพราะว่าเราได้เตรียมกล้องถ่ายภาพไว้แล้ว คงได้เซลฟี่กันสักครา ..... จ้าววววว

 

 

ข้อมูลและภาพจาก :  Folk Kamponsak Sassadee