ปิดฉากตำรวจไอ้โม่ง! บังคับใช้ ตำรวจห้ามใส่หน้ากากคุยกับปชช.

ปิดฉากตำรวจไอ้โม่ง! บังคับใช้ ตำรวจห้ามใส่หน้ากากคุยกับปชช.

จากกรณี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ออกวิทยุในราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด่วนที่สุด ถึง ผู้บัญชการและผู้บังคับการทุกหน่วย ใจความว่า จากวิทยุสั่งการกำชับเรื่องการแก้ไขปัญหาจราจรและการบริหารจัดการจราจรในภาพรวมของ ตร.เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ที่ผ่านมา

พร้อมกำชับให้ตำรวจจราจรทุกนาย ต้องแต่งเครื่องแบบให้เรียบร้อยขณะปฏิบัติหน้าที่ ในกรณีที่ต้องสื่อสารกับประชาชน ไม่ว่าทั้งการให้บริการ ช่วยเหลือ การตรวจค้น และหรือจับกุมบังคับใช้กฎหมาย จะต้องใช้กิริยาวาจาที่สุภาพเหมาะสม แสดงตนโดยเปิดเผย ห้ามปกปิดใบหน้า สวมหมวกผ้า หรือไหมพรมคุมศีรษะ หรือหมวกโม่ง

ทั้งนี้สำหรับเจ้าหน้าที่สายตรวจ และจราจรสามารถสวมผ้า หรือหน้ากากกันฝุ่นขณะปฏิบัติหน้าที่ เพื่อความปลอดภัยจากมลภาวะทางอากาศได้ แต่เมื่อต้องสื่อสารกับประชาชนให้แสดงตนโดยเปิดเผย

โดยผู้บังคับบัญชาต้องกวดขันพฤติกรรม อย่างจริงจัง ต่อเนื่อง และกรณีตรวจพบการกระทำผิดหรือพฤติกรรมไม่เหมาะสมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะมีการเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ทำให้เกิดความเสียหาย ให้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบบกพร่องให้พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ แต่หากข้อมูลคลาดเคลื่อนไม่ตรงข้อเท้จจริงให้รายงานโฆษกตร. บช. หรือ บก. เพื่อชี้แจงต่อไป

ล่าสุดวันนี้ (24/08/2561) สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมขนส่งทางบกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อได้แถลงชี้แจงถึงการแก้ไขกฎหมายพพ.ร.บ.ขนส่งทางบก เพิ่มโทษผู้ขับรถโดยไม่มีใบขับขี่ โทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท ส่วนผู้ที่ไม่พกใบขับขี่ ปรับโทษสูงสุดไม่เกิน 10,000  บาท  

โดยนายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ชี้แจงว่า พ.ร.บ.ขนส่งทางบกฉบับใหม่ ที่ได้เพิ่มโทษให้หนักขึ้นนั้น ตำรวจไม่สามารถใช้ดุลยพินิจในการปรับหรือลงโทษได้ต้อง เมื่อจับกุมผู้ที่กระทำผิดต้องทำสำนวนโดยไม่มีความเห็นทางคดี ส่งอัยการ ให้ศาลเป็นคนตัดสิน 

รองอธิบดีกรมขนส่งทางบก ยังระบุว่า  การออกกฎหมายได้มีการศึกษาและมีข้อมูลลทางวิชาการสนับสนุน โดยข้อมูลศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย พบว่ากลุ่มผู้ขับขี่ที่ไม่มีใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์มีโอกาสการเสียชีวิตร้อยละ 34  ซึ่งสูงกว่ากลุ่มผู้ขับขี่ที่มีใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ถึงสองเท่า และจากข้อมูลของสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข ที่ระบุว่า เด็กและเยาวชนอายุระหว่าง 15-19 ปี เป็นกลุ่มอายุที่มีการเสียชีวิตจากการเกิดอุบัติเหตุทางท้องถนนสูงสุดเฉลี่ยปีละ 1,688 คน  และก่อนเสนอกฎหมายได้ทำประชาพิจารณ์ ไปน้อยกว่า 3 ครั้งผ่านทางเว็บซ์ของกรมขนส่งทางบกและก่อนบังคับใช้ก็จะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบก่อน

ด้านพล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ ในฐานะคณะทำงาน แก้ไขปัญหาจราจร ระบุว่า พ.ร.บ.ขนส่งทางบกฉบับเดิมมีโทษน้อยเป็นลหุโทษ  ทำให้ประชาชนไม่เกรงกลัวกฎหมาย  จึงได้มีการเพิ่มโทษซึ่งการการทำงานจากหลายฝ่านไม่ใช่กรมคนส้งทางบกเพียงหน่วยงานเดียว 

นอกจากนี้เพื่อลดปัญหาหรือช่องทางให้ตำรวจเรียกรับผลประโยชน์ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)ได้มีคำสั่งยกเลิกตำรวจนินจา หรือตำรวจที่สวมไอ้โม่งปิดบังใบหน้าขณะปฏิบัติหน้าที่ ทั้งตำรวจจราจรและตำรวจสายตรวจให้เปิดหน้าพูดคุยกับประชาชน หากพบเห็นตำรวจคนใดไม่ปฏิบัติตามให้ดำเนินการทางวินัยทันที