อย่าทิ้งพ่อแรมนะ...ชาวเน็ตเสนอความคิด นำหนังที่"โอ"เล่นมาฉายใหม่รายได้ให้คุณพ่อคุณแม่ ไม่อยากให้ขายบ้าน!

จากรณีข่าวเศร้ากับความสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการบันเทิงไทยเมื่ออดีตพระเอกชื่อดัง "โอ วรุฒ วรธรรม" สิ้นใจจากไปอย่างสงบเมื่อเวลา 02.40น. ของวันที่ 11 ก.ย. 2561 หลังถูกส่งตัวด่วนเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2561 ด้วยอาการป่วยวูบล้มลงและมีอาการหัวใจหยุดเต้น ต้องเร่งให้การช่วยเหลือยื้อชีวิตไว้จนกระทั่งพระเอกดังสิ้นลมจากไปด้วยวัยเพียง 49 ปี

 

 

ทั้งนี้รุ่นพี่คนสนิท นีโน่ เมทนี ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อเล่าว่าหลังมีการสวดพระอภิธรรมวันแรก เมื่อวันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา โอ ได้มาหาตนและเพื่อนๆคนอื่นๆแล้ว โดยถ้าใครที่เชื่อเรื่องผีเสื้อขน โอเขาก็มาแล้ว เขามาในรูปแบบผีเสื้อขน ตามความเชื่อแล้วถือว่าเขาไปดี ส่วนตัวผมเชื่อและรู้ว่าเขาไม่เคยทำไม่ดีกับใครไม่มีบาปกรรมเขาก็ต้องจากไปด้วยดี

 

 

นีโน่เล่าว่า “เมื่อคืนตนก็นอนหลับปกติ แต่ที่ผ่านมาก็นอนเช้าทุกวัน และเมื่อคืนเขามาหาถ้าคนเชื่อเรื่องผีเสื้อขน การมาด้วยผีเสื้อขน เขาก็มาตอนกลางคืน มาทั้งหาปิงปอง หาตั้ม และหาผม หาน้องๆ มาแล้วก็หาย มาแล้วก็หาย มาเกาะ มาๆไปๆ ใครเข้าห้องน้ำหรืออะไรเขาก็มาเกาะแล้วก็บินไป”

 

 

 

และเมื่อวันที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมา เวลา 18.50น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ โปรดให้ นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้แทนพระองค์ ประทานพวงมาลา วางหน้าหีบศพ ของ “โอ วรุฒ วรธรรม” อดีตนักแสดงชื่อดังที่เสียชีวิตลงเมื่อเวลา 02.40 น. วันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยมี นายแรม วรธรรม บิดา พร้อมครอบครัว วรธรรม  ,นีโน่ เมทนี บุรณศิริ, จินตหรา สุขพัฒน์, เกริก ชิลเลอร์, อ้น ศรีพรรณกมล ศิริธรานนท์, ผู้จัดละคร ไก่ วรายุฑ, กอบสุข จารุจินดา , ก้อย ทาริกา และเพื่อนศิลปิน เข้าแถวร่วมรอรับพวงมาลา

 

.

 

ในส่วนของดารา คนในวงการบันเทิง ที่เดินทางมาร่วมแสดงความอาลัยเพิ่มเติม คือ ศุกล ศศิจุลกะ  , เกริก ชิลเลอร์ , อ้น ศรีพรรณ , เอ อนันต์ , นก สินจัย , นก ฉัตรชั , ผู้จัดละคร ไก่ วรายุทธ  , กอบสุข จารุจินดา , ก้อย ทาริกา และ จินตหรา สุขพัฒน์ อดีตนางเอกคู่ขวัญ โอ วรุฒ ในภาพยนตร์ชื่อดัง คู่กรรม ก็เดินทางมาร่วมแสดงความอาลัยในครั้งนี้ด้วยเช่นเดียวกัน

 

 

 

แต่ที่น่าตกใจคือเมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2561 พ่อแรม วรธรรมเปิดใจกับสื่อมวลชนถึงเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้าน ซึ่งตอนนี้ยังมีเงินเบี้ยคนชรา คนละ 800 บาท รวมถึงเงินที่ได้จากการขายของเล็ก ๆ น้อย ๆ

 

 

แต่ถ้าหมดเนื้อหมดตัวจริง ๆ ก็คงต้องขายบ้าน แล้วให้ภรรยากลับไปอยู่กับน้องสาวของเขาที่กรุงเทพฯ ส่วนตัวเองก็คงจะไปอยู่กับน้องชายซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ตนเองไม่ได้มีโรคประจำตัวอะไร ยังแข็งแรงดีจึงไม่น่าห่วง เดินได้โดยไม่ต้องใช้ไม้เท้าพยุง แต่แม่ของโอเป็นโรคตา โรคหู เขาเคยเป็นแอร์โฮสเตสมาก่อน หูก็เลยหนวก ตาก็เป็นต้อหิน ผ่าตัดไม่ได้จึงต้องหยอดตาเอา

 

 

ส่วนร้านกาแฟของลูกชายก็คงจะยกอุปกรณ์ให้กับแม่บ้านไปทำต่อ โดยจะทำที่นี่หรือเอากลับไปเมียนมาร์ก็แล้วแต่เขา สำหรับราคาบ้านหลังนี้ตั้งไว้ที่ 6-7 ล้านบาท เพราะมีเนื้อที่กว้างถึง 1 ไร่ มีสิ่งปลูกสร้างในบ้านอีก ห้องนอนก็มีถึง 4 ห้อง แถมแอร์ให้ด้วย พร้อมเข้าอยู่ ตอนนี้ก็มีคนติดต่อขอซื้อมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่ตกลง จะพยายามประคับประคองตัวเองไปก่อน หากไม่ไหวจริง ๆ ก็คงต้องขาย โดยตอนนี้เงินเก็บที่มีจะพอใช้ได้แค่ประมาณ 5-6 เดือน ถึงวันนั้นยอมรับว่าคงจะอาลัยอาวรณ์ เพราะสิ่งที่มีอยู่ต้องขายเพื่อประทังชีวิต แต่ตนเองไม่ต้องการไปรบกวนขอบริจาคใครให้เดือดร้อน ขอช่วยเหลือตัวเองดีกว่า

และเมื่อแฟนคลับรวมถึงชาวเน็ตทั่วไปได้ทราบข่าวนี้ต่างพากันเสนอทางช่วยพ่อแรม โดยหลายๆคนลงความเห็นว่าเป็นไปได้ไหมที่จะจัดการเรื่องให้นำภาพยนตร์เรื่อง คู่กรรม ที่โอเคยเล่นกลับมาฉายอีกครั้งในโรงภาพยนต์และรายได้จากการฉายก็ให้มอบให้กับคุณพ่อคุณแม่ คุณพ่อคงจะสบายใจเพราะไม่ใช่เงินบริจาคแต่เป็นเงินที่ได้จากการฉายผลงานของโอ ก็เหมือนเงินที่โอเป็นคนหามาให้พ่อกับแม่นั่นเอง

 

 

 

 

ทว่านี่เป็นเพียงข้อเสนอและความคิดเห็นของชาวเน็ต ส่วนจะทำได้จริงหรือไม่นั้นคงอยู่ที่ว่าผู้ที่มีอำนาจจัดการจะรับรู้และตอบสนองอย่างไรนั่นเอง

 

 

ขอบคุณ ทุบโต๊ะข่าว อัมรินทร์ทีวี