ปู่คาใจ หนูจัดให้ "เก๋ พิชชภา" เคลื่อนไหว พร้อมตรวจดีเอ็นเอ"น้องเเอร์บัส" หลัง"ปู่เเรม"บอกหน้าไม่คล้าย"โอ วรุฒ"?!! (คลิป)

  จากกรณีที่ เมื่อวันที่ 14 กันยายน ที่ผ่านมา หลังจากที่พ่อแรม วรธรรม คุณพ่อของ โอ วรุฒ วรธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึก หลังเก๋ พิชชภา ได้พาลูกชายร่วมเคารพศพ โอ วรุฒ ที่เชียงใหม่ และบอกว่า ตนไม่ได้รู้สึกดีใจเท่าไร พร้อมเผยน้องแอร์บัสหน้าไม่คล้ายโอ ยอมรับว่าหน้าตาดี ออกจีนๆหน่อย  เคยบอกให้พาไปตรวจ ดีเอ็นเอ ก็ไม่ยอมกัน  ทั้งนี้ โอ วรุฒ เคยกลับไปหาเก๋ เเต่ก็เคยพบว่า เก๋ อยู่กับ เเฟนเก่า

 

 

 

 

  พ่อเเรม กล่าวต่อไป ว่า ลูกชายโอ ที่อยู่นิวซีแลนด์ ตอนนี้อายุประมาณ 23 ปี เป็นลูกของชมพู กับ โอ คนนั้นหน้าเหมือน โอ เป๊ะ สูง หน้าตาคล้าย โอ สุขภาพเรียบร้อย ตอนเดินทางมาไทยมาเยี่ยม ตนกับ โอ เราคิดว่าเป็นนักเรียนเมืองนอกเมืองนา พูดภาษาอังกฤษ ไป ลูกชายโอ พูดภาษาไทยกลับมา ลูกโอ ที่อยู่เมืองนอก ชื่อ เอ็ก ที่แปลว่า 8

 

และคิดว่า ลูกชาย โอ ที่อยู่ต่างประเทศคงมาเคารพศพพ่อไม่ได้ส่วน กรณี ก้อย แฟนของ โอ หรือนางพยาบาลที่ดูแลโอ วรุฒ คนสุดท้าย ว่า ก้อย แฟน โอ รายนี้ เข้ามาด้วยเหตุผลที่ไม่เป็นที่น่าพอใจของพ่อกับแม่มากนักมีทั้งปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง และพฤติกรรมที่ไม่ค่อยเหมาะสมเข้ากับพ่อกับแม่ไม่ได้ มีบางครั้งถึงกับเอ่ยปากจะให้พ่อแม่ไปอยู่บ้านพักคนชรา พ่อจึงไม่ค่อยพอใจ และบอกให้หยุดมาข้องเกี่ยวกับครอบครัว และลูกชาย ซึ่งโอ เองก็ไม่ได้ แสดงความรู้สึกอะไรออกมามากนักกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

ส่วน น.ส.รักษิณา สกลธศักดิ์สิริ หรือ ก้อย พยาบาลคู่ใจคนสุดท้ายในชีวิต ของโอวรุฒ วรธรรม ซึ่ง ได้เดินทางไปกราบขอขมาศพของโอวรุฒ วรธรรม เมื่อเช้านี้ ที่เคยอยู่ดูแลกัน รู้ใจกันและกันมาตลอด ได้เข้ามาขอกราบศพ ต่อหน้ารูปหน้ารูปภาพ ขอโอวรุฒ เนื่องจากศาลายังไม่เปิด โดย น.ส.รักษิณา ร่ำไห้ต่อหน้าศพพร้อมขอให้ดวงวิญญาณของโอวรุฒไปสู่สุคติภพ ขออโหสิกรรมและชีวิตที่ผ่านมาร่วมกันขอให้เป็นโมฆะกรรมเลิกแล้วต่อกรรม 

 

น.ส.ทักษิณา ได้เผยว่าตนมาขอขมาสงสารเขามาก เขาคงเหงาเขาไม่มีใคร เขาอ้างว้างโดดเดี่ยวมาตลอดเวลา ตนเป็นคนสุดและเป็นเพื่อนคนสุดท้ายที่เข้าใจเขา เขาก็อยากเจอตนในวาระสุดท้ายของชีวิตเขา วันนี้ตนได้มาหาเขาแล้ว ขอให้โอไปสู่สุคติภพที่ดี ขออโหสิกรรม ไม่ติดค้างกันแล้ว ขอขมากรรมทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยทำไว้แก่กัน ก็ขอโทษพี่โอว่าทำไมเราถึงเจอกันไม่ได้ พี่โอก็รู้ดี ก็ขอให้อโหสิกรรมและเป็นโฆษะกรรมระหว่างเราสองคนจะไม่ติดค้างกันในชาติต่อไป

   

     เเละ ล่าสุดนั้น ทาง เก๋ พิชชภา  ก็ได้เคลื่อนไหวในเรื่องดังกล่าว เพื่อความชัดเจน โดย โพสต์ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ขอให้พื้นที่ส่วนตัวตรงนี้ชี้แจงนะคะ ในกรณีที่พ่อของพี่โอให้สัมภาษณ์ ในส่วนของการตรวจ DNA ทางเรายินดีค่ะ ตอนนี้พร้อมแล้ว ก่อนหน้านี้ก็เคยคุยกับพี่โอ ว่าถ้าข้องใจก็มาตรวจจะได้จบๆ ไป คุยกันเมื่อ 1 ปีที่แล้ว แล้วพี่เขาก็เงียบหายไปเลย ไม่มีการติดต่อใดๆ อีก เมื่อก่อนไม่ตรวจเพราะเราคิดว่าตรวจแล้วลูกอาจจะไม่ได้อยู่กับเรา เพราะตอนนั้นถ้าเกิดฝั่งนั้นอยากได้ลูก เราจะสู้อะไรเค้าได้ จริงอยู่ค่ะที่สิทธิ์เลี้ยงลูกจะเป็นของแม่ แต่ถ้าแม่ไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ แม่จะยังได้สิทธิ์เลี้ยงลูกอยู่มั้ย?? ตอนนั้นจึงตัดสินใจไม่ตรวจ เพราะถ้าขาดลูกคงอยู่ไม่ได้แน่ๆ

 

 

  โดย โดยในโพสต์ดังกล่าว  ของ เก๋ ได้ระบุข้อความร่ายยาวดังนี้!!!

.

 

 “ข้อใช้พื้นที่ส่วนตัวตรงนี้ชี้แจงนะคะ ในกรณีที่พ่อของพี่โอให้สัมภาษณ์ในส่วนของการตรวจDNA ถ้าตอนนี้อยากตรวจทางเราก็ยินดีค่ะ ตอนนี้พร้อมแล้ว ก่อนหน้านี้ก็เคยคุยกับพี่โอแล้วว่าถ้าข้องใจก็มาตรวจจะได้จบๆไป คุยกันเมื่อ1ปีที่แล้ว แล้วพี่เค้าก็เงียบหายไปเลยไม่มีการติดต่อใดใดอีก เมื่อก่อนที่ไม่ตรวจเพราะเราคิดว่าตรวจแล้วลูกอาจจะไม่ได้อยู่กับเราเพราะตอนนั้นถ้าเกิดฝั่งนั้นอยากได้ลูก เราจะสู้อะไรเค้าได้ จริงอยู่ค่ะที่สิทธิ์เลี้ยงลูกจะเป็นของแม่แต่ถ้าแม่ไม่มีงานทำไม่มีรายได้แม่ยังจะได้สิทธิ์เลี้ยงลูกอยู่มั้ย??

 

 

   ตอนนั้นจึงตัดสินใจไม่ตรวจ เพราะถ้าขาดลูกคงอยู่ไม่ได้แน่ๆ และอีกอย่างไม่ได้กลับไปอยู่กับแฟนเก่านะคะ ออกมาก็ทำงานเลี้ยงลูกค่ะ ไม่มีเวลามาคิดเยอะ มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบมากมาย ตั้งแต่แยกทางกันไม่เคยเรียกร้องเรื่องเงินหรือความรับผิดชอบใดใดจากทางนั้นเลยค่ะและไม่เคยปิดกั้นในการเจอลูก แต่เราอยากอยู่เงียบๆไม่อยากวุ่นวายอะไรมาก ไม่ว่าสื่อหรือกระแสจะมายังไงเราก็เลือกที่จะเงียบเพราะคิดว่าเรารู้อยู่แก่ใจก็พอ แล้วและเรื่องก็ผ่านมาเกือบสิบปีแล้ว ในวันนี้ลำบากใจมากที่จะพูดถึงเรื่องนี้เพราะก็ไม่อยากจะพาดพิงถึงพี่โอ อยากให้เค้าจากไปอย่างสงบ แต่ถ้าไม่พูดอะไรเลยคนก็ตีความกันไปต่างๆนาๆ

.

 

 

    เมื่อวานที่พาน้องไปกราบไม่ได้อยากดังไม่ได้หวังสมบัติอะไรทั้งสิ้นค่ะ ไปเพราะตั้งใจอยากจะพาลูกไปกราบลาเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ เพราะทุกวันนี้น้องก็มีความสุขดีไม่ได้ลำบากและเราพยายามมากๆที่จะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้เค้า น้องเป็นเด็กร่าเริง สนุกสนาน เค้าจะรับรู้แต่สิ่งที่ดีดีเกี่ยวกับพี่โอ เราไม่อยากปลูกฝังอะไรที่มันไม่ดีเป็นปัญหาของผู้ใหญ่ให้เค้าฟัง ยอมรับว่าเสียใจที่ได้ยินเรื่องแบบนี้อีกและไม่ได้อยากจะถือสาคุณพ่อของพี่โอ แต่เราก็สงสารลูกเราด้วยเหมือนกัน ไม่ผิดค่ะที่จะคิดแบบนั้นแต่ถ้าสงสัยอะไรควรจะคุยกับเราโดยตรงดีกว่าเรื่องบางเรื่องมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากๆค่ะ อยากให้เห็นใจครอบครัวเราด้วย ลองมองดูมุมของเราด้วยถ้าทุกอย่างถูกต้องจริงๆเรากับลูกๆจะเจ็บปวดแค่ไหน………

สิ่งที่ให้ร้ายได้ที่สุดก็คือคำพูด ให้ดีที่สุดก็คือคำพูด ต้องระมัดระวังกันอย่างมาก เป็นสิ่งที่ให้โทษให้คุณได้มากที่สุดก็คือคำพูด

คำพูดบางคำก็เหมือนปืนลั่นไก เขม่าดำติดที่ใจคนพูด กระสุนติดในใจคนฟัง……จริงนักแล

 

 

 

 

 

ขอบคุณ

กูรูเชียงใหม่ เรื่องเชียงใหม่กูรู้

Chiang Mai News