- 16 ก.ย. 2561
กระจ่าง!! ครอบครัว "เสี่ยเกาะเต่า" สามารถฟ้องร้องแบ่งทรัพย์สินได้ไหม?
จากคดีสะเทือนขวัญ หนุ่มใหญ่ไบค์เกอร์ วัย47ปี ไลฟ์สดฆ่าตัวตายภายในบ้านพักของตนเอง คาชุดมอเตอร์ไซค์ โดย เมื่อวันที่ 13 ก.ย. พ.ต.ท ศุภสัณห์ สุขแก้ว สารวัตร(สอบสวน) สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี รับแจ้งเหตุยิงตัวตายภายในบ้านเลขที่ 88/37 ถ.พ่อขุนทะเล 22 หมู่ที่ 3 ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี รีบตรวจสอบที่เกิดพร้อม พ.ต.อ.วิชอบ เกิดผล รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พ.ต.ท.นิพล ชาตรี รอง ผกก.ป.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 8 และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน
จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ใช้เฟซบุ๊กของตัวเอง ที่ไลฟ์สดพร้อมเขียนข้อความ “18+ นะฮะ ขออภัยไว้ล่วงหน้า” และไลฟ์สดตั้งแต่การแต่ตัวและหยิบอาวุธปืนที่วางอยู่บนเตียงนานกว่า 11 นาที จึงเดินมาปิดการไลฟ์สด แต่จากการตรวจสอบภายในห้องโดยละเอียด พบผู้ตายได้เขียนข้อความไว้ที่กระจกมีข้อความเขียนว่า”ไม่มีไรผมตัดสินใจทำเอง” ปืนที่ใช้ยิงจะยกให้กับผู้ที่เผาร่างแล้วนำไปทิ้งน้ำ และไม่มีงานศพโดยเด็จขาดและที่ปลายเตียงพบไอแพดยึดติดกับขาตั้ง และมีกระดาษเขียนข้อความว่า “ให้ดูคลิปสองคลิปสุดท้ายในกล่องก่อน แล้วค่อยดูคลิปแรกในMem”นอกจากนั้นที่หน้าจอทีวียังมีกรรไกรปักอยู่
ภายหลังทราบข้อมูลเพิ่มเติม ว่าผู้ตายมีลูก 2 คน ลงทุนสร้างตัวทำธุรกิจดำน้ำที่เกาะเต่า ในพื้นที่ครอบครัวแฟน ระยะหลังแฟนไม่ซื่อสัตย์ ติดโซเชียลอย่างหนัก และมีเรื่องชู้สาว แถมยังขับไล่ผู้ตายอยู่ตลอด จะไปไหนก็ไปให้ไปแต่ตัว ถ้าไม่ทำงานก็ไม่ให้เงินใช้ ทั้งที่ธุรกิจทั้งหมดผู้ตายเป็นผู้สร้างมา ผู้ตายไม่มีความสุข ทุกอย่างที่สร้างเหมือนไม่ใช่ของเขา ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีเพื่อนฝูง เหมือนเสือเฒ่าลำบากร่างกายก็เริ่มไม่ดี หมอนรองกระดูกทับเส้นมีการผ่าตัดถึง 2 ครั้ง ผู้ตายคงถึงที่สุดแล้ว หมดกำลังใจที่จะสร้างครอบครัวต่อ อะไรที่เป็นของผู้ตาย เขายกให้ลูกหมด กลับมาที่สุราษฏร์เขียนจดหมายสาปแช่งแฟนไว้ และจะไม่ยอมไปผุดไปเกิด ให้แฟนทรมานอย่างที่เค้าเป็น
#อย่าลงทุนทำกินในที่คนอื่น นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจน เพราะถ้าวันใดถูกไล่จะเหลือแต่ตัว
#เจ็บอย่างเสือ_ตายอย่างเสือ
นอกจากนี้ผู้ตายได้เขียนจดหมายระบายความในใจเกี่ยวกับปัญหาชีวิตครอบครัวความยาว 2 หน้ากระดาษ โดยมีข้อความสำคัญทิ้งท้ายว่า”ไม่ต้องมาร้องให้ ไม่ต้องมากราบมาไหว้ พี่ไม่อโหสิให้ เราจะทรมานใจอย่างที่พี่เป็นอยู่ในทุกๆวัน เราจะมีหน้าที่ทำในสิ่งที่พี่สั่งไว้ จากนั้นเราถึงจะเป็นอิสระในลมหายใจสุดท้ายของเรา”
เอาใบ มรณะบัตรไปโอนทุกอย่างให้เป็นชื่อเรา ที่เราอยากได้ อย่างที่เราเคยบอกให้พี่ทำ นี่คือสิ่งสุดท้ายที่พี่เคยบอกว่าจะทำให้ ถ้าเรื่องวิญญาณ และชีวิตหลังความตายมีจริง “พี่จะอยู่ทุกๆมุมมืด คอยดูเรา” พี่ไม่ต้องการไปเกิดใหม่ พอแล้ว..
สืบเนื่องจากเหตุสลดที่เกิดขึ้นนั้นประเด็นที่ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันก็คงจะเป็นประเด็นที่ ครอบครัวเสี่ยเกาะเต่าสามารถฟ้องร้องแบ่งทรัพย์สินได้ไหม โดยที่เป็นสงสัยก็คงมาจากเรื่องที่ ขายที่มรดก 22 ไร่ มาเพื่อลงทุนที่บ้านผู้หญิง โดยมีการตั้งเรื่องว่า ถ้าเลิกกันจริง สามารถแจ้งศาลเพื่อขอแบ่งแยกมรดกได้ไหมครับ
โดยหลังจากที่หัวข้อดังกล่าวก็มีชาวโซเชียลจำนวนหนึ่งนั้น มาตอบว่าคนที่รู้จักของตนนั้นเคยเจอในลักษณะเดียวกันโดยระบุว่า เหมือนพี่เค้าจะบอกว่า ธุรกิจที่ทำมีการบริหารงานแบบบ้านๆ ไม่เป็นระบบ ทำให้เงินรั่วไหลเยอะแยะไปหมด ตรวจสอบยาก แบบนี้น่าจะแปลว่าฟ้องยากครับ เพราะเหมือนเอามาลงทุนก็จริง แต่อีกฝ่ายก็อ้างได้ว่า ธุรกิจไม่ดี เจ๊ง ส่วนที่ลงทุนเพิมก็เจ๊งไปหมดแล้ว
นอกจากนี้อีกรายก็มาแจงอย่าระเอียดด้วยว่า ถ้าจำไม่ผิด ถึงทำบนที่ใครที่เราไม่รู้จัก ถ้ายืนยันได้ว่า เราลงทุนตรงนี้นะไปเท่านี้ๆ ก็สามารถเรียกร้องเงินส่วนแบ่งได้ เพราะถือว่าลงแรงไป
ไอ้การที่ว่าอยู่บนที่เมีย ตรงนี้ไม่เป็นปัญหาอะไร เว้นเสียแต่ชื่อผู้ประกอบการพวกนี้เป็นชื่อเมียหมดอันนี้ล่ะ ท่าจะยาก แต่หากฟ้องร้องกัน ทางเมียก็ต้องหาหลักฐานมาว่าเอาเงินตรงไหน จากไหนมาลงทุน
สืบไปสืบมา เดี๋ยวก็กระจ่างครับ ไม่ใช่ว่าทำแล้วหายหมดซะหน่อย ยิ่งมีพยานเยอะขนาดนั้น ถ้าไม่โกหกกันยกเกาะว่าเป็นของเมียทำคนเดียว ผัวแค่ทำงานไม่ได้ลงทุนอะไร ลงแรงอะไร ยังไงซะก็ไม่สูญแน่นอน ยิ่งถ้านะครับถ้า มีหลักฐานการจ่ายเงินชัดเจนว่าค่าอะไรบ้าง ทำอะไร จ่ายตรงไหน รายรับจากไหน ฝ่ายเมียอย่างมากก็ได้ค่าเช่าที่ ตามประเมิน ส่วนกิจการก็ตกเป็นของพ่อผัวไปตามกฏหมาย
ปล.ไม่คอนเฟิร์มนะ แต่จำมาจากญาติที่ไม่ได้จดทะเบียนแต่ทำการค้าร่วมกัน ทำบัญชีชัดเจน ตอนเลิกกันทรัพย์สินปันผลตามการลงทุน คือถ้าได้ทนายดีๆกับมีหลักฐาน ก็ไม่น่าห่วง ถ้าถ้าไม่มีเลย ทั้งหมดเป็นชื่อเมีย อันนี้ทำใจครับ