ทำตัวเกินความพอดี "ทนายเดชา"โพสต์ถึง "สมรักษ์" หลังล้มละลาย

ทำตัวเกินความพอดี "ทนายเดชา"โพสต์ถึง "สมรักษ์" หลังล้มละลาย

ราชกิจจานุเบกษา ออกประกาศ เรื่อง ให้พิทักษ์ทรัพย์ของ นางเสาวนีย์คำสิงห์ จำเลยที่ 1, นายสมรักษ์ คำสิงห์ จำเลยที่ 2 เด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483  โดยบริษัท บริหารสินทรัพย์ มหานคร จำกัด ได้ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลางขอให้จำเลยทั้งสองล้มละลาย  มีอำนาจจัดการเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินของจำเลย

ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรื่อง คําสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดคดีหมายเลขแดงที่ ล.๓๐๕๓/๒๕๖๑ กองบังคับคดีล้มละลาย ๓ศาลล้มละลายกลาง กรมบังคับคดีกระทรวงยุติธรรมด้วย บริษัท บริหารสินทรัพย์ มหานคร จํากัด โจทก์ได้ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลางขอให้จําเลยทั้งสองล้มละลาย และศาลได้มีคําสั่งลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๑ ให้พิทักษ์ทรัพย์ของ นางเสาวนีย์คําสิงห์จําเลยที่ ๑ , นายสมรักษ์ คําสิงห์ จําเลยที่ ๒ เด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช๒๔๘๓ แล้ว

จําเลยที่ ๑ เลขประจําตัวประชาชน ๕-๔๐๙๙-๙๙๐๓๘-๒๓-๖ เกิดเมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม๒๕๑๖ มีภูมิลําเนาอยู่บ้านเลขที่ ๒๐๐/๒๑ ถนนนวมินทร์ แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานครจําเลยที่ ๒ เลขประจําตัวประชาชน ๓-๔๐๑๐-๐๐๕๓๖-๑๒-๓ เกิดเมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม๒๕๑๖ มีภูมิลําเนาอยู่บ้านเลขที่ ๒๐๐/๒๑ ถนนนวมินทร์ แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร

ดังนั้น นับแต่วันที่ศาลมีคําสั่ง เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียว มีอํานาจจัดการเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินของจําเลย ตามมาตรา ๒๒ แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช ๒๔๘๓อนึ่ง เจ้าหนี้ซึ่งจะขอรับชําระหนี้ในคดีนี้ จะเป็นโจทก์หรือไม่ก็ตาม ต้องยื่นคําขอรับชําระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่ฝ่ายคําคู่ความ สํานักงานเลขานุการกรม กรมบังคับคดี หรือ สํานักงานบังคับคดีซึ่งจําเลยมีภูมิลําเนาอยู่ ภายในกําหนดเวลา ๒ เดือน นับแต่วันที่โฆษณาคําสั่งนี้ และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้กําหนดวันลงโฆษณาในราชกิจจานุเบกษา ในวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๑ ซึ่งตรวจได้จากเว็บไซต์ของกลุ่มงานราชกิจจานุเบกษาที่www.ratchakitcha.soc.go.th
ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑
กนกพร เลิศวรญาณ
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์

ทำตัวเกินความพอดี "ทนายเดชา"โพสต์ถึง "สมรักษ์" หลังล้มละลาย

 

ล่าสุด สมรักษ์ เปิดเผยต่อเรื่องดังกล่าว โดยเจ้าตัวชี้แจงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นคดีเก่าที่ค้างคามาหลายสิบปีแล้ว ตั้งแต่สมัยยังเป็นนักชกมวยสมัครเล่น มีสาเหตุจากความไม่รู้ ไม่เชี่ยวชาญในเอกสารต่าง ๆ และการทำธุรกิจ หลังไปเซ็นเอกสารเรื่องธุรกิจเปิดปั๊มน้ำมันให้พ่อตาและแม่ยายที่จังหวัดชัยภูมิ แต่เมื่อกิจการไปไม่รอด ก็ขาดทุนกลายเป็นหนี้สิน จนกลายเป็นคดียืดเยื้อจนถึงปัจจุบัน สมรักษ์ เผยว่า หลังจากที่ธุรกิจดังกล่าวขาดทุน ตนไม่รู้รายละเอียดจนปล่อยให้เป็นหนี้สินลามไปถึงเรื่องบ้าน ต้องเป็นหนี้ราว 4 ล้านกว่าบาท

 

ทำตัวเกินความพอดี "ทนายเดชา"โพสต์ถึง "สมรักษ์" หลังล้มละลาย

 

ทำตัวเกินความพอดี "ทนายเดชา"โพสต์ถึง "สมรักษ์" หลังล้มละลาย

 

อย่างไรก็ตามขณะนี้ตนยังไม่มีปัญหาอะไร ยังคงแฮปปี้ดีในทุกวันนี้ และอยากให้ดูตัวอย่างจาก เขาทราย แกแลคซี่ ที่เคยประสบปัญหาเดียวกันมาก่อน แต่แค่ 3 ปีก็ตั้งตัวขึ้นมาใหม่ได้ ชีวิตตอนนี้ก็มีความสุขดี ทั้งนี้ สมรักษ์ อยากฝากขอบคุณถึงแฟน ๆ ที่เป็นห่วง และเผยว่าขณะนี้มีลูกพี่ และมีเจ้านายที่ยินดีช่วยเหลือ แม้ตนจะถูกฟ้องล้มละลายก็ตาม นอกจากนี้ลูกสาวและลูกชายก็เติบโตแล้ว มีงานทำ มีรายได้เดือนละแสนกว่าบาทมาช่วยให้ครอบครัวอยู่รอด ส่วนตัวเองก็มีงานละครและงานกิจกรรมต่าง ๆ จึงสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข

 

ทำตัวเกินความพอดี "ทนายเดชา"โพสต์ถึง "สมรักษ์" หลังล้มละลาย

 

นาวาตรี สมรักษ์ คำสิงห์ ร.น. เป็นนักกีฬาทีมชาติไทยคนแรก ที่ได้รับรางวัลเหรียญทอง จากการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่น ในกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 26 ที่เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ. 2539

สมรักษ์ เป็นชาวหมู่บ้านโนนสมบูรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น (ปัจจุบันคือ อำเภอบ้านแฮด) เกิดเมื่อวันที่ 16 มกราคมพ.ศ. 2516 ในครอบครัวยากจน เป็นบุตรคนกลาง ในจำนวนลูกทั้ง 3 คน ของ นายแดงและนางประยูร คำสิงห์ เหตุที่มีชื่อเล่นว่า "บาส" ก็เพราะต้องการให้คล้องกับชื่อเล่นของพี่ชายซึ่งเป็นนักมวยด้วยเหมือนกัน คือ สมรถ คำสิงห์ ที่มีชื่อว่า "รถ" เนื่องจาก คลอดบนรถโดยสาร ระหว่างเดินทางไปสถานีอนามัยอำเภอ

สมรักษ์เข้าเรียนครั้งแรกที่โรงเรียนมหาไถ่ศึกษาโนนสมบูรณ์ ด้วยเหตุที่สมรักษ์มีพ่อเป็นนักมวยเก่า จึงได้รับการฝึกการชกมวยไทยมาตั้งแต่เด็ก ขึ้นชกมวยครั้งแรกขณะอายุได้ 7 ปี และได้ตระเวนชกตามเวทีงานวัดต่าง ๆ จนทั่ว และได้รับการทาบทามจาก ณรงค์ กองณรงค์ หัวหน้าคณะณรงค์ยิมให้มาร่วมค่าย สมรักษ์จึงขอขึ้นชกมวยไทยในชื่อ สมรักษ์ ณรงค์ยิม และกลายเป็นนักมวยมีชื่อในแถบจังหวัดขอนแก่น

 

ทำตัวเกินความพอดี "ทนายเดชา"โพสต์ถึง "สมรักษ์" หลังล้มละลาย

 

ต่อมา ณรงค์กับนายแดงพ่อของสมรักษ์เกิดแตกคอกัน สมรักษ์จึงย้ายไปอยู่ค่ายศิษย์อรัญ เข้ามาชกมวยในกรุงเทพฯ ได้ไปเรียนที่ โรงเรียนผะดุงศิษย์พิทยา โดยชกทั้งมวยไทย และมวยสากลสมัครเล่น สมรักษ์ขึ้นชกมวยไทยในชื่อ "พิมพ์อรัญเล็ก ศิษย์อรัญ" แต่พอสมรักษ์ขึ้น ม.2 พ่อก็ถึงแก่กรรม

ในเส้นทางมวยไทย สมรักษ์ตระเวนชกตามเวทีต่างทั้ง ชลบุรี สำโรง อ้อมน้อยจนกระดูกแข็ง เจนสังเวียนมากขึ้นจึงขึ้นชกมวยที่เวทีมาตรฐานทั้งเวทีราชดำเนินและเวทีลุมพินี มีโอกาสขึ้นชกกับนักมวยชื่อดังยุคนั้นหลายคน เช่น ชาติชายน้อย ชาวไร่อ้อย, ช้างน้อย ศรีมงคล, บัวขาว ป.พิสิษฐ์เชษฐ์, ฉมวกเพชร ช่อชะมวง แต่ไม่เคยได้แชมป์มวยไทยของเวทีใด จนปี พ.ศ. 2538 จึงขึ้นชกมวยไทยครั้งสุดท้าย ชนะน็อค สุวิทย์เล็ก ส.สกาวรัตน์ ยก 4 แล้วจึงหันมาเอาดีด้านมวยสากลสมัครเล่นอย่างเดียว ค่าตัวสูงสุดที่ได้รับจากการชกมวยไทยอยู่ที่ราว 180,000 บาท จัดเป็นนักมวยเงินแสนคนหนึ่ง

สมรักษ์เริ่มเข้าแข่งขันมวยสากลสมัครเล่นในนามของโรงเรียน เมื่อปี พ.ศ. 2528 เมื่ออายุ 12 ปี โดยมีพิกัดน้ำหนัก 52 กิโลกรัมเมื่อสมรักษ์จบ ม.6 จากโรงเรียนผดุงศิษย์ฯ ได้รับการทาบทามจากสโมสรราชนาวีให้ชกมวยสากลสมัครเล่นในนามของสโมสรและจะบรรจุให้เข้ารับราชการในกองทัพเรือด้วย สมรักษ์จึงตอบตกลง สมรักษ์ประสบความสำเร็จได้ทั้งแชมป์ประเทศไทยและเหรียญทองกีฬาแห่งชาติ

 

ทำตัวเกินความพอดี "ทนายเดชา"โพสต์ถึง "สมรักษ์" หลังล้มละลาย

 

สมรักษ์ เข้าสู่ทีมชาติครั้งแรก ในการแข่งขันโอลิมปิก ที่บาร์เซโลนา ในปี พ.ศ. 2535 แต่ตกรอบแรก พ.ศ. 2536 ได้เหรียญทองมวยทหารโลกที่ประเทศอิตาลี แต่ไม่ได้ติดทีมชาติไปแข่งกีฬาซีเกมส์ในปีนั้นเพราะไม่พร้อม สมรักษ์เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาเป็นครั้งแรก จากการเป็นนักกีฬาไทย ที่ได้เหรียญทองเพียงคนเดียว ในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 12 ในปี พ.ศ. 2537 ที่เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นเกือบจะถูกตัดสิทธิ์เพราะตรวจสมรรถภาพร่างกายไม่ผ่านในครั้งแรก (ภายหลังสภาโอลิมปิคเอเชีย ได้กลับคำตัดสิน โดยให้ รัฐพงศ์ ศิริสานนท์ นักว่ายน้ำ ได้ 2 เหรียญทอง)

ภายหลังจากได้เหรียญทองแล้ว สมรักษ์กลายเป็นบุคคลชื่อดังไปในทันที กลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ในเวลาไม่นาน ด้วยความเป็นคนมีบุคคลิกเฮฮา มีสีสัน น่าสนใจ ภายหลังจากกลับมาจากโอลิมปิคที่แอตแลนต้าแล้ว สมรักษ์ก็มีงานในวงการบันเทิงเข้ามา เริ่มจาก ละครเรื่อง "นายขนมต้ม" ทางช่อง 7 ที่รับบทเป็นนายขนมต้มพระเอกเอง โดยประกบคู่กับ กุลณัฐ ปรียะวัฒน์ นางเอก และเพื่อน ๆ นักมวยรุ่นพี่อีกหลายคน

และนับแต่นั้นมา สมรักษ์ก็มีสถานะเหมือนเป็นดาราคนหนึ่ง มีงานต่าง ๆ เข้ามาเรื่อย ๆ ทำให้สมรักษ์เอาใจใส่ในการชกมวยน้อยลง จนมีข่าวว่าซ้อมน้อยลงบ้าง หนีซ้อมบ้าง แต่กระนั้นเจ้าตัวก็ยังยืนยันว่าฝีมือของตัวเองยังคงเหมือนเดิม ถึงขนาดกล้าทำนายผลการชกล่วงหน้า ซึ่งก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง จนได้ฉายาว่า "โม้อมตะ" แต่หลังจากได้รับเหรียญทองกีฬาเอเชียนเกมส์ใน ปี พ.ศ. 2541 แล้ว การชกครั้งหลังจากนี้ สมรักษ์ไม่ประสบความสำเร็จเลย โดยตกรอบสาม ในการแข่งขันโอลิมปิกที่ซิดนีย์ ปี พ.ศ. 2543 และตกรอบแรกในโอลิมปิก ที่กรุงเอเธนส์ ปี พ.ศ. 2547 ทำให้เลิกชกมวยสากลสมัครเล่นอย่างเด็ดขาด

ปัจจุบัน สมรักษ์ยังคงมีงานในวงการบันเทิง มีผลงานออกมาเป็นระยะ ๆ

 

ทำตัวเกินความพอดี "ทนายเดชา"โพสต์ถึง "สมรักษ์" หลังล้มละลาย

 

ซึ่งมีคลิปวีดีโอที่ถูกแชร์ไปทั่วโลกโซเชียล เป็นสกู๊ปบทสัมภาษณ์ของ สมรักษ์ หลังจากที่พาเหรียญทองโอลิมปิกกลับบ้าน โดยเจ้าตัวได้เผยความภาคภูมิใจมากๆ วินาทีที่ได้เหรียญทองนึกถึงในหลวงร.9 ก่อนเป็นอันดับแรก ถือว่าเป็นชัยชนะของคนทั้งประเทศ และพอกลับมาแล้วก็ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าและถวายให้กับในหลวงจริงๆ 

 

 

เกี่ยวกับเรื่องราวดังกล่าว "ทนายคลายทุกข์  เดชา กิตติวิทยานันท์" ได้ออกมาโพสต์ข้อความโดยมีเนื้อาหาดังนี้

ทำตัวเกินความพอดี โทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง
#ทนายคลายทุกข์

 

ทำตัวเกินความพอดี "ทนายเดชา"โพสต์ถึง "สมรักษ์" หลังล้มละลาย

 

ทำตัวเกินความพอดี "ทนายเดชา"โพสต์ถึง "สมรักษ์" หลังล้มละลาย

 

ทำตัวเกินความพอดี "ทนายเดชา"โพสต์ถึง "สมรักษ์" หลังล้มละลาย

 

ทำตัวเกินความพอดี "ทนายเดชา"โพสต์ถึง "สมรักษ์" หลังล้มละลาย

 

 

 

 

 

ขอบคุณเจ้าของคลิป กันต์ ศรีภักดี // ทนายคลายทุกข์