- 11 ต.ค. 2561
คุณคิดเห็นอย่างไร? รองปลัด ยธ. ลั่น เด็กรุนแรง แค่ฮอร์โมนเปลี่ยน "ไม่ควรนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม" ชี้เหตุผลชัดเจน!
จากกรณีคลิปหลุด รุ่นพี่ชั้นม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา จำนวน 8 คน ได้พา นักเรียนหญิง เด็กป.4 ที่ป่วยออทิสติก เข้าไปในห้องเรียนแล้วได้บอกว่าจะ ถักเปียให้ แต่รุ่นพี่ม.2 กลุ่มนั้นได้เข้าไปรุมกระชากผมอย่างรุนแรง จน เด็กป.4 คนดังกล่าวได้ร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว จนผู้ปกครองเด็กป.4 ทราบเรื่องพร้อมกับเผยว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
ล่าสุด ผู้อำนวยการโรงเรียน ชี้แจงว่า เหตุการณ์ในคลิปเกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 5 ต.ค. ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุเพื่อนของนักเรียนชั้น ป.4 ได้แจ้งครูที่ปรึกษา ก่อนพาไปพบกับครูฝ่ายปกครอง โดยจากการสอบสวนรุ่นพี่ชั้น ม.2 ยอมรับว่า พวกตนกลั่นแกล้งและใช้ความรุนแรงจริง แต่ไม่ได้กักขังหรือมีเจตนาทำร้าย พร้อมทั้งรู้สึกเสียใจกับเหตุที่เกิดขึ้น ซึ่งภายหลังโรงเรียนจึงเรียกผู้ปกครองของเด็กทั้ง 2 ฝ่ายเข้าเจราจา โดยผู้ปกครองฝ่ายรุ่นพี่ชั้น ม.2 ยินยอมจ่ายค่าทำขวัญให้กับผู้ปกครองนักเรียนชั้น ป.4 เป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท โดยไม่ติดใจเอาความต่อกัน
ขณะที่โรงเรียนได้ว่ากล่าวตักเตือน และทำทัณฑ์บน กลุ่มรุ่นพี่ดังกล่าวแล้ว ซึ่งหากนักเรียนกลุ่มนี้กระทำผิดอีกครั้ง โรงเรียนจะตัดคะแนนความประพฤติ และให้พักการเรียน นอกจากนี้ ขอไม่ให้มีการแชร์คลิปดังกล่าวต่อไปบนโลกออนไลน์ด้วย
ล่าสุดผู้ปกครองที่เป็นคนโพสต์คลิปเด็กคนดังกล่าว ได้ออกมาโพสต์ข้อความว่า "ถึงมือท่านผู้ว่าผมเชื่อมั่นในหลักการทำงานของท่านอย่างตรงไปตรงมาหวังว่าคงได้รับความยุติธรรมจากท่าน"
ล่าสุด นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้ออกมาพูดเกี่ยวกับเรื่องราวดังกล่าวเอาไว้ว่า กรณีเด็ก ม.2 ทำร้ายเด็ก ป4. ไม่ควรนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพราะเป็นการขัดขวางพัฒนาการตามวัยของเด็ก แต่ควรใช้กระบวนการยุติธรรมทางเลือกเพื่อปรับพฤติกรรมที่เหมาะสม
การที่เด็กมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรง นั้นเป็นพฤติกรรมเกเร (Conduct Behavior) ซึ่งหากพิจารณาตามจิตวิทยาพัฒนาการเด็ก เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย และฮอร์โมน ส่งผลให้วัยรุ่นมีอารมณ์แปรปรวนง่าย ไม่คงที่ ฉุนเฉียว โกรธง่าย และมักแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง จึงทำให้เด็ก/เยาวชนที่กระทำผิดส่วนใหญ่อยู่ในช่วงวัยรุ่นมีพฤติกรรมการล่วงละเมิดสิทธิของผู้อื่นหรือการละเมิดกฎเกณฑ์ของสังคม เช่น พฤติกรรมขโมย พูดปด หลอกลวง หนีเรียน หนีออกจากบ้าน ชกต่อย รังแกคนอื่น รังแกสัตว์ และทำลายของสาธารณะ เป็นต้น ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้มีความเกี่ยวพันกับระดับของปัญหาและความเสี่ยงต่อการทำผิดในอนาคต และกระทำผิดซ้ำได้
ดังนั้น การที่เด็กหรือเยาวชนมีพฤติกรรมที่ใช้ความรุนแรง จึงถือว่าเป็นเด็กเสี่ยงต่อการกระทำผิดได้ และในการพัฒนาเครื่องมือจำแนกเด็กหรือเยาวชนในการในแบบประเมินความเสี่ยงและความจำเป็นจึงถือว่าเป็นพฤติกรรมเกเร (Conduct Behavior) นั้นต้องได้รับการบำบัดแก้ไขฟื้นฟู
ปัญหาดังกล่าวจึงไม่ควรปล่อยผ่านด้วยกระบวนการปกติ จากประสบการณ์ที่เคยเป็นทีมพัฒนาเครื่องมือจำแนกเพื่อค้นหาสาเหตุปัจจัยเสี่ยง และปัจจัยจำเป็น ในการกระทำความผิดของเด็กหรือเยาวชน การใช้ความรุนแรง จึงเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องมีการสอบถามในเครื่องมือดังกล่าว เพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลในการแก้ไขบำบัดเด็ก/เยาวชน ได้ตรงกับสภาพปัญหามากยิ่งขึ้น
และยังได้กล่าวต่ออีกว่า การทำทัณฑ์บน หรือกล่าวคำขอโทษจึงไม่เป็นการเพียงพอ จำเป็นต้องใช้กระบวนการปรับพฤติกรรมที่เหมาะสมประกอบด้วย เช่น การใช้กระบวนการประชุมกลุ่มครอบครัวและชุมชน ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ซึ่งสามารถประสานงานได้ที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนได้ทั่วประเทศให้เข้าไปช่วยดำเนินการครับ
Cr.เสกสรร มหายศ // ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34