เรื่องกลิ่นใครคิดว่าไม่สำคัญ จากปากหมอสูตินรีเวช ผู้เชี่ยวชาญด้านกลิ่นอันพึงประสงค์ เคยขอโทษคนไข้เพื่อวิ่งออกไปอ้วก กลิ่นของคุณบ่งบอกทุกสิ่ง

เรื่องกลิ่นใครคิดว่าไม่สำคัญ จากปากหมอสูตินรีเวช ผู้เชี่ยวชาญด้านกลิ่นอันพึงประสงค์ เคยขอโทษคนไข้เพื่อวิ่งออกไปอ้วก กลิ่นของคุณบ่งบอกทุกสิ่ง

เรื่องราวที่ถูกแชร์ออกไปทั่วโลกโซเชียล เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Thanapan Choobun" ได้โพสต์ข้อความและเนื้อหาดังนี้ 

 

เรื่องกลิ่นใครคิดว่าไม่สำคัญ จากปากหมอสูตินรีเวช ผู้เชี่ยวชาญด้านกลิ่นอันพึงประสงค์ เคยขอโทษคนไข้เพื่อวิ่งออกไปอ้วก กลิ่นของคุณบ่งบอกทุกสิ่ง

 

 

การเป็นหมอสูตินรีเวชอย่างพวกผม จะต้องผ่านการถูกฝึกให้ดมกลิ่นที่มันผิดปกติจากในช่องคลอดให้คุ้นเคยและคุ้นชิน ถึงแม้จะไม่ชินนัก แต่ในการทำงานไปสักระยะ มันก็จะเริ่มรู้จักและจำกลิ่นของกลุ่มโรคบางอย่างเข้าจนได้ในสักวัน

ผมยังจำวันแรกที่ได้กลิ่นของมะเร็งปากมดลูกได้ดี 
วันนั้นผมตรวจคนไข้นรีเวชทั่วไป และเธอคนนั้นมาด้วยอาการมีกลิ่นรุนแรงในช่องคลอดร่วมกับมีน้ำปนเลือดไหลออกมา
“นานเท่าไหร่แล้วครับ” ผมหมายถึงอาการที่เธอเล่าให้ฟัง
“ราวครึ่งปีได้แล้วค่ะ” เธอบอก
ผมหยุดกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ นี่ขนาดยังไม่ได้เริ่มกระบวนการขึ้นขาหยั่ง อ้าขา และตรวจอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ผมยังรู้สึกได้ถึงความระอุ
“แล้วตอนมีเพศสัมพันธ์กับสามี มันไม่เหม็นแย่เลยเหรอ” ผมสงสัย
“ก็มีกลิ่น แต่ก็ยังทำกันได้ค่ะ” เธอบอกมา ผมไม่กล้าจินตนาการต่อเลย
และเมื่อถึงเวลาตรวจภายในจริงๆ ผมถึงกับต้องขอตัวและขอโทษคนไข้ เพื่อวิ่งออกไปอ๊วก 
นั่นคือครั้งแรก หลังจากนั้นมาผมก็สามารถจัดการกับการรับรู้กลิ่นของตัวเองได้เป็นอย่างดี โดยที่ไม่ต้องออกไปอ๊วกแบบคราวนั้นอีกเลย

อีกครั้งก็เกิดขึ้นเมื่อไม่นาน ที่ผมต้องขอโทษคนไข้อีกครั้ง
“ยายไม่ขี้มากี่วันแล้วครับ” ผมถามลูกสาวคนที่ดูแลแม่ของเธอมาตลอด
“น่าจะ ๕ วันค่ะหมอ” เธอทำท่านึก
“แต่เท่าที่หมอคลำๆดูนี่ น่าจะเกิน ๕ วันนะ” ผมคำนวณจากการคลำเอา
คุณยายแกถูกส่งมาปรึกษาผมเรื่องมดลูกโผล่แลบออกมามาก และด้วยโรคประจำตัวหลากหลายที่แกมีอยู่นั้น ทำให้เราต้องวางแผนในการใส่กำไลพยุงช่องคลอดให้แทนการผ่าตัด
“แปลกจัง กำไลชนิดนี้โดยปกติน่าจะเอาอยู่” ผมบ่นพึมพำขณะพยายามใส่และถอดกำไลชนิดหนึ่งเข้าไปในช่องคลอดของคนไข้ ปรากฏว่า ขอบด้านหนึ่งของกำไลมันไม่สามารถวางตัวลงบนช่องคลอดด้านหลังได้เลย นั่นเพราะว่ามันมีขี้กองมหึมานอนคาแอ้งแม้งอยู่ในทวารหนักและทำให้ผนังช่องคลอดปูดจนผิดรูป
“สงสัยนานกว่า ๕ วัน และไอ้ที่คุณว่าขี้ออกบ้างนั้น มันน่าจะเป็นน้ำเหลวๆที่แทรกออกมามากกว่า” เราเรียกลักษณะเช่นนี้ว่า soiling
แล้วผมก็ขออนุญาตล้วงก้นคุณยายเพื่อควักเจ้ากองมหึมานั้นออกมา
“อูย....” เสียงครางนี้ไม่ใช่ของใคร แต่หากมันเป็นของผมเองในทันทีที่อึก้อนนั้นเริ่มถูกทะยอยลากมันออกมา
“อูย... ผมทนไม่ไหวแล้ว ไม่ชิน” คือกลิ่นขี้ตัวเองน่ะ เหม็นแค่ไหนก็ชิน แต่ด้วยจินตนาการอันเพลิดเพลินของผมและกลิ่นของการหมักที่นานกว่า ๕ วันนั้น มันทำให้ผมเกิดอาการคลื่นเหียนอย่างรุนแรง
“ด้อส ช่วยผมหน่อย” ผมส่งผ่านกิจกรรมการล้วงอึไปยังนักศึกษาแพทย์ที่อยู่ด้วยกัน และผมขอตัวออกไปจัดการตัวเองครู่หนึ่ง

“เรียบร้อยครับอาจารย์” เจ้าด้อสตัวดำยิ้มฟันขาวรออยู่
“๓ กำมือใหญ่ น่าจะหมดแล้วครับ” เขายังคงภูมิใจ

จะว่าไปแล้ว การล้วงอึ น่าจะเป็นกิจกรรมปกติของพวกศัลยแพทย์ คนไข้แบบนี้ก็มีจำนวนไม่น้อย ผมเคยได้ยินน้องหมอศัลย์กลุ่มหนึ่งยืนคุยกันในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ว่าเขาต้องใช้ถุงมือที่ยาวถึงข้อศอก ล้วงเข้าไปทางก้นคนไข้ เพื่อลากเอาอึที่สะสมราวเดือนหนึ่งออกมาจนหมด
คราวนั้นผมรู้สึกได้ ว่าดีแค่ไหนที่ตัวเองมาเรียนสูติฯ (ฮ่า ฮ่า ไอ้พวกหมอศัลย์มันก็คงหัวเราะพวกผมเหมือนกัน เมื่อคราวที่เราต้องเจอผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกแบบแรงๆอย่างที่ผมเล่ามาเบื้องต้น)

ครับ นี่คือเรื่องกลิ่นที่คุ้นบ้าง ไม่คุ้นบ้าง
กลิ่นที่คุ้นและได้ดมมันแทบทุกสัปดาห์ ก็คือกลิ่นช่องคลอดปกติบ้าง กลิ่นน้ำคร่ำของคนท้องบ้าง กลิ่นช่องคลอดอักเสบจากเชื้อโรคในช่องคลอดไม่สมดุลย์บ้าง

เอ๊ะ..ยังไง

จะบอกว่า โดยปกติแล้วนั้น ในสภาวะที่ช่องคลอดมีสุขภาพดี มีเชื้อโรคประจำถิ่นในปริมาณที่เหมาะสม มีความเป็นกรดอ่อนๆ มันก็มีกลิ่นเฉพาะของมันเอง จะน่าเย้ายวนหรือไม่อย่างไรก็ต้องไปลองดมกันเองนะครับ แต่เมื่อไหร่ที่ความสมดุลย์อันดีนั้นเสียไป เช่น จุลินทรีย์ที่อยู่ในรูตูดมันรุกล้ำเข้ามามากกว่าปกติ มันก็จะเกิดการสร้างกลิ่นตุๆเกิดขึ้น

มันคล้ายอะไรนะ?

อาจารย์บางท่านก็จะบอกว่า เหมือนกลิ่นแอมโมเนีย บางท่านบอกว่าคาวเหมือนน้ำล้างปลา ส่วนจะเป็นปลาอะไรนั้น ผมก็แค่เดาๆว่าเป็นกลิ่นคาวปลาปกติ ที่ไม่ใช่กลิ่นปลาเค็ม ปลาสลิดตากแห้ง หรือปลากุเลาเค็มราคาแสนแพงระยิบ
พวกผมเรียกภาวะนี้ว่า bacterial vaginosis หรือจิ๋มหึ่ง (ล้อเล่นนนนน) มันเป็นเอง หายเองได้ ไม่ก็มารับการตรวจรักษา ได้ยาไปกินไม่กี่วัน จิ๋มก็หอมรัญจวนตามปกติต่อไปได้

นี่คือเรื่องกลิ่นของช่องคลอด
..................…
“พี่แป๊ะ มาช่วยผมหน่อย เคสแบบนี้ผมไม่เคยเห็น” เสียงจากโทรศัพท์ปลุกผมราว ๕ ทุ่ม เพื่อขอให้ไปช่วยดูคนไข้ร่วมกัน
อันที่จริงผมเริ่มทราบรายละเอียดหยาบๆจากเคสที่ถูกตามนี้ตั้งแต่ตอนทุ่มเศษๆ ลูกศิษย์ส่งภาพมดลูกของคนไข้คนหนึ่งที่มันกำลังเน่าได้ที่มาให้ดู

ผมใช้เวลาไม่มากนักในการสวมเสื้อผ้าให้สุภาพพอที่จะเข้าไปในห้องฉุกเฉินได้โดยที่ยามไม่ไล่ออกมาเสียก่อน
“ญาติรอข้างนอกครับ” แบบนี้ 
แฮร่...

เธอเป็นคนไข้อายุเกือบ ๙๐ ปี ที่มีมดลูกโผล่แลบออกมา 
ม๊ะมีไข้สูง หายใจเร็ว ความดันเลือดต่ำเตี้ยเรี่ยดิน มีสายน้ำเกลือแขวนอยู่ ๓ ชนิด โดยที่ ๒ ชนิดนั้นคือสารกระตุ้นหัวใจและหลอดเลือด
“แกกำลังมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือดและช็อก” อาจารย์รุ่นน้องเล่าให้ผมฟังในทันทีที่ผมมาถึง
“เรื่องเป็นยังไง ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ เอิ่ม..หมอชื่อธนพันธ์นะครับ” ผมหันไปยังผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งผมเดาว่าน่าจะเป็นลูกสาว
“ม๊ะแกไม่เคยบอกว่ามีมดลูกโผล่ แล้วในช่วงนี้ป๊ะไม่สบาย ช่วยตัวเองไม่ได้ ม๊ะต้องดูแลป๊ะตลอด ต้องยกตัว พลิกตัว เช็ดขี้เช็ดเยี่ยว” โห สตรีที่นอนหายใจรวยรินเบื้องหน้าผม เธอมีอายุเกือบ ๙๐ ปี แกต้องทำอะไรมากมายขนาดนี้เชียวหรือ
“ช่วงนี้แกคงเป็นมากขึ้นมั้งหมอ เลยบอกพี่ชาย เค้าก็พาไปหาหมอบ้านกันมา” เอาแล้วครับ ชายแดนบ้านผมมีอะไรให้ขนหัวลุกได้เสมอ
“หมอเค้าบอกว่าเป็นริดสีดวง เลยเอาเอ็นตกปลามาผูกรัดเอาไว้ แล้วฉีดยาอะไรไม่รู้รอบๆก้อนที่โผล่ออกมา แล้วมันก็เริ่มมีสีดำลง และดูเหมือนเน่า” เธอเล่ามาตามคำบอกเล่าอีกทีหนึ่ง เพราะอันที่จริง เธอก็ทำงานอยู่ต่างจังหวัด

 

เรื่องกลิ่นใครคิดว่าไม่สำคัญ จากปากหมอสูตินรีเวช ผู้เชี่ยวชาญด้านกลิ่นอันพึงประสงค์ เคยขอโทษคนไข้เพื่อวิ่งออกไปอ้วก กลิ่นของคุณบ่งบอกทุกสิ่ง

 

 

ผมขออนุญาตเปิดดู และต้องสะกดใจในทันที ก้อนดังกล่าวมันคือมดลูกที่โผล่ออกมา ส่วนปลายมีสีดำและแข็งเหมือนก้อนหิน เหนือขึ้นมาจากนั้นคือผนังช่องคลอดสีดำคล้ำ มีฟองอากาศปุด และมีกลิ่นเน่า มันคือ gas gangrene การติดเชื้ออย่างรุนแรงที่คร่าชีวิตผู้หญิงที่ทำแท้งเถื่อนของพวกเราไปหลายต่อหลายคน แต่นี่ม๊ะไม่ได้ทำแท้งมา บอกตรงๆ นี่ผมก็เพิ่งได้เห็นแบบนี้เป็นครั้งแรกนั่นแหละ

คราวนี้ผมไม่ได้มีความรู้สึกจะอาเจียนเหมือนเรื่องเล่าในเรื่องแรก เพียงแต่รู้สึกหงุดหงิด 
มันไม่ได้หงุดหงิดเพราะง่วง แต่รู้สึกโกรธว่าทำไมจึงต้องไปทำอะไรมาแบบนี้ด้วย พวกเรามีหมอสูตินรีเวชกระจายใน ๓ จังหวัดตั้งมากมาย แต่ทำไมคนไข้จึงไม่เข้าไปรับบริการ

“หมอจะต้องพาคนไข้ไปล้างแผลในห้องผ่าตัดนะครับ ผมไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะทำได้สักเท่าไหร่ จะเกิดความเสียหายจากการตัดเนื้อเน่าๆออกไปสักเพียงใด แต่หากไม่ทำอะไรเลย เราคงเสียม๊ะไป” ผมบอกเธอคนนั้น
“ค่ะหมอ หมอช่วยหน่อยนะคะ ช่วยให้ถึงที่สุด” เธอมองหน้าผมและพูดออกมา

ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆช้าๆ รู้สึกเจ็บ
“เธอพูดแบบนี้ มันไม่ยุติธรรมกับฉันเลย ดูซิ ทีตอนมดลูกโผล่เฉยๆไม่ติดเชื้อไม่มาหาเรา แต่พาม๊ะไปหาหมอบ้านทำอะไรกันก็ไม่รู้ แล้วมาให้เราแก้ไข ให้เราดูแลให้ดีที่สุดในตอนนี้เนี่ยนะ” ผมเผลอพูดตามสิ่งที่คิดออกไปจนได้

“คนที่เค้าแข็งแรง ติดเชื้อในกระแสเลือดจนช็อกแบบนี้ ยังแทบไม่รอด แต่ม๊ะอายุเท่าไหร่เข้าไปแล้ว หมอกลัวจริงๆ เกรงว่าเราจะช่วยไว้ไม่ทัน” ผมถอนหายใจ

หลังจากพูดออกไป ก็ถอยออกมานั่งหายใจและตั้งสติ

“เชี่ย กูพูดอะไรออกไปวะ” ผมเริ่มตกใจกับความคิดตัวเอง

ผมยังไม่ได้ทราบเรื่องราวชีวิตของครอบครัวเขาเลย 
ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าม๊ะกินอยู่อย่างไร มีลูกมีหลานกี่คน 
และผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าทำไมแกต้องไปรักษาแบบนี้
และผมไปตำหนิลูกสาว คนที่พาม๊ะมาเพื่ออะไร เขาไม่ได้อยู่กับแม่ด้วยซ้ำ

เอาล่ะ ผมจะแก้ตัวใหม่ คงต้องนิ่งกว่านี้ ผมบอกตัวเอง ในขณะที่หูก็ได้ยินเสียงตำหนิเธออีกรอบจากเพื่อนร่วมงานที่เรียกผมมา

นี่กว่าที่เธอจะมาถึงผม เธอถูกด่าไปกี่รอบแล้ววะ ยิ่งนึกถึงตอนนี้ ผมก็ยิ่งเสียใจ

ผมเข้าไปรอคนไข้ในห้องผ่าตัด ดูเวลาตอนนั้นก็เกือบจะตี ๒
ม๊ะคงตกใจพอสมควร การถูกเข็นไปยังที่ต่างๆในโรงพยาบาลใหญ่นี่มันคงน่ากลัวมากสำหรับหญิงชราที่ทั้งชีวิตยังไม่เคยเจ็บป่วยรุนแรงเลยสักครั้ง ดีเหลือเกินที่พยาบาลห้องผ่าตัดอนุญาตให้ลูกสาวของเธอเปลี่ยนชุดเดินเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนข้างๆเตียงของม๊ะ

“ม๊ะแข็งแรงมาตลอดเลยนะหมอ นี่มาที่นี่ ป๊ะยังไม่รู้เลย ไม่กล้าบอกแก หนูกลัวว่าป๊ะจะช็อกไปเสียก่อน เค้าอยู่ด้วยกันมานานมาก ดูแลกันมาตลอดชีวิต” น้ำเสียงเธอสั่น
“ครับ” ผมตอบออกไป เหมือนห้วน แต่สำเนียงที่ส่งออกไปนั้นแสดงว่าผมเย็นลงมากแล้ว 
“เธอไปจับมือม๊ะไว้เถอะ เดี๋ยวพอเค้าดมยาเสร็จแล้วเธอค่อยถอยออกมา” ผมแนะนำ

เมื่อการดมยาสลบเรียบร้อย เธอก็เดินเข้ามาที่ผม
“หมอคะ หนูฝากม๊ะด้วยนะคะ สงสารแกจังเลย” แล้วคนเป็นลูกสาวที่ดูนิ่งและเข้มแข็งมาตลอดก็ปล่อยน้ำตาให้ร่วงหล่นอาบสองแก้ม นั่นคงจะเก็บไว้ในอกมานานมากแล้วจริงๆ เธอเดินเข้ามากอดผมแล้วร้องไห้ 
“ไว้ใจเราเถอะ ทีมของเราจะดูแลแม่เธออย่างดีที่สุดนั่นแหละ แต่ผลสุดท้ายจะเป็นยังไงนั้น ค่อยว่ากันอีกทีนะ ช่วยดุอาให้ด้วยก็แล้วกัน” ผมพูดแบบนั้นจริงๆ ไอ้ที่ว่า ดุอา หรือ ดุดาร์ นั้น ลอกเขามาล้วนๆ แต่ใส่ใจในทุกคำพูดอย่างจริงใจ

การผ่าตัดดำเนินไป 
ผมค่อยๆเลาะเอาไอ้หัวดำๆที่ส่วนปลายที่ติดเชื้อมากที่สุดนั้นออกก่อน ตอนแรกก็นึกว่ามันคือปากมดลูก แต่เอาเข้าจริงๆ ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นก้อนเนื้องอกของมดลูกที่ปลิ้นออกมาจากข้างในหรือไม่ก็เป็นเนื้องอกที่ปากมดลูกก็ได้ รู้สึกดีนิดหน่อยที่มีเลือดออกมาบ้าง 
การเลาะเล็มเศษเนื้อที่เน่าๆออกนั้นทำได้จำกัด เพราะหากเราเลาะเนื้อเยื่อมันมากเกินไป อาจจะทำให้ทะลุเข้ากระเพาะปัสสาวะได้ ผมจึงตัดสินใจหยุดการผ่าตัดและดันมดลูกที่ยังคงมีผิวเน่าอยู่อีกบางส่วนนั้นกลับเข้าไปในช่องคลอด

ผมกลับถึงบ้านราวตี ๔ เปิดกระจกรถและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กลิ่นดอกจำปีข้างบ้านมันช่างรัญจวนใจ ผมเลือกที่จะยืนสงบนิ่งกับกลิ่นดังกล่าวระยะหนึ่งก่อนที่จะไขกุญแจเปิดประตูเข้าบ้าน

ม๊ะยังคงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจประคับประคองอยู่อีกราว ๑๐ วัน ยาฆ่าเชื้อถูกให้อย่างเต็มที่ สิ่งที่บอกเราว่าอาการของแกเริ่มดีขึ้นคือการที่เราสามารถลดยากระตุ้นหลอดเลือดลงได้และหยุดใช้มันในที่สุด และเมื่อ ๒ วันที่ผ่านมา แกสามารถหายใจเองได้เก่งพอที่เราจะเอาท่อช่วยหายใจออก

“ป๊ะอยู่ไหน” คงเป็นประโยคแรกๆที่แกถามลูกสาวออกมาเป็นภาษายาวี

ผมก็ไม่รู้ว่าเธอจะตอบแม่เธอไปว่าอย่างไร ในเมื่อป๊ะได้สิ้นใจไปตั้งแต่วันที่ ๓ หลังจากที่เมียของแกถูกส่งตัวมาให้เรารักษาที่ม.อ.แล้ว

โอ๊ย..โลกนี้มันช่างโหดร้ายนัก
.....................

“แม่จ๋า นี่กลิ่นอะไร” ผมถามออกมาในทันทีที่ปิดประตูรถ เตรียมตัวออกไปทำงาน กลิ่นนี้มันช่างคุ้นจมูกสูตินรีแพทย์อย่างผมยิ่งนัก
ว่าแล้วผมก็ก้มตัวลงไปดมที่ตักของเมีย

“พ่อทำอะไร” เธอเองก็คงตกใจเหมือนกัน

“กลิ่นแบบนี้มันเหมือนช่องคลอดอักเสบ” อันที่จริงก็ไม่ใช่การอักเสบของช่องคลอด แต่เป็นการเสียสมดุลย์ของจุลินทรีย์ในช่องคลอด ผมกำลังหมายถึง bacterial vaginosis หรือที่พวกเรามักจะเรียกเป็นตัวย่อว่า BV มันออกจะคาวๆตุๆ

“จะบ้าแล้วเหรอ แล้วมาดมของแม่แบบนี้เนี่ยนะ” ผมถูกตีดังเผียะ

ไม่ใช่กลิ่นของเมีย เธอเพิ่งอาบน้ำ และกลิ่นที่ตักของเธอมันก็คือกลิ่นของน้ำยาปรับผ้านุ่มนั่นเอง ผมเลื่อนมาดมที่ซอกคอและกกหูของเธอ (อันนี้แถม) มันก็หอมรัญจวนใจตามปกติ น้ำหอมที่เธอเลือกใช้มันก็เป็นที่พึงใจของผมเสียด้วย

แล้วมันเป็นกลิ่นของอะไรวะ ผมพึมพำในใจและรู้สึกหงุดหงิด

“แม่ เมื่อวานตอนที่เราไปตลาด แม่วางถุงใส่กุ้งไว้ตรงไหน” ผมถาม
“ก็วางที่พื้นตรงนี้ไง” เธอชี้มาที่พรมวางเท้า

นั่นไง น้ำจากกุ้งติดที่พรม อบกันมาทั้งคืนในรถหรูที่แท้จริง มันตุๆเหมือนในช่องคลอดที่เป็น BV เลย

เจริญพรเถิดโยม

ธนพันธ์ ชูบุญผู้เชี่ยวชาญด้านกลิ่นอันพึงประสงค์
๘ ตค ๖๑

 

เรื่องกลิ่นใครคิดว่าไม่สำคัญ จากปากหมอสูตินรีเวช ผู้เชี่ยวชาญด้านกลิ่นอันพึงประสงค์ เคยขอโทษคนไข้เพื่อวิ่งออกไปอ้วก กลิ่นของคุณบ่งบอกทุกสิ่ง

 

ขอบคุณ Thanapan Choobun